วิธีฝึกทักษะการพูดคุยที่ยอดเยี่ยม

มีคำถามจากหลายๆ ท่านที่รู้ตัวว่าเป็นคน “พูดไม่เก่ง” ไม่เชี่ยวชาญในการเข้าสังคม ค่อนข้างรักสันโดษแต่ก็ทราบดีว่ายิ่งโตก็ยิ่งต้องมีทักษะในการเข้าหาผู้คน จึงอยากได้ทักษะการฝึกฝนการพูดคุยกับลูกค้า โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนว่าทำอย่างไรถึงจะพูดคุยได้อย่างคุ้นเคยและมีความน่าเชื่อถือ 

อย่างไรก็ดี ถ้าคุณอยากเป็นนักขายหรือทำงานเป็นนักขายอยู่แล้ว ทักษะการพูดคุยกับคนมากหน้าหลายตาและมีชีวิตที่แตกต่างกันแบบร้อยพ่อพันแม่ย่อมเป็นสิ่งที่จำเป็น

โดยเฉพาะเหล่าลูกค้า ทีมงาน หัวหน้า เป็นการทำงานระหว่างคนต่อคน การสื่อสารที่ดีและเป็นมืออาชีพย่อมหมายถึงความน่าเชื่อถือของตัวคุณเอง ลูกค้าจะซื้อหรือไม่ซื้อนั้นขึ้นอยู่กับ “สกิลปาก” และ “สกิลหู” ในการฟังของคุณล้วนๆ พรสวรรค์หรืออุปนิสัยใจคอของแต่ละคนที่แตกต่างกัน

โจทย์ของวันนี้คือทำอย่างไรถึงจะฝึกฝนการเป็นนักคุยที่ยอดเยี่ยม น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์ของมุ่งหวังสู่การขายที่ดีให้ได้ ขอบอกข่าวดีก่อนเลยครับว่าทักษะนี้สามารถฝึกฝนได้ทุกวันเลยด้วยซ้ำ

1. ฝึกทักทายคนแปลกหน้าตามร้านอาหารหรือเซเว่นย่านที่คุณคุ้นเคย

เป็นการฝึกง่ายๆ และมีโอกาสทำได้ในชีวิตประจำวัน เวลาคุณไปกินข้าว ซื้อของ ตามร้านประจำที่คุ้นเคย เจ้าของร้านหรือเด็กเสิร์ฟน่าจะจำหน้าคุณได้บ่อยๆ อยู่แล้ว เวลาสั่งอาหารหรือตอนจ่ายเงินก็ลองฝึกทักทายด้วยรอยยิ้ม ถามคำถามที่ดีพอหอมปากหอมคอ เช่น วันนี้ขายดีมั้ยครับ เป็นต้น หรือดูกรณีตัวอย่างของร้านสตาร์บั้คส์ดูก็ได้ครับ พนักงานขายจะชอบถามชื่อคุณเสมอเพื่อจดจำชือคุณให้ได้ หรือทักทายพูดคุยกับคุณบ้างตามมารยาท บางทีก็เสนอขายเบเกอรี่เพิ่มเติมหลังจากที่คุณได้รับความรู้สึกที่ดี นี่คือตัวอย่างง่ายๆ ที่พวกเขาทักทายและจำคุณได้ พอถึงเวลาจะขายสินค้าเพิ่ม คุณมีโอกาสที่จะตอบตกลงตามข้อเสนอของพวกเขาง่ายขึ้นเลยล่ะครับ

2. ฝึกจีบสาวที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนให้ได้

ถ้าคุณยังโสด รูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย ไม่ใช่คนตลก พูดจากไม่เก่ง จีบสาวไม่ได้เรื่อง ซดแต่แห้วเป็นประจำ การยอมจำนนต่อโชคชะตาย่อมทำให้คุณเป็นแค่ “หมามองเครื่องบิน” อยู่วันยังค่ำ บางทีเหตุผลที่บอกว่าคุณไม่หล่อไม่รวยอาจจะเป็นแค่ข้ออ้างด้วยซ้ำไป เหตุผลที่คุณจีบสาวไม่ติดหลักๆ เลยก็คือคุณคุยไม่เก่งนั่นเองครับ ต่อให้รูปหล่อพ่อรวยแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ การจีบสาวจึงเป็นอีกวิธีนึงที่คล้ายกับการขาย เพราะผู้หญิงจะเปิดใจให้คุณมากขึ้นก็ต่อเมื่อพวกเขาให้ความไว้วางใจคุณเพิ่มขึ้นนั่นเอง ที่สำคัญคือเห็นประโยชน์ว่ามีคุณเข้ามาแล้วชีวิตของพวกเธอจะดีขึ้นได้อย่างไร 

วิธีการในยุคโซเชี่ยลนี้ก็ไม่ยาก ลองมองหาเพื่อนในเฟซบุ้คหรือไอจีที่คุณชื่นชอบ เมื่อเขารับคุณเป็นเพื่อนแล้วก็ลองหาโอกาสไปคอมเมนต์แบบสุภาพ ถ้าสาวเขาไลค์กลับหรือเม้นกลับมา คุณก็ลองทักส่วนตัวทาง Inbox จากนั้นก็ลงมือจีบสาวแบบมีชั้นเชิงได้เลย ลองวัดผลการกระทำของตัวเองด้วยว่าความสัมพันธ์มีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นบ้างมั้ย เช่น ชวนนัดเดทแล้วสาวตอบตกลง หรือเวลาว่างก็ส่งข้อความมาหาคุณกลับ สิ่งที่ต้องระวังมีเรื่องเดียวก็คือพยายามอย่าซี้ซั้วจีบสาวที่พวกเขาอาจจะรู้จักกัน คุณอาจโดนตราหน้าว่าเป็นพวกหน้าม่อและโดนแบนก็เป็นได้ (ฮา)

3. เข้าร่วมกิจกรรมแบบคลับหรือสโมสรตามสิ่งที่คุณชื่นชอบ

ยุคโซเชี่ยลนั้นสามารถพบปะพูดคุยกันแบบออนไลน์และขับเคลื่อนไปสู่โลก “ออฟไลน์” ได้อีกด้วย ไล่ตั้งแต่ในเพจต่างๆ ที่มีกลุ่มทั้งเปิดและปิดเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ซึ่งคุณสามารถเข้าไปติดตามและเป็นหนึ่งในสมาชิกของคลับออนไลน์ได้เลย เช่น คลับคนรักหมา คลับรถที่คุณขับ คลับสุขภาพและออกกำลังกาย คลับเกี่ยวกับธุรกิจด้านการขายและการตลาด เป็นต้น

เพราะกิจกรรมที่สำคัญของทางคลับก็คือการจัดมีตติ้งเพื่อพบปะพูดคุย หรือมีการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญนั้นๆ คุณจึงมีสิทธิ์ได้เจอคนที่มีความคิดหรือรสนิยมที่คล้ายๆ กัน และได้มีโอกาสพูดต่อหน้าคนอื่นแบบไม่ต้องเกร็งมากนัก การออกงานสังคมแบบนี้ถือว่าสร้างสรรค์และทำให้คุณพัฒนาทักษะการเป็นนักพูดที่ยอดเยี่ยมขึ้นครับ

4. ฝึกจดจำและใช้มุกตลกประจำตัวอยู่เสมอ

ผมเชื่อว่าไม่มีใครไม่ชอบคนที่มีอารมณ์ขันแบบมีกาละเทศะแน่นอนครับ คนที่เกิดมาแล้วเป็นคนตลก เฮฮา ย่อมเป็นคนที่มีแต่คนอยากเข้าหาหรือทำความรู้จักด้วยอยู่แล้วโดยไม่เกี่ยงหน้าตาหรือประวัติส่วนตัว ไม่เชื่อดูเหล่านักแสดงตลกชื่อดังดูก็ได้ครับ แต่การเป็นคนมีอารมณ์ขันก็ช่างยากเสียนี่กะไร ผมเคยคิดว่าคนที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์เรื่องนี้นั้นช่างโชคดีจริงๆ เพราะผมเองไม่ใช่คนตลก จึงลองฝึกทักษะนี้ด้วยตนเอง ผมเชื่อว่าการฝึกนี่แหละครับถึงจะช่วยให้คุณเป็นคนที่มีอารมณ์ขันแบบนั้นได้ ถึงจะไม่ค่อยเนียนก็เถอะ

วิธีการก็ง่ายๆ เวลาคุณอยู่กับคนตลกแล้วพวกเขายิงมุกอะไรออกมา ถ้าคุณฮาและชื่นชอบ จงจดจำลีลา ประโยค สีหน้า น้ำเสียง แววตาของคนพูดให้ดี จากนั้นเมื่อถึงโอกาสก็ลองยิงมุกที่คุณจำได้ออกมา ถ้าคนในวงรู้สึกตลกและมีรอยยิ้ม แสดงว่ามุกของคุณเวิร์กแล้วล่ะครับ ลองจดจำมุกประจำตัวเอาไว้ก็เป็นสิ่งที่ไม่เลว ถ้านึกอะไรไม่ออกก็ลอง “ล้อตัวเอง” ดูก็ได้ครับ นอกจากคนอื่นจะรู้สึกว่าคุณเป็นคนเข้าถึงง่ายแล้ว เรื่องนี้ยังช่วยลดอาการเกร็งของการพบปะกับคนแปลกหน้าอีกด้วยครับ

5. ลงทุนกับตัวเองด้วยการเข้าเรียนกับสถาบันด้านบุคลิกภาพชั้นนำ

การเรียนรู้กับสถาบันด้านบุคลิกภาพชั้นนำ เป็นการลงทุนที่ดีกับตัวคุณเองมากๆ บริษัทเหล่านี้มีหลักสูตรดีๆ ที่มีการจัดเรียงข้อมูลเป็นแบบลำดับ ตั้งแต่ปรับพื้นฐานไปจนถึงศาสตร์ชั้นสูง ที่สำคัญคือสามารถ “วัดผล” ทักษะการพูดคุยของคุณออกมาเป็นตัวเลขได้ ทำให้พวกเขารู้จุดอ่อนและจุดแข็งของคุณเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีบรรดาครูอาจารย์หรือโค้ชที่มีประสบการณ์ในการสอนและให้คำแนะนำที่ตรงจุดกับคุณได้ คล้ายๆ กับถ้าคุณอยากผอม หุ่นดี คุณลงทุนจ้างโค้ชฟิตเนสมาสอนตัวต่อตัวของคุณย่อมได้ผลเร็วกว่าการงมเข็มฝึกฝนด้วยตนเองนะครับ

ทักษะการคุยเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักขาย ผมไม่ได้พูดถึงการคุยเพื่อขายของอย่างเดียว แต่เพื่อช่วยให้คุณเป็นนักคุยที่ดีสำหรับชีวิตประจำวันอีกด้วยครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น