ความหมายที่แท้จริงของคำว่า 'The Pursuit of Happiness'

ผมเชื่อว่าหลายๆ คนที่ติดตามกูนี่แหละเซลล์ร้อยล้าน คงไม่พลาดที่จะดูหนังเรื่อง ‘The Pursuit of Happiness’ ที่นำแสดงโดยวิลล์ สมิธ (Will Smith) อย่างแน่นอน

หนังเรื่องนี้เป็นหนังในตำนานที่เกี่ยวกับการต่อสู้โชคชะตาของชีวิตที่ไม่ว่าจะมีความยากลำบากซักแค่ไหน การไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาและ “ไล่ล่าความสำเร็จ” หรือความสุข มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์คุณค่าของชีวิตและทำให้คนคนนั้นได้รับเกียรติยศอันยอดเยี่ยม

เรื่องราวในหนังสร้างจากชีวิตจริงของ คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์ (Christopher Gardner) ดัดแปลงมาจากช่วงเวลาหนึ่งที่เขาเป็นแค่เซลล์แมนขายเครื่องสแกนกระดูกต๊อกต๋อย ขายแทบไม่ได้ เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดียว จนได้โอกาสของชีวิตในการทำงานกับบริษัทค้าหุ้นที่ต้องผ่านการสอบและหาลูกค้าเป็นเวลา 6 เดือนโดยไม่ได้รับเงินเลยแม้แต่แดงเดียว ในหนังได้สอดแทรกการเป็นนักขายที่ดี เช่น การทำนัด การโทรหาคนแปลกหน้า การนับตัวเลข ฯลฯ รวมไปถึงการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อลูกชายสุดที่รักเท่านั้น

ผมเองได้หยิบขึ้นมาดูอีกครั้งเมื่อวานนี้เพื่อเพิ่มพลังแห่งการขายต่อตัวผม จึงสังเกตฉากในหนังอยู่ฉากนึงที่คริส การ์ดเนอร์ บอกว่าเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมโทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐยุคบุกเบิกได้เขียนคำคำนี้ใน “วันประกาศอิสรภาพ” (Declaration of Independence) เพื่อมอบให้กับประชาชนของพวกเขา 

ผมจึงขอบรรยายความหมายของคำว่า ‘The Pursuit of Happiness’ อย่างลึกซึ้ง ขอบอกเลยครับว่าถ้าคุณเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วลงมือทำ คุณจะประสบความสำเร็จอย่างมีเกียรติยศครั้งหนึ่งของชีวิตแน่นอน

“The Pursuit of Happiness”

ถ้าคุณเข้ากูเกิ้ลแล้วค้นคำนี้ในนั้น คุณจะพบว่าแทบทั้งหน้าจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้ทั้งนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วชื่อหนังเอามาจากคำประกาศอิสรภาพของโทมัส เจฟเฟอร์สัน อดีตประธานาธิบดีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้บัญญัติไว้ บทบัญญัตินี้เขียนเพื่อสอนให้ชาวอเมริกันรู้จักไขว่คว้าโอกาสที่มีอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน 

มุมมองของโทมัส เจฟเฟอร์สันต้องการให้ชาวอเมริกันทุกคนได้ไล่ล่าหาความสุข โดยเฉพาะการสร้างวิสัยทัศน์ให้กับคนที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีต้นทุนทางสังคมใดๆ บ้านไม่รวย มีแต่ความยากจน ให้มีความพยายามในการสร้างตัวเองจากศูนย์ (From Rags to Riches) เพราะโทมัส เจฟเฟอร์สันเชื่อว่าโชคชะตาเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แต่การใช้ชีวิตในสิ่งที่อย่างจะเป็นนั้นสามารถควบคุมได้ 

“The Pursuit of  Happiness” กับการไล่ล่าความสุขของคุณ

ในฐานะที่คุณเป็นนักขาย คุณต้องเข้าใจและลงมือไล่ล่าไขว่คว้าหาความสำเร็จด้วยหนึ่งสมองและสองมือของคุณเอง อาชีพนี้เป็นอาชีพสำหรับโอกาส ผมไม่เชื่อว่าคุณจะเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จได้จะต้องมี “ต้นทุนชีวิต” เหนือคนอื่น เช่น บ้านรวย มีคอนเน็กชั่นเยอะ การศึกษาสูง (ถ้าบ้านไม่รวยไม่มีปัญญาเรียน) หน้าตาดี มีพรสวรรค์ เป็นต้น  อาชีพนี้ผมเชื่อว่าใครๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ตราบใดที่คุณยังไม่หยุด “Pursuit of Happiness” หรือไล่ล่าความสำเร็จ จงอย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรคทั้งปวงเป็นอันขาด 

นักขายที่ประสบความสำเร็จในนิยามของผมคือ

– นักขายที่มีความทะเยอทะยานสูง อยากรวย อยากประสบความสำเร็จ

– ทำงานอย่างขาวสะอาด ถูกกฎหมาย ไม่ได้อยากรวยแบบพวกค้ายาบ้า ค้าประเวณี 

– ชอบที่จะศึกษาประวัติชีวิตคนที่เคยจนมาก่อนและลงมือทำงานจนประสบความสำเร็จในรุ่นเดียว

– มีวินัยในการรักษาประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างไม่มีการฟอร์มตก

– ฝึกฝนและพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น เรียนรู้จากคนเก่งมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา

– มองเห็นภาพตัวเองเมื่อประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนทุกวันและลงมือทำงานต่ออย่างยืดหยุ่น

– นักขายกล้าเสี่ยงในการออกจาก “จุดสบาย” (Comfort Zone) แต่ไม่ประมาท

– นักขายที่ชื่นชมยินดีกับคนรอบข้างอย่างจริงใจ

– นักขายที่พร้อมดึงคนรอบข้างให้ประสบความสำเร็จหรือมีชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนกับตนเอง

เมื่อคุณมาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งจากคนที่ไม่มีอะไรเลย คุณจะรู้สึกอย่างไร

มาถึงความรู้สึกที่ผมอยากบรรยายจากประสบการณ์ของผมที่ “ไล่ล่าความสุข” จากคนที่ไม่มีอะไรเลย สมัยเด็กที่บ้านของผมมีแต่คุณแม่ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงผมกับพี่สาวให้ได้เรียนหนังสือก็แทบไม่พอยาใส้ เคยน้อยใจต่อโชคชะตาว่าทำไมเราเกิดมาไม่รวย ผมถึงขั้นไม่กล้าให้เพื่อนมาเยี่ยมที่บ้านเพราะกลัวเพื่อนๆ จะดูถูกว่าบ้านผมมันทั้งเล็กไม่น่าอยู่ ตอนเรียนมอปลายยิ่งแล้วใหญ่ เริ่มเห็นความแตกต่างทางชนชั้นมากขึ้นระหว่างโรงเรียนรัฐบาลกับโรงเรียนเอกชนที่ครอบครัวอบอุ่นสมบูรณ์พร้อม อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน อยากได้อะไรก็ได้มาแบบง่ายๆ

ผมรู้อยู่แค่อย่างเดียวว่าผมชอบเล่นเกมและเล่นคอมพิวเตอร์ การศึกษาเป็นสิ่งเดียวที่น่าจะยกระดับชีวิตของผมได้ คอมพิวเตอร์น่าจะเป็นเทคโนโลยีพลิกโลกในอนาคตแน่ๆ ผมแค่คิดว่าวงการคอมพิวเตอร์ต้องมีเงินเดือนสูง ทำงานกับบริษัทระดับโลกเพียงแค่นั้น ผมจึงตั้งใจเอนทรานซ์ให้ติดมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งก็ทำได้ จากนั้นก็ยิ่งอยากรวยเข้าไปอีกจึงหางานพิเศษทำช่วงเรียนมหาวิทยาลัย และเริ่มศึกษาชีวิตของคนที่จนมาก่อนแล้วสร้างตัวเองจนรวย เช่น พี่ต๊อบ เถ้าแก่น้อย คุณตัน อิชิตัน เป็นต้น ซึ่งพวกเขาบอกว่าถ้าอยากรวยก็จะต้องทำงานขาย เป็นนักขาย ผมจึงหันเหจากอาชีพโปรแกรมเมอร์มาหางานที่เกี่ยวกับการขายคอมพิวเตอร์ และชีวิตผมก็เปลี่ยนไปหลังจากนั้น

ความรู้สึกหลังจากที่พยายามมา 10 ปี จากการทำงานประจำในสายอาชีพเซลล์ไอที ผมประสบความสำเร็จทั้งตัวเงินเดือนที่ได้รับ งาน สมบัติที่หามาจาก 0 ทุกอย่าง ได้รับความรักจากภรรยาที่ยอดเยี่ยมและเป็นคนที่ดีกับชีวิตผมมากๆ ที่สำคัญคือผมจะมี “เรื่องดราม่า” ที่คล้ายกับ “หนังชีวิต” ทั้งล้มลุกคลุกคลานและผ่านความเจ็บปวดมาเป็นอย่างดี  ถ้าคุณต่อสู้และประสบความสำเร็จ คุณจะมีสิ่งที่คล้ายผมนั่นก็คือความภาคภูมิใจในการเอาชนะโชคชะตา วิธีผ่านความเจ็บปวด วิธีต่อสู้ชีวิต วิธีแก้ปัญหา ที่สำคัญคือสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้างหรือคนที่กำลังท้อแท้ได้อีกด้วย

ผมถึงสร้างเพจ “กูนี่แหละเซลล์ร้อยล้าน” ที่พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับการขายและเสริมสร้างกำลังใจ พร้อมกับวิธีเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง ผมขอสัญญาว่าจะเขียนบทความถ่ายทอดให้คุณทุกวันจนกว่าชีวิตจะหาไม่

แล้วคุณพร้อมที่จะไล่ล่าหาความสุขไปพร้อมกับผมแล้วรึยังครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น