เมื่อคุณต้องเป็นผู้สืบทอดกิจการของครอบครัว คุณควรทำอย่างไร

“การสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จว่ายากแล้ว แต่การรักษาธุรกิจให้ยั่งยืน สามารถส่งต่อไปยังชั่วลูกชั่วหลานนั้นยากกว่า..” — กูนี่แหละเซลล์ร้อยล้าน

.

ผมมีคำคำนึงอยากจะแชร์ให้คุณฟัง เป็นคำพูดของตระกูล ‘จิราธิวัฒน์’ เจ้าสัวเซ็นทรัล จากหนังสือ “กลยุทธ์สู่ความร่ำรวยตระกูล “มหาเศรษฐีอาเซียน” โดยคุณ ธนวัฒน์ ทรัพย์ไพบูลย์ ว่า…

.

“ธุรกิจครอบครัวจะมีอายุยั่งยืนเพียง 3 ชั่วอายุคนหรือ 3 รุ่นเท่านั้น”

.

หมายความว่าต่อให้ธุรกิจยิ่งใหญ่ไพศาลและยั่งยืนในรุ่นที่ 1 หรือรุ่นที่ 2 มากเพียงใด ก็อาจล่มสลายได้ในรุ่นที่ 3 

.

นี่คือสิ่งที่ตระกูลจิราธิวัฒน์ได้ ‘วางรากฐาน’ ในการสืบทอดธุรกิจครอบครัวของตระกูล นั่นคือการมีกติกาครอบครัวให้ทายาทหรือผู้สืบทอดได้ร่ำเรียนในสาขาที่เกี่ยวกับธุรกิจ พร้อมกับ ‘ลงมือทำ’ จากการเริ่มเป็นลูกจ้างภายในกิจการของครอบครัว เพื่อเป็น ‘ตำราชีวิต’ ให้ลูกหลานได้ฝึกฝนของจริง สามารถนำพาธูรกิจให้ส่งผ่านไปสู่รุ่นต่อไป

.

ในฐานะที่คุณเป็นผู้สืบทอดกิจการของครอบครัวคุณเอง สิ่งที่คุณต้องลงมือทำคือการเริ่มเตรียมตัวและวางแผนเพื่อที่จะได้รับมือกับ ‘การเปลี่ยนผ่าน’ และรักษาธุรกิจของคุณให้ยั่งยืน เติบโตขึ้นไปตามโลกที่หมุนเร็วได้ครับ

1. จงเรียนรู้ไว้ว่าในโลกของธุรกิจ ไม่มีคำว่าปรานี ต่อให้คุณเป็นลูกเจ้าของบริษัทก็ตาม

.

ในเมื่อคุณเองไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจด้วยตนเองมาก่อน (แน่ล่ะ คุณไม่ได้เป็นคนสร้างมากับมือ) มีโอกาสที่คุณจะโดนไล่ต้อนโดยคู่แข่งที่อยู่ในโลกแห่งธุรกิจ ซึ่งไม่มีคำว่าปรานีสำหรับความอ่อนแอใดๆ ทั้งสิ้น สงครามธุรกิจจะมีแต่คู่แข่งที่พร้อมดาหน้ามาถล่มคุณให้แหลกกันไปข้างนึง ตราบใดที่อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายและอาชีพที่สุจริต

.

ถ้าคุณไม่เตรียมพร้อมให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการศึกษา ความปรารถนา (Passion) และประสบการณ์ (Experience) สิ่งที่เกิดขึ้นคือศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจที่ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อแม่ของคุณก็จะเริ่มถดถอย สูญเสียส่วนแบ่งตลาดโดยคู่แข่งที่สดใหม่ เก่งกว่าคุณแน่นอน

.

2. ถามตัวเองก่อนว่าต้องการเป็นผู้สืบทอดกิจการหรือไม่

.

ถ้าคุณตอบว่าไม่และอยากลงมือทำในสิ่งที่เป็นความฝัน เช่น นักดนตรี นักร้อง หมอ ผู้กำกับหนัง ตำรวจ ทหาร หรือแม้แต่การทำธุรกิจของตัวเองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับครอบครัว เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ฯลฯ ผมขอให้คุณลุยไปให้สุดทางนะครับ พูดคุย เจรจากับพ่อแม่ของคุณให้ดี เพราะสิ่งนั้นคือ ‘ความปรารถนา’ (Passion) ของคุณเอง คุณเท่านั้นที่จะเป็นผู้ลิขิตชีวิตตนเอง

.

คำว่า ‘แพชชั่น’ เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการลงมือทำสิ่งต่างๆ เพราะคุณจะสามารถทำในสิ่งที่คุณรักได้อย่างสุดกำลังและไม่มีคำว่าเหนื่อย บางทีการ ‘ฝืน’ ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เช่นการสืบทอดกิจการของครอบครัว ถ้าคุณขาดแพชชั่น คุณจะเป็นผู้สืบทอดที่ไม่อินกับธุรกิจ ทำไปตามหน้าที่ ทำด้วยความเบื่อหน่าย ส่งผลให้คุณทำธุรกิจได้ไม่ดี ขาดการพัฒนาตัวเองและสุดท้ายก็นำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุด

.

สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ที่ลูกหลานอาจจะไม่ได้อยากรับไม้สืบทอดธุรกิจจากคุณ คุณจงใช้วิธีจ้างลูกจ้างหรือผู้บริหารมืออาชีพเพื่อเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจคุณ โดยที่ลูกหลานยังสามารถรักษาสิทธิ์ของการเป็นเจ้าของกิจการด้วย ‘สัดส่วนหุ้น’ ที่คุณจำเป็นต้องเขียนขึ้นมาเพื่อแบ่งปันให้กับลูกๆ หลานๆ เพื่อให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์จากสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมา (รวมถึงตัวคุณเองด้วย) และธุรกิจก็ยังคงดำเนินต่อไป อย่าไปคิดว่าธุรกิจจะต้องปิดตัวลงในที่สุด

3. คุณควรถีบตัวเอง ออกไปเป็นลูกจ้างตำแหน่งพนักงานขายระดับจูเนียร์ก่อน (สำคัญ)

.

ถ้าคุณเคยเห็นพ่อคุณขายของ ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จตั้งแต่เด็กจนโตแล้วคิดว่าเป็นของง่ายละก็…ผมขอบอกเลยว่าคุณกำลังคิดผิด เห็นคนอื่นทำกับลงมือทำเองนั้นช่างแตกต่างกันยิ่งนัก

.

‘การขาย’ คือเสาหลักของธุรกิจอย่างแท้จริง ธุรกิจอยู่ได้ด้วยยอดขายและผลกำไร อาชีพที่สอนให้คุณเป็นนักธุรกิจได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘อาชีพนักขาย’ เพราะเมื่อคุณเข้ารับตำแหน่ง ‘ผู้สืบทอด’ บริษัทอย่างเป็นทางการแล้ว คุณต้องเป็นตัวหลักของบริษัท ออกไปขายสินค้าและบริการได้ด้วยตนเองในฐานะเจ้าของธุรกิจและเจ้าของบริษัท

.

การเริ่มต้นทำงานในฐานะลูกจ้าง จะทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำงาน การเข้าใจเพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์ระหว่างทีมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา หัวหน้างาน ฯลฯ หรือแม้แต่การเรียนรู้และเข้าใจการเมืองในองค์กร คุณจะได้รับรู้ถึงสิ่งที่ดีและสิ่งที่แย่จากการทำงานแน่นอน สิ่งดีๆ ที่ได้รับ คุณควรนำมันมาใช้กับธุรกิจของตนเอง ส่วนสิ่งที่แย่นั้น จะทำให้คุณรับรู้ความรู้สึกของพนักงานและเป็นบทเรียนไม่ให้คุณทำพลาดในธุรกิจของตนเองอีกต่อไป

.

สิ่งที่คุณต้องทำหลังจากที่เรียนจบมาหมาดๆ คือการมองหางานที่เกี่ยวข้องกับการขายหรือธุรกิจ เช่น พนักงานขาย พนักงานการตลาด เป็นต้น เพื่อเรียนรู้ทักษะการขายโดยมีนายจ้าง เจ้านาย เป็นผู้ควบคุมการทำงานของคุณ และเป็นการเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่พ่อแม่คุณอาจจะไม่เคยสอน นั่นคือการทำงานภายใต้ความกดดันและการอยู่ร่วมกับระบบของบริษัทอื่น 

.

เมื่อได้ทำงานในตำแหน่งนักขายแล้ว จงเรียนรู้และลงมือทำเพื่อพาตัวเองไปสู่นักขายที่ยอดเยี่ยมให้เร็วที่สุด อย่ายึดติดว่าตัวเองเป็นลูกเจ้าของบริษัทแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามใจเด็ดขาด สิ่งที่คุณควรมีคือวินัย ความทุ่มเท ใส่ใจ อยู่ภายใต้ระบบของงานอย่างเคร่งครัด เพราะถ้าคุณขาดสิ่งนี้ เวลาคุณได้สืบทอดกิจการจริงๆ คุณจะคุมลูกน้องตัวเองไม่ได้ ทำให้บริษัทของคุณขาดระบบการจัดการที่ดีและขาดความน่าเชื่อถือจากลูกน้องของคุณ

.

ประสบการณ์และทักษะที่คุณได้รับจะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการทำธุรกิจมากขึ้น เพื่อนำสิ่งนั้นมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณเอง หรือแม้แต่นำความรู้และไอเดียใหมๆ่ ที่ได้มาต่อยอดให้ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น จนสามารถกลายเป็นธุรกิจใหม่ที่คุณเองมีอำนาจ 100% ได้เลย ตัวอย่างเช่น คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ลูกชายคนเล็กของเจ้าสัว CP ได้พัฒนาธุรกิจใหม่คือ ทรู คอร์ปอเรชั่น (True Corporation) ที่เป็นธุรกิจโทรคมนาคมซึ่งอยู่ภายใต้ธุรกิจของเจ้าสัว CP (Conglomerate) ได้อย่างแนบเนียน เป็นเนื้อเดียวกัน สร้างความมั่งคั่งให้กับกลุ่ม CP ได้มากขึ้นไปอีก

.

4. คุณควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม โดยเฉพาะหลักสูตรสำหรับนักธุรกิจหรือสัมมนาระดับผู้บริหารขึ้นไป

.

ในเมื่อตัวคุณเองมีทุนทรัพย์ที่เพียบพร้อมอยู่แล้ว จงอย่ามัวแต่เอาเงินพ่อแม่ไปผลาญกับกิจกรรมที่ไม่จำเป็นต่อการสืบทอดธุรกิจ โดยเฉพาะในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เช่น ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยทุกเดือน หรือท่องเที่ยวต่างประเทศมากเกินจำเป็น เป็นต้น

.

สิ่งที่คุณควรทำคือการเริ่มศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น การเรียนต่อปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ (MBA) กับสถาบันที่มีชื่อเสียงและอุดมไปด้วยนักธุรกิจมากมาย หรือการเข้าคอร์สสัมมนาทางธุรกิจที่นำคุณไปพบเจอกับเจ้าของธุรกิจมากมาย เพื่อเป็นทางลัดในการนำความรู้ ประสบการณ์ มาประยุกต์และต่อยอดกับธุรกิจของคุณ

.
คุณควรนำจุดประสงค์ในการเรียนและประโยชน์ที่คุณคาดว่าจะได้รับไปชี้แจ้งให้พ่อแม่ของคุณทราบให้ดี เพราะคุณกำลังเลือกทำสิ่งดีๆ เพื่อนำมาใช้ให้ธุรกิจเติบโตไปข้างหน้า ผมเชื่อว่าพ่อแม่ของคุณยินดีที่จะรับฟังสิ่งที่คุณต้องการแน่นอน

.

5. คุณควรให้พ่อแม่ของคุณเป็นโค้ชหรือมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ

.

ต่อให้คุณมีต้นทุนของตัวเองที่ดี เช่น ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ฯลฯ และพร้อมที่จะทำธุรกิจแล้ว แต่ยังไงก็ไม่ควรประมาทอยู่ดี เพราะคุณเองก็เปรียบเสมือนเด็กแบเบาะที่พึ่งก้าวเข้าสู่โลกแห่งธุรกิจ

.

คุณควรพูดคุยกับพ่อแม่ของคุณโดยกำหนดบทบาทใหม่จากพ่อแม่ลูกมาเป็นโค้ชทางธุรกิจให้คุณด้วย เพื่อให้พวกเขาดูวิธีการทำงานของคุณ พร้อมกับให้คำแนะนำที่ดีสำหรับการดำเนินธุรกิจ เพราะพวกเขาเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จและอาบน้ำร้อนมาก่อน

.

หรือถ้ายังคิดว่าไม่เพียงพอ สิ่งที่คุณต้องทำคือการมองหา ‘ที่ปรึกษา’ ด้านธุรกิจ เพื่อเข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้คุณอย่างตรงไปตรงมา พวกเขาจะช่วยลดความเสี่ยงในการตัดสินใจของคุณ พร้อมกับเป็นที่ปรึกษาหาวิธีการที่ถูกต้องในการทำธุรกิจกับคุณด้วย

คุณไม่ใช่นักศึกษาจบใหม่หรือเด็กอมมือที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของพ่อแม่คุณอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่คุณควรเริ่มลงมือทำเดี๋ยวนี้เลยในฐานะที่คุณต้องการเป็นผู้สืบทอดกิจการ หรือเต็มใจรับบทบาทนี้ คือการเตรียมตัวและเตรียมพร้อมเพื่อไม่ให้สิ่งที่พวกท่านสร้างมานั่นล่มสลายในยุคของคุณ พร้อมกับได้ระบบที่ดีในการส่งไม้ต่อให้กับรุ่นลูกและรุ่นหลานของคุณต่อไป

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น