หยิบเรื่องมาเล่า: เมื่อผมเจอนักขายรถในงานมอเตอร์โชว์

ก็อีกตามเคยนะครับคุณผู้อ่าน ทุกๆ ต้นปีกับปลายปีก็จะมีงานเทศกาลขายรถยนต์ หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า “มอเตอร์โชว์” ตามแต่ที่คุณถนัดจะเรียกนั่นเอง ซึ่งผมก็ไปงานนี้ทุกครั้งเพื่อไป “ตามหาแรงบันดาลใจ” ใหม่ๆ เป็นประจำ

ผมเป็นนักธุรกิจที่ชื่นชอบรถแรงๆ เพราะว่าวัยเด็กไม่เคยขับรถดีๆ จึงปณิธานไว้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าชาตินี้จะต้องขับรถดีๆ มีชาติตระกูล ไม่มีใครแซงทันให้ได้ซักครั้งในชีวิต ซึ่งตอนนี้ก็ทำได้แล้วในระดับนึงกับรถเบนซ์คู่ใจ 260 แรงม้า

การไปงานมอเตอร์โชว์ทุกครั้งก็เพื่อตามหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ โดยเฉพาะรถสมรรถนะสูง รถสปอร์ต หรือแม้แต่รถซูเปอร์คาร์ ก็ยิ่งทำให้หัวใจของผมกระชุ่มกระชวยทุกครั้งเมื่อได้เข้าไปสัมผัสหรือเข้าไปดู เข้าไปลูบชม

แน่นอนว่าตอนนี้บุคลิกและหน้าตาของผมก็ดูภูมิฐานอยู่พอสมควร พอเดินไปดูรถหรูก็มักจะได้การต้อนรับอย่างอบอุ่นของเหล่านักขายรถเป็นอย่างดี ทำให้ผมเจอมุมมองเกี่ยวกับนักขายที่แตกต่างออกไป ในฐานะที่ผมก็เป็นนักขายเหมือนๆ กัน ทำให้เจอเคล็ดบางอย่างกับประสบการณ์ในการ “โดนขาย” จากพวกเซลล์ขายรถจนเต็มคราบ

ทำให้ผมอยากหยิบเรื่องมาเล่าในฐานะที่ผมเองก็เป็นนักขายเหมือนๆ กัน จึงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์หลังจากได้พบกับนักขายรถมากฝีมือมากมาย เพื่อให้คุณได้เรียนรู้จากประสบการณ์การขายของพวกเขากันครับ

1. นักขายรถหรูมีความ “ฮาร์ดเซลล์” เป็นอย่างมาก

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเหล่านักขายมืออาชีพจากค่ายรถหรูแบบเบนซ์หรือบีเอ็ม พวกเขามีความกระเหี้ยนกระหือรือในการขายเป็นอย่างมาก ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าพวกเขามีความประกบติดหรือติดตามงานแบบถี่ๆ เพื่อให้ผมตัดสินใจจองรถให้จงได้มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้ผมเองรู้สึก “อึดอัด” ที่นักขายบางค่ายมีความพยายามมากเกินไป โทรหาผมหลังจากที่ได้ดูรถมากกว่า 2-3 ครั้ง เพื่อแค่จะสอบถามผมว่าจะเข้ามาจองรถหรือจะซื้อไหมเท่านั้นเอง ทำให้ผมรู้สึกว่าภาพลักษณ์ของรถหรูที่ควรจะใช้การติดตามงานแบบมืออาชีพนั้นมลายหายภายในพริบตา กลายเป็นว่ารถหรูนั้นก็เน้นการขายเหมือนๆ กัน ในกรณีที่นักขายรู้สึกว่าผู้ซื้อน่าจะมีกำลังซื้อ พวกเขาจะกัดไม่ปล่อย

2. แต่งตัวดี มักจะได้รับการดูแลที่ดีเป็นพิเศษ

ก็เป็นธรรมดาสำหรับการแต่งกายที่ดีก็มักจะได้รับการให้เกียรติหรือดูแลดีเป็นพิเศษ คุณไม่จำเป็นต้องไปทดสอบว่าแต่งตัวห่วยแล้วไม่มีเซลล์คนไหนสนใจคุณจนคุณคิดไปเองว่ามีเงินแต่แต่งตัวห่วยเป็นเรื่องที่เจ๋งหรือเก๋าหรอนะครับ เพราะนักขายเขาก็ไม่มีเวลามากนัก การที่พวกเขาเข้าไปดูแลลูกค้าที่ใส่แบรนด์เนมมาทั้งตัวย่อมเป็นเรื่องที่พวกเขาควรทำก่อน เป็นเพราะพวกเขาไม่มีเวลามากนักในการขายรถให้กับลูกค้าที่สนใจแต่ละคนนั่นเอง ผมเองก็ใส่แบรนด์เนมไปทั่วตัว ทำให้เหล่านักขายพุ่งเข้าหาผมดั่ง “ฉลามได้กลิ่นคาวเลือด” เลยล่ะครับ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะผมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาย่อมบริการผมได้ดีกว่านั่นเอง

3. มุกในการปิดการขาย

ถ้าพวกเขารับรู้ว่าคุณสนใจแล้วคุณเองก็บอกว่าชอบรถที่ได้ลองนั่งหรือสัมผัส พวกเขาจะเริ่มพยายามปิดการขายกับคุณทันที บางคนอาจจะคายข้อเสนอพิเศษเดี๋ยวนั้นเลย เช่น BMW ซีรีส์ 5 ตัวท็อป 530e ที่มีราคาประมาณสี่ล้านบาท นักขายจะเปิดไพ่เพื่อให้คุณมีความสนใจจนขีดสุด เช่น บอกส่วนลดถึง 500,000 บาท เพื่อล่อใจให้คุณจองรถเดี๋ยวนั้นเลย ซึ่งจริงๆ แล้วนักขายเหล่านั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องรีบปิดการขายขนาดนั้นก็ได้ เพราะพวกเขาควรจะรู้ว่าสินค้าราคาเป็นล้าน ลูกค้าย่อมอยากขอเวลาคิดมากกว่าเดิม แต่พวกเขาต้องรีบปิดการขายเพราะต้องการยอดขายภายในงานมากที่สุดนั่นเอง

4. รถหรูมักใช้เรื่องของอารมณ์มากกว่าเหตุผล

รถหรูอย่างพวกเบนซ์ บีเอ็ม หรือแม้แต่ปอร์เช่ (Porsche) จะมีราคาที่สูงกว่ารถญี่ปุ่นแทบทุกรุ่นอยู่แล้ว ดังนั้นคนที่ซื้อสินค้าเหล่านี้มักใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเหนือเหตุผลด้วยซ้ำ นักขายรถหรูจึงยินดีให้ลูกค้าได้ทดลองนั่ง ได้สัมผัส ได้บรรยายสรรพคุณสุดล้ำที่ทำให้การขับขี่มีความหรูหรา ทันสมัย อำนวยความสะดวกเหนือธรรมดามากยิ่งขึ้น นักขายบางท่านถึงกับบอกว่ารถหรูมีความแตกต่างเหนือรถที่ราคาต่ำกว่าเพราะเป็นเรื่องของ “หน้าตา” ทางสังคมเลยทีเดียวครับ เหตุเพราะพวกเขารู้ดีว่ารถเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ บิ้วอารมณ์ของผู้ซื้อจนอยากได้ย่อมดีกว่าการมานั่งอธิบายเรื่องสรรพคุณของรถเสียอีกครับ

5. เซลล์ขายรถที่คิดว่าคุณน่าจะเป็นลูกค้าพวกเขาได้มักจะขอข้อมูลคุณเสมอ

นักขายรถมืออาชีพจะสามารถมองออกได้ไม่ยาก ไล่ตั้งแต่พวกเขาจะไม่ลืมขอชื่อและเบอร์โทรของคุณเพื่อใช้ทำการ “ติดตามงาน” ของคุณต่อไป เพราะพวกเขารู้ดีว่ารถยนต์ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็เป็นสินค้าราคาแพง ไม่ใช่บาทสองบาทของคนทั่วไปอยู่เสมอ พวกเขาจะเริ่มติดตามงานตั้งแต่หลังจากที่คุณออกไปจากงานแล้วยังไม่ได้จองรถกับพวกเขาภายในช่วงข้ามคืน ความมืออาชีพของพวกเขาคือถึงแม้ว่าพวกเขาจะจบงานมอเตอร์โชว์ไปแล้ว พวกเขาก็จะติดตามโทรหาคุณอยู่เรื่อยๆ นั่นเองครับ

นี่คือสิ่งใหม่ๆ ที่ผมได้รับจากเหล่านักขายรถในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น