ปรับตัวอย่างไรกับ Lockdown รอบ 3

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษาปี 20 จนถึงวันนี้ก็ 1 ปีเต็มๆ พอดีนะครับ ประเทศของเราก็ยังคงไม่ “ปลอดภัย” จากโควิดทั้งๆ ที่มันกำลังมาดีๆ แล้วเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมาจนถึงมีนาคม ช่วงนั้นต้องบอกว่าทำมาค้าขายกับลูกค้าได้อย่าง “สะดวกโยธิน” ยังไงทำนัดต่อหน้าก็ดีกว่านัดผ่าน Zoom ใช่มั้ยครับท่าน

อย่างไรก็ตามแต่ พอรอบสามในตอนนี้ที่มีคนติดมากกว่าวันละ 2 พันคนต่อวัน แถมยังเป็นคนอย่างเราๆ โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศ คนระดับผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของกิจการ ทุกคนก็มีสิทธิ์ติดโควิดได้ด้วยกันทั้งนั้น การทำนัดต่อหน้าในตอนนี้ต้องบอกเลยว่ายากและเลวร้ายกว่าปีที่แล้วแน่นอน

เรื่องด่ารัฐบาลหรือด่าผู้มีอำนาจตามเนื้อข่าวที่ได้รับมา ผมต้องบอกว่าคงไม่ต้องพูดซ้ำแล้วล่ะครับในเมื่อผู้มีอำนาจฯ ไม่ได้ลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แถมไม่ได้รับผิดชอบอะไรทั้งๆ ที่ควรรับผิดชอบตามแบบฉบับของมืออาชีพและเป็นตัวอย่างของคนที่บริหารประเทศให้แก่คนรุ่นหลังด้วยซ้ำ ตรงๆ เลย ขี้เกียจพูด

จะบอกว่าเป็นข่าวร้ายก็ได้ในตอนนี้ เพราะประสิทธิภาพในการขายคงต้องลดลงอย่างไม่มีข้อแม้ อย่างไรก็ดี ผมยังพอมีวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้มากฝากกันครับ รับรองได้ว่าการขายของคุณก็ยังมีทรงแบบไม่ไปไหนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นแน่นอน

1. ติดตามงานด้วยความห่วงใยก่อนเสมอ

การติดตามงานยังคงเหมือนเดิม แต่ควรเติมเรื่องความห่วงใยก่อนคุยเรื่องการขายเป็นอันดับแรก ควรติดต่อโทรหาและพูดจาคำที่มีกัลยาณมิตรที่ดี ออกตัวไปก่อนเลยว่าคุณโทรมาเพื่อแสดงความห่วงใยในสถานการณ์โควิดเป็นอันดับแรก และจากนั้นก็บอกว่าคุณเป็นห่วง ขอให้ลูกค้ารักษาสุขภาพให้ดีๆ และสวมหน้ากาก จากนั้นค่อยพูดคุยเรื่องดีลการซื้อขายเป็นอันดับต่อมา จะเป็นการติดตามที่มีทรงมากที่สุด

2. ใช้เทคโนโลยีทำนัดออนไลน์แบบที่ผ่านมา

มันเป็นเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าเป็น “New Normal” ซึ่งลูกค้าก็ต้องใช้เป็นอยู่วันยังค่ำครับ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม Zoom, Google Hangout, Microsoft Team หรือแม้แต่ไลน์แบบวีดีโอคอล ถ้าจะขอทำนัดแบบได้เห็นหน้ากันหรือใช้สไลด์พรีเซนต์ คุณยังทำได้ตามปกติแต่แค่เปลี่ยนสถานที่มาเป็นออนไลน์ก็ยังพอถูๆ ไถๆ ไปได้แน่นอนครับ

3. เลือกนำเสนอสินค้าและบริการที่ช่วยให้ลูกค้ารวยขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง

ยังไงฮีโร่ของสินค้าและบริการที่มาแรงในช่วงโควิดแบบนี้ ซึ่งมันมาเป็นปีๆ แล้วก็คือโซลูชั่นที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าโดยตรงและต้องเป็นอะไรที่เพิ่มรายได้ให้ลูกค้า เช่น โซลูชั่นช่วยลูกค้าขายของออนไลน์ ทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสินค้าที่ช่วยลูกค้าลดค่าใช้จ่าย ทำต้นทุนให้ต่ำลง ยังไงก็เป็นสินค้าที่ขายได้แน่ๆ ในสภาวะอย่างนี้ แต่สำหรับสินค้าที่บอกตรงๆ ว่าเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าและไม่ได้ประโยชน์โดยตรงนัก ยังไงช่วงนี้อาจจะขายยากอยู่ซักหน่อย

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts