อยากเป็นนักขายในบริษัท IT ระดับโลก ต้องทำอย่างไร

 

 

ในปัจจุบันนี้ เราอยู่ในยุคที่โลกออนไลน์ “ดูดกลืน” โลกออฟไลน์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถลงมือทำสิ่งต่างๆ ให้ชาวโลกได้เห็นง่ายๆ ด้วยนวัตกรรมออนไลน์อย่างเฟสบุ้ค (Facebook) หรือยูทูป (Youtube) สามารถค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ แค่ปลายนิ้วด้วยกูเกิ้ล (Google) ใช้เครื่องมือสื่อสารและโน้ตบุ้คทำงานด้วยสินค้าของแอปเปิ้ล (Apple) 

.

นอกจากนี้ การจัดอันดับ “บริษัทที่น่าทำงานที่สุดในโลก (World’s Most Admired Companies)” โดยนิตยสารฟอร์บส (Forbes) มักมีบริษัทไอทีติดอันดับอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น Apple, Amazon, Facebook, Google, Microsoft, Etc. เรียกได้ว่าเป็นบริษัทในฝันของเด็กสายไอทีแทบทั้งโลกเลยก็ว่าได้

.

ผมเคยได้รับ “โอกาส” จากบริษัทไอทีระดับโลกและอยาก “แบ่งปัน” วิธีการที่ถูกต้องให้นักขายสายไอทีที่มี “ความฝัน” ในการร่วมงานกับบริษัท Top 50 ของโลกสักครั้ง

.

สิ่งที่ผมได้รับคือ “ระบบ” และ “เทคนิค” การขายที่สามารถใช้กับการขายโครงการมูลค่าหลักร้อยล้านได้จริง นี่คือแก่นแท้ของความเป็น “เซลล์ร้อยล้าน” ของผมเลย และได้ใช้ทักษะที่เรียนรู้จากการทำงานครั้งนั้นเอามาพัฒนาตัวเองจนสามารถทำธุรกิจแบบ B2B และนำความรู้เหล่านั้นมา “เล่าสู่กันฟัง” ให้เพื่อนๆ ได้ทุกวัน 🙂

.

คุณสามารถนำ “ความรู้” และ “ประสบการณ์ จากการทำงานกับบริษัทระดับโลกไปต่อยอดสู่ “การเป็นเจ้าของกิจการ” หรือ “การเป็นผู้บริหาร” มืออาชีพในอนาคตได้เลยครับ

ข้อดีของการทำงานกับบริษัท IT ระดับโลก

.

  • เงินเดือนและสวัสดิการดีที่เลิศ 

  • ได้เรียนรู้ระบบการขายระดับโลกที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว สามารถลงมือทำและวัดผลได้จริง

  • โอกาสในการเป็นใหญ่เป็นโตในบริษัทชั้นนำและโลดแล่นอยู่ในวงการไอทีระดับโลก

  • โอกาสในการบินไปดูงานต่างประเทศ เช่น อเมริกา สิงคโปร์ เยอรมัน ญี่ปุ่น ฯลฯ

  • มีทีมงานและพนักงานมืออาชีพให้ร่วมงานและเรียนรู้ ทำให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น

  • ได้เรียนรู้และลงมือขายเทคโนโลยีด้านไอทีที่ทันสมัยที่สุดในโลก

  • เป็นเซลล์ร้อยล้านได้ทันที (แน่ล่ะ…เพราะคุณจะได้ถือยอดไม่ต่ำกว่าร้อยล้านแน่นอน ฮา..)

วิธีการทำงานร่วมกับบริษัทระดับโลก

.

ก่อนเข้าเรื่อง ผมจะเน้นวิธีการ “ออกล่า” โอกาส มากกว่าการเฝ้า “รอคอยโอกาส” นะครับ เพราะถือว่าคุณเองก็คือนักขายชั้นเลิศเหมือนกัน สินค้าของคุณก็คือ “ตัวของคุณเอง” นั่นเองครับ คุณต้องเป็นฝ่าย “ขายตัวเอง” ให้ได้ เพื่อโอกาสในการทำงานกับบริษัทระดับโลก

.

0. ทำงานที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด ทัศนคติเรื่องอายุไม่สำคัญที่สุดเสมอไป

.

ถ้าคุณได้รับโอกาสในการทำงานสายไอทีแล้ว จงลงมือทำงานอย่างตั้งใจ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าฉันอยากจะไปอยู่บริษัทในฝันที่ไหนบ้าง จากนั้นลงมือขายสินค้าและบริการของบริษัทปัจจุบันให้เต็มที่ หาโอกาสปิดการขายดีลใหญ่ๆ งานยากๆ ให้ได้ พยายามเรียนรู้การขายอย่างเป็นระบบ อย่าทำงานสไตล์ลูกทุ่ง ควรมีความเป็นมืออาชีพสูง (แนะนำให้อ่านวิธีการจากเพจผมก็ได้ครับ) 

.

ถ้ากลัวว่าจะไปทำงานไม่ได้เพราะอายุน้อยเกินไป ผมจะบอกว่าบริษัทข้ามชาติไม่ได้สนใจเรื่องอายุ ถ้าผลงาน ประสบการณ์แห่งความสำเร็จและวิธีการทำงานของคุณนั้นเจ๋งพอ ยิ่งในยุคนี้มีบริษัทไอทีข้ามชาติสไตล์ Gen-Y เติบโตอยู่มากมาย และเป็นยุคแห่งสตาร์ทอัพ (Startup) ขับเคลื่อนโลกอย่างแท้จริง

.

ประสบการณ์และความสำเร็จในการทำงานจะเป็นสิ่งที่บริษัทระดับโลกสนใจในตัวคุณ เพราะเป็นสิ่งที่จับต้องและวัดผลได้ เหนือกว่านั้นคือ “วิธีการหาเงิน” ให้กับพวกเขาที่เป็นสิ่งที่อยู่ในหัวของคุณ

.

ถ้าเสียดายเวลาดีๆ ที่เคยได้ทำงานร่วมกับทีมเดิม ก็ไม่ต้องคิดมากนะ คุณโทรนัดเพื่อนร่วมงานเก่าได้ทุกเมื่อ อีกอย่างคือถ้าพูดแบบโลกไม่สวย บริษัทเดิมก็หาคนใหม่มาแทนคุณได้อยู่ดีน่ะแหละ (ยิ้ม..)

.

1. ใช้ Linkedin.com เล่นเกมรุก ไม่ต้องรอตั้งรับไปวันๆ เพื่อขอโอกาสสัมภาษณ์งาน

.

ผมมักจะย้ำและพูดถึงโซเชี่ยลมีเดีย Linkedin.com อยู่เสมอ เพราะนอกจากจะใช้หาลีดที่ใช่ได้แล้ว คุณยังสามารถใช้เครื่องมือชิ้นนี้ในการหางานที่ใช่ได้อีกด้วย ภายใน Linkedin จะมีเมนู Job เพื่อดูประกาศการรับสมัครงาน โดยคุณสามารถค้นหาชื่อบริษัทที่ต้องการ หรือเลือกอุตสาหกรรมไอทีเป็นหลัก คุณจะพบงานมากมายที่คุณสามารถคลิกดูรายละเอียดต่างๆ ที่ตรงกับตัวคุณได้อย่างง่ายดาย

.

ข่าวดีก็คือ ภายใน Linkedin มักมีประกาศรับสมัครงานของบริษัทระดับโลกเป็นส่วนใหญ่ คุณสามารถคลิกสมัครงานแบบง่ายๆ ได้ทันที คุณควรลงข้อมูลส่วนตัวภายใน Linkedin ให้ครบถ้วน เพื่อจะได้ลดเวลาในการกรอกข้อมูล ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น ข้อมูลส่งถึงฝ่าย HR หรือ Hiring Manager ได้อย่างรวดเร็ว 

.

ท่าไม้ตายก้นหีบของผมที่ต้องแชร์เลยก็คือคุณควรค้นหาตำแหน่ง HR Director, Sales Director หรือแม้แต่ CEO ของบริษัทที่คุณต้องการทำงานด้วย จากนั้นจงคลิก “เป็นเพื่อน” กับพวกเขา และส่ง “ข้อความ” ที่ทำได้ง่ายๆ เหมือนแชตในเฟสบุ้ค บอกถึงความต้องการที่จะขอร่วมงานเป็นนักขายให้กับพวกเขา ส่งเรซูเม่ให้พวกเขาพิจารณา และขอโอกาศในการทำนัดให้พวกเขาเรียกสัมภาษณ์คุณ บอกไปเลยว่าคุณมีวิธีการทำเงินให้พวกเขาได้

.

สุดท้ายคือถ้าต้องการเล่นเกมรับ คุณแค่เพียงอัพเดทข้อมูลการทำงานให้ครบถ้วน แล้วเฝ้ารอโอกาสจาก “นักล่าค่าหัว (Head Hunter) ในการติดต่อคุณเข้ามา ถ้าโปรไฟล์คุณค่อนข้างหรูหรา คุณจะได้รับโอกาสจากพวกเขาเหล่านั้นแบบง่ายๆ แต่ถ้าโปรไฟล์คุณไม่ค่อยหล่อ คุณก็อาจจะได้รับโอกาสยากกว่าเท่านั้นเอง

.

2. แสวงหาโอกาสไปเรื่อยๆ ลงมือทำราวกับว่าคุณกำลังหาลูกค้าใหม่

.

ในเมื่อคุณเองก็เป็นนักขายที่ดีอยู่แล้ว ทำไมไม่เอาทักษะในการออกล่าลูกค้าใหม่ มาใช้กับตัวเองบ้างล่ะครับ

.

ผมเคยอ่านหนังสือเรื่อง ‘A Dream to Die For’ ล้ม 3,000 ครั้ง เพื่อชนะฝันครั้งเดียว

.

หนังสือเล่มนี้ เขียนโดยคุณมาโนช พฤฒิสถาพร ผู้ที่เคยแชร์เรื่องราวความล้มเหลวในการใช้ความพยายามส่งใบสมัครงานถึง “3,000 ครั้ง” เพื่อไขว่คว้าความฝันในการทำงานกับบริษัท IT ระดับโลกที่อเมริกา แผ่นดินแม่ของเทคโนโลยี

.

เขาล้มเหลวเพราะไม่มีคุณสมบัติใดๆ ที่ทำให้ตัวเองได้เปรียบในการสมัครงานเลย เช่น ประวัติการทำงาน เชื้อชาติ ประสบการณ์ การพูดภาษาอังกฤษ เป็นต้น แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ปรับปรุงสิ่งที่เสียเปรียบและพัฒนาตัวเอง ฝึกฝน ทุ่มเท ลงมือสมัครงานใหม่ สัมภาษณ์งาน วนลูปไปมามากกว่า 3,000 ครั้ง จนได้งานกับบริษัทสตาร์ทอัพระดับโลกที่ “Credit Karma” 

.

คุณเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ได้บ้างครับ? สิ่งที่ผมอยากให้พวกคุณทุกคนลงมือทำ คือการลงมือสมัครงาน พัฒนาทักษะในการสัมภาษณ์งาน ขายตัวเองให้ได้ ผมเองลงมือทำเพียงแค่เศษเสี้ยวของเขา (ประมาณ 100 ครั้ง) ถึงได้งานกับบริษัทระดับโลก คุณเองก็ทำได้เช่นกัน

.

ลงมือทำทันที ไม่ต้องรอ ยิ่งล้มเหลวนี่แหละยิ่งดี คุณจะได้ปรับปรุงตัวเองและแสวงหาโอกาสใหม่อีกครั้ง ไม่ต่างกับการวิ่งหาลูกค้าใหม่ด้วยทักษะการขายที่คุณมีเลยครับ

.

3. ฝึกทักษะภาษาอังกฤษให้อยู่ในระดับที่สื่อสารแบบมืออาชีพให้ได้

.

เรื่องนี้คงไม่ต้องบอกนะครับว่ามันจำเป็นขนาดไหน คุณกำลังมีเจ้านายคนใหม่เป็นฝรั่ง ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ได้เรื่องในการใช้ภาษาอังกฤษ คุณจะมัวรออะไรอยู่ จงรีบไปเรียนภาษาอังกฤษเดี๋ยวนี้เลย ยิ่งในยุคนี้ คุณสามารถเรียนฟรีผ่านทางยูทูปที่มีให้เรียนตั้งแต่ ‘บทที่ 1’ โดยอาจารย์ฝรั่งเลยด้วยซ้ำ

.

การเลือกเรียนกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพก็เป็นการลงทุนให้ตัวเองในทางที่ดี เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเอาเงินไปลงกับ ‘ขวดเหล้า’ หรือปาร์ตี้ย่ำราตรีทุกๆ วันหยุด คุณควรเลือกเรียนกับอาจารย์ฝรั่งและมุ่งเน้นการสนทนาเชิงธุรกิจเพื่อเอาไปใช้ในชีวิตการทำงานจริงให้มากที่สุด

.

อีกสิ่งหนึ่งที่จะการันตีว่าคุณมีความสามารถทางภาษาอังกฤษคือการสอบโทอิก (TOEIC) เพื่อรับประกันว่าคุณมีทักษะทางภาษาในระดับที่ดีใช้ได้ คุณควรสอบเพื่อเอาผลคะแนนให้มากกว่า 550 ขึ้นไป มันจะทำให้คุณได้งานกับบริษัทฝรั่งง่ายขึ้น แถมหลายๆ บริษัทใช้เจ้าสิ่งนี้ในการอัพเงินเดือนได้ด้วย

.

นี่คือเรื่องที่สำคัญมากเพราะคุณต้องสัมภาษณ์งานกับฝรั่งและชาวจีนสิงคโปร์แน่นอน ทักษะในการสื่อสารจะช่วยเล่า ‘ความคิดในหัว’ ของคุณออกมาเพื่อให้พวกเขารู้ว่าคุณนั้น ‘เจ๋งแค่ไหน’ 

เมื่อได้รับโอกาสในการสัมภาษณ์งาน

 

4. แต่งตัวให้ดูมีความเป็นมืออาชีพที่สุด

.

บริษัทระดับโลก ค่อนข้างให้ความสำคัญกับความประทับใจแรกพบ (First Impression) อย่างมาก เพราะการทำงานที่เป็นมืออาชีพ ถ้าคุณแต่งตัวดูไม่น่าเชือถือ ลูกค้าจะให้ความเชื่อมั่นคุณได้อย่างไร คุณควรแต่งตัวให้พร้อมด้วยเครื่องแบบที่ดูดี ตัดผมทรงสุภาพ ดูแลเรื่องเล็บมือให้สะอาด ระวังเรื่องกลิ่นปาก หน้าตาต้องสดใส แฝงรอยยิ้ม

.

การแต่งกายสัมภาษณ์งานจะทำให้คุณดูโดดเด่นกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ผมขอแนะนำให้คุณใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเน็กไทสีสุภาพ กางเกงสแล็กรีดเรียบๆ สีดำ รองเท้าหนังขัดมันให้วาววับ ถ้ามีสูทมาตรฐานหรือเบลเซอร์สีสุภาพจะช่วยขับลุคให้คุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นไปอีก เพิ่มโอกาสในการได้งานให้สูงขึ้น

.

5. แชร์วิธีการทำเงินให้กับผู้สัมภาษณ์ด้วยระบบการขายมืออาชีพ (สำคัญที่สุด)

.

คำถามเด็ดที่จะวัดผลว่าจะ “เอา” หรือ “ไม่เอา” คุณมาเป็นนักขาย ก็คือคำถามที่ถามตัวคุณว่าคุณจะทำเงินให้พวกเขาอย่างไร คุณมีวิธีขายอย่างไรบ้าง

.

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดแล้ว สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์จะ “ซื้อ” ตัวคุณนั่นคือความเชื่อมั่นในตัวคุณว่าคุณจะสามารถทำเงินให้เขาได้ ด้วยวิธีการที่พิสูจน์ วัดผลได้จริง ต่อให้คุณโม้หรือพูดมากแค่ไหนว่า…

.

“คุณรักและชอบงานขายมาก เกิดมาเพื่อทำงานนี้”

“คุณตั้งใจพัฒนาความสามารถให้บริษัทเกินคุ้มค่าจ้าง”

“คุณตั้งเป้ายอดขายของบริษัทฯ ให้มากกว่า 150%”

.

คำตอบเหล่านี้เป็นสิ่งดีครับ แต่ข่าวร้ายคือ มันไม่สามารถวัดผลอะไรได้เลย ถ้าคุณได้มีโอกาสสัมภาษณ์งานกับบริษัทระดับโลก พวกเขาจะมองว่าคุณโม้ทันที และพวกเขารู้สึกเฉยๆ เพราะสัมภาษณ์นักขายมานักต่อนัก นักขายส่วนใหญ่จะตอบทำนองนี้มากกว่าบอกวิธีการทำงานว่าจะทำอย่างไรถึงจะขายของได้ คุณต้องพูดเรื่องระบบการขายในหัวคุณออกมา ไม่ว่าผู้สัมภาษณ์จะถามหรือไม่ถาม คุณต้องเล่าให้พวกเขาฟังให้ได้ประมาณนี้

.

  • คุณทำกิจกรรมทางการขาย (ทำนัด) ได้นัดใหม่เฉลี่ยวันละ 3-4 นัดทุกวันขึ้นไป

  • คุณโทรหาลูกค้าวันละ 15-20 นัด เพื่อทำนัด ตามงาน อัพเดทงาน

  • คุณมีแผนการในการตามงานที่ดี เช่น ทำตารางเวลาว่าจะตามงานช่วงไหนบ้าง วางแผนได้ว่าแต่ละรายจะสามารถปิดดีลได้ช่วงไหนบ้าง

  • คุณเห็นความสำคัญและอัพเดทเซลล์รีพอร์ทให้ล่าสุดอยู่ตลอดเวลา เพื่อติดตามสถานะของลูกค้าและเอาไว้ใช้ตามงาน

  • คุณมีหลักการการตั้งราคาที่ดี และเน้นการขายแบบเน้นคุณค่าก่อนราคา

  • คุณมีวิธีการดูแลลูกค้าหลังการขาย เช่น มีแผนเข้าเยี่ยมลูกค้าเก่าทุกๆ เดือน เป็นต้น

  • ฯลฯ อะไรก็ตามที่จับต้องได้แบบเป็นตัวเลข นี่คือสิ่งที่คุณต้องเล่าให้พวกเขาฟังครับ

.

จำไว้นะครับ แก่นแท้ของการขายที่ทำให้ผู้สัมภาษณ์เชื่อได้ว่าคุณสามารถขายของได้จริงคือ “กิจกรรมทางการขาย” สิ่งนี้มันคือสมการทางตัวเลขง่ายๆ ครับ ยิ่งคุณทำนัด นำเสนอ ติดตามผล เจรจาต่อรอง ปิดการขาย ลูกค้าใหม่ได้มากเท่าไหร่ ตัวเลขก็ยิ่งเข้ามามากขึ้นเท่านั้น สิ่งนี้คือหลัก “คณิตศาสตร์” ไม่ใช่เพียงแค่ “ลมปาก” แล้วคุณจะขายตัวเองได้

.

6. เล่า Success Story ด้วยผลงานแห่งความสำเร็จที่ผ่านๆ มา

.

เหมือนกับการขายของให้ลูกค้า คุณควรเล่า Success Story ที่เป็นความสำเร็จจากการทำงานที่ผ่านมา เช่น

.

  • ปีที่แล้วคุณทำตัวเลขเกิน 100% ติดต่อกัน 4 ควอเตอร์ (Quarter)

  • เป็นท็อปเซลล์ของบริษัท

  • คุณเข้าพบลูกค้าได้สัปดาห์ละ 20 นัดขึ้นไป

  • เป็นนักขายที่แบกทีมจากไม่มียอดขายเลย เป็นมียอดขายสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน

  • เคยเอาชนะบริษัทคู่แข่งยักษ์ใหญ่ ในการแข่งขันขายงานโครงการไอที ลูกค้าขนาดใหญ่

  • ฯลฯ

.

อะไรก็ตามที่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และเป็นของจริง ท้าพิสูจน์ได้ คุณสามารถโม้ได้เต็มที่ครับ สิ่งนี้แหละที่ผู้สัมภาษณ์อยากได้ยิน คือความสำเร็จที่จับต้องได้ พวกเค้าจะรู้สึกมั่นใจและเชื่อใจคุณมากยิ่งขึ้น (หลักการเหมือนปิดการขายลูกค้าด้วยการเล่าเรื่อง)

.

แต่ถ้าไม่มีเลยก็ไม่เป็นไรครับ ให้พูดเรื่องกิจกรรมทางการขายที่คุณทำอย่างสม่ำเสมอแทน เช่น ทำนัดลูกค้าได้ทุกวัน วันละ 4-5 นัดเป็นต้น หรือถ้าจบใหม่ก็เล่าความสำเร็จในการเรียนว่าคุณเป็นคนที่มีวินัย แบ่งเวลาดี เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ก็พอจะบอกได้ว่าเด็กจบใหม่ก็มีศักยภาพในการปั้นให้เป็นนักขายที่ดีได้เหมือนกันครับ

.

7. ถามวัดใจไปเลยเพื่อปิดการขาย 

.

ง่ายๆ ครับ ถ้าการสัมภาษณ์มีฟีลลิ่งที่ดูดี คุณเล่าวิธีการขายจนเค้าประทับใจก็ได้เวลาปิดการขายแล้ว ถามวัดใจไปได้เลย เช่น
.

“พร้อมจะเริ่มงานกันเลยมั้ยครับ?”

“ช่วงเวลาพิจารณาเลือกพนักงานเป็นช่วงไหนครับ?”

“มีขั้นตอนการพิจารณาหรือต้องมีคนตัดสินใจเพิ่มเติมมั้ยครับ?”

.

ส่วนใหญ่จะได้รับคำตอบเชิงบวกจนผู้สัมภาษณ์ปฎิเสธคุณไม่ลงแน่นอน หรือได้เลื่อนเป็นมือวางอันดับต้นๆ (Shortlist) แน่ๆ ครับ อาจจะได้รับโอกาสไปต่อ

.

สำหรับการสัมภาษณ์งานกับผู้บริหารระดับสูง ชาวต่างชาติ CEO เจ้าของบริษัทเพื่อไปวัดใจกันในด่านสุดท้าย ก็ไม่ยากครับ เหมือนตอนคุณขายของแล้วเจอผู้มีอำนาจตัดสินใจ (Decision Maker) เปี๊ยบ ทำแบบเดียวกันได้เลย

สำหรับคนที่มีความฝัน ผมอยากให้พวกคุณได้รับโอกาสเหล่านั้นสักครั้ง คุณจะได้ประสบการณ์ที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน เอาความรู้และประสบการณ์เข้ามาต่อยอดความสำเร็จและรับประกันอนาคตที่สดใสของคุณได้อย่างแน่นอน ถ้าอยากทำงานบริษัทระดับโลก ผมขอเป็นตัวช่วยและเป็นกำลังใจให้ ลงมือทำได้ทันที ทำเลย ไม่ต้องรอครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น