คุณสมบัติที่จำเป็น 3 อย่างสำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจ Startup

 บทความนี้เป็นบทความที่เพื่อนที่สุดยอดของแอดมินที่เคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ในหัวข้อ “สุดยอดนักขาย Gen-Y” คุณไฟต์ ชิตพล มั่งพร้อม เจ้าของบริษัทฯ Zanroo ซึ่งเป็นนักขายฝีมือหาตัวจับยากและนำพาองค์กร Startup ก้าวสู่ระดับโลกในปัจจุบันนี้ได้เขียนขึ้นเพื่อแชร์วิธีคิดที่ยอดเยี่ยมให้กับนักขายที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจแนว Startup (ธุรกิจที่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคหรือแก้ปัญหาง่ายๆ ในระดับมหภาพได้) หรือธุรกิจ SME (ธุรกิจส่วนตัว) ให้ทุกคนครับ

“หลังๆ ผมไม่ค่อยมีโอกาสโพสอะไรยาวๆ เนื่องจากมีเวลาน้อยและบินไปต่างประเทศแทบทุกอาทิตย์ พอว่างทีก็ต้องคุยกะคนโน้นทีคนนี้ที จริงๆ ผมเป็นชอบโพสต์อะไรยาวๆ นะ มันเพลินดี แล้วพอเวลาผ่านไปก็กลับมาอ่านเตือนสติ ย้อนดูตัวเอง ว่าตะกอนความคิดตัวเราในตอนนั้นเป็นอย่างไร แล้วเราตอนนี้เราเป็นอย่างไร….”

มาเข้าเรื่องดีกว่า

ช่วงนี้ผมได้มีโอกาสไปเดินสายพูดกะเค้าบ้างเกี่ยวกับเรื่อง Startup จนหลังๆ เองนี้ก็มีน้องๆหลายๆคนที่อยากทำ Startup ก็เริ่มเข้ามาถามกันมากขึ้นว่า

“พี่ๆ ผมอยากทำ start up นอกจากมีไอเดียเจ๋งๆ กับเตรียมพรีเซ้นท์ดีๆ ฝึกพูดเก่งๆ แล้วไปขอเงิน Investors (นายทุน) ผมควรมีคุณสมบัติอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับที่จะทำให้ธุรกิจมันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้”

ผมบอกน้องๆ ว่า น้องต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย 3 อย่างและ 3 อย่างนี้คนก็มักจะเข้าใจกันผิดหรือบางคนก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญแต่สำหรับผมแล้วมันเป็น 3 อย่างที่สำคัญที่สุดครับ

1) Idea is not a “VISION”

ใช่ครับ… อย่างแรกน้องต้องมีวิสัยทัศน์ ซึ่งวิสัยทัศน์นั้นบางคนชอบ “เข้าใจผิด” ว่ามันคือ “Idea”

ยกตัวอย่างนะครับ น้องๆส่วนใหญ่ชอบบอกว่า อยากทำ Market Place (แนวๆ Lazada) หรือ O2O Business (Online to offline) อะไรก็แล้วแต่โน่น นั่น นี่ และน้องชอบพูดประโยคเดิมๆ ว่า…

“ผมคิดว่าอันนี้คือช่องว่างทางธุรกิจครับ มันคือปัญหาระดับโลก ผมคิดว่าถ้ามี App นี้ขึ้นมาจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ครับ ผมเรียกชื่อ App นี้ว่าบลาๆๆ และผมจะต้องเป็น Unicorn แน่นอนครับ ผ่านใน 5 ปี และอันนี้แหละครับ คือ วิสัยทัศน์ของผม”

ไม่ใช่ครับ… แค่นี้สำหรับผมมันไม่ใช่ “วิสัยทัศน์” นะครับ “This is just an IDEA” เพราะบางทีผมถามไรกลับก็ยังตอบไม่ค่อยได้ หรือบางทีตอบได้ก็ตอบได้แค่ “เออว่ะ”

สรุปอย่างงี้ครับ “วิสัยทัศน์” สำหรับผมมันคือการมองเห็น “เป้าหมาย” จากด้านบน มันคือ “การมองภาพใหญ่จากทุกด้านไม่ใช่แค่จากด้านของตัวเอง” มองภาพกว้าง แล้วรู้จริงรู้ลึกในธุรกิจของตัวเอง รู้โลก รู้คู่แข่ง รู้เขา รู้เรา รู้ทีม รู้ปัญหา รู้จุดอ่อน รู้จุดแข็ง รู้วิธีแก้ รู้ในสิ่งที่ควรรู้ รู้ในสิ่งที่ต้องทำ บางครั้งก็ต้องรู้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนมาบอก แล้วเชื่อมโยงกันเป็นภาพเดียวชัดๆ ครับ

2) “DECISION” is the most important 

Startup หรือ ธุรกิจ การจะไปทางซ้ายหรือทางขวา จะ “ดีขึ้นหรือแย่ลง” มาจากการ “ตัดสินใจ” และลงมือทำ

เคยสงสัยไหมครับทำไมคนตำแหน่งสูงๆ ได้เงินเดือนเยอะแยะ งานก็ไม่ค่อยทำ ไปโน่นไปนี่ ประชุมทั้งวัน… นั่นแหละครับเค้ากำลังทำสิ่งที่ยากที่สุดเลยครับ ซึ่งมันคือ “การตัดสินใจ” เพราะการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่การฟันธงนะครับ มันต้องอาศัย ข้อมูลเยอะแยะมากมายซึ่งอาจจะมาจาก การพูดคุย การวิจัย การสังเกต ความรู้ ประสบการณ์ การโน้มน้าว การต่อรอง การเจรจา การนำเสนอ การพิจารณา การฟัง การเข้าใจ การชั่งใจ การคาดเดา ฯลฯ หรือบางครั้งก็ต้องใช้อารมณ์ ไม่มีการตัดสินใจใหญ่ๆ ครั้งไหนที่มีแต่ผลดีหรอกครับ มันมักจะมีผลเสียเสมอ ดังนั้นก็ต้องตัดสินใจเอาว่าจะไปทางไหน

เคยได้ยินไหมครับ “High Risk High Return” ซึ่งในฐานะผู้นำแล้วหากตัดสินใจผิด นั้นอาจหมายถึงชีวิตของคนทั้งบริษัท และจำไว้นะครับว่า เวลามันย้อนกลับไม่ได้ “มันไม่มีสนามเช่าให้คุณลองฝึกตัดสินใจเล่นหรอก”

3) “COMMITMENT” is a must

เพราะ Startup ไม่สามารถเติบโตได้ด้วยคนๆ เดียว การรักษาคำพูดเป็นคุณสมบัติของผู้นำ ไม่ว่าจะกับหุ้นส่วน ลูกน้อง ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจหรือนักลงทุน ดังนั้นคำพูดกับการกระทำ คือ สิ่งที่ควรใส่ใจ

“หากไร้ซึ่ง commitment แล้ว ใครที่ไหนจะอยากเดินตาม…
หากไม่รักษา commitment แล้ว ลูกค้าที่ไหนจะจ่ายเงินคุณ…”

Credit: ไฟต์ ชิตพล มั่งพร้อม – CEO Internet-Based Business Group Co., Ltd.

บทความโดย: https://www.facebook.com/Chitpol.M/posts/1617916978223377

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น