รวยจากการเป็นลูกจ้าง

เชื่อผมมั้ยครับว่าการเป็นพนักงานประจำ โดยเฉพาะตำแหน่งพนักงานขายก็ “รวยได้” เหมือนกัน แถมไม่ต้องมีเงินทุนแม้แต่บาทเดียว ไม่ต้องกู้เงินอะไรให้วุ่นวาย ไม่ต้องมีใบปริญญาขั้นเทพ (ถ้าไม่ได้ทำงานองค์กรระดับโลกที่คัดวุฒิ) ที่สำคัญคือ “ทำมากได้มาก” ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วถึงได้เลือกเดินเส้นทางนี้

แต่ผมก็เชื่อว่าหลายๆ คนคงเลิกคิ้วสงสัยว่าอาชีพนักขายสามารถทำให้รวยหรือเหลือกินเหลือใช้ได้จริงเหรอ เพราะชีวิตในตอนนี้ก็ยังเป็นแบบ “เดือนชนเดือน” ค่าคอมฯ ก็น้อยนิดเดียว เงินเดือนก็งั้นๆ แถมบริษัทก็แลดูไม่ค่อยมีอนาคต แล้วอย่างนี้จะรวยจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนได้ยังไงล่ะเนี่ย (ฮา)

ผมเข้าใจมากๆ ครับ เพราะผมเองก็เคยตกอยู่ในสถานะนั้นและคิดไม่ต่างจากคุณมาก่อน เอาแค่เป็นเซลส์ไปวันๆ แล้วขอให้ได้งานบริษัทใหม่หรือค่าคอมฯ เยอะๆ จนรายรับเกิน 100,000 ก็ฟินแล้ว ผมเคยคิดเพียงแค่นั้นจริงๆ

แล้วความคิดหรือการกระทำอะไรที่พลิกชีวิตผมได้ถึงขนาดนี้ ตอนนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่าวิธีรวยจากการทำงานประจำอาชีพนักขายแบบองค์กรนั้นสามารถทำให้คุณรวยได้จริง เพราะผมลงมือทำมาแล้วทุกข้อ ดังนี้ครับ


1. เรียนรู้การขายจากท็อปเซลส์ของบริษัทให้มากที่สุด

ถ้าคุณได้อ่านบทความของผมที่ช่วยสอนคุณขายของจนหมดแล้ว จงอย่าลืมเรียนรู้จากนักขายมืออาชีพของบริษัทคุณ ซึ่งต้องมีอย่างแน่นอนไม่งั้นบริษัทคุณคงเจ๊งไปแล้วครับ ท็อปเซลส์ยอดฝีมือจะมีรายรับที่เยอะกว่าคนอื่นในทีม มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีรถสวยๆ ขับ มีบ้านดีๆ อยู่ มีสินทรัพย์ให้เช่าหรือกองทุน หุ้น พอสมควร ที่สำคัญคือทำยอดขายให้บริษัทติดอันดับอย่างต่อเนื่อง นี่คือบุคคลที่คุณควรเข้าไปขอความรู้และลงมือทำตามให้มากที่สุด คิดง่ายๆ ว่าถ้าคุณทำได้ซักครึ่งนึงของพวกเขา คุณก็จะรวยได้ครึ่งนึงของเหล่านักขายตัวท็อปแล้วล่ะครับ

2. ไม่หยุดที่จะหาลูกค้าใหม่ตลอดเวลาจนเป็นนิสัย

ลูกค้าใหม่คือโอกาสและหนทางในการทำเงินของคุณแบบแทบจะไร้ขีดจำกัด (ขีดจำกัดคือจำนวนลีดในธุรกิจคุณ) จงอย่าอยู่นิ่งและท่องเป็นสรณะว่าทุกวันคุณจะต้องออกไปเจอลีดลูกค้าใหม่ที่ไม่รู้จักมาก่อนอยู่เสมอ จากนั้นจงเปิดการขายและขยายโอกาสจนปิดการขายให้ได้ ไม่ว่าเวลาจะนานแค่ไหนก็ตาม เมื่อได้พวกเขาเป็นลูกค้าแล้ว คุณจะต้องดูแลพวกเขาไปตลอดจนกลายเป็นลูกค้าขาประจำที่ทำเงินเข้ากระเป๋าคุณอย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะเหนื่อยน้อยลงและได้ค่าคอมมิชชั่นอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เห็นมั้ยครับว่าการหาลูกค้าใหม่นั้นสำคัญขนาดไหน

3. จงอย่ากั้กดีล

สุดยอดนักขายที่ได้ค่าคอมมิชชั่นเยอะๆ ไม่ใช่นักขายที่เก่งในเรื่องการบริหารตัวเลขอย่างการทำให้ตัวเองมีตัวเลขถึง 100% ทุกเดือน ส่วนใหญ่นักขายประเภทนี้จะมีเทคนิคในการเอาตัวเลขลูกค้าลงถังโดยที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องเหนื่อยหาตัวเลขใหม่ในเดือนถัดไปด้วยการให้ลูกค้าจ่ายเงินหรือสั่งซื้อในเดือนถัดไปแทน ณ ตอนนี้ เนื่องจากตัวเลขในเดือนนี้ถึง 100% แล้ว ภาษานักขายเขาเรียกว่า “กั้กดีล” ซึ่งนิสัยแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของคนจะรวยเลย คุณจะต้องเลิกกั้กและโหลดตัวเลขลงตามผลของการปิดการขาย ทำให้คุณได้ยอดขายเกินเป้า เดือนหน้าก็ออกล่าใหม่ ถ้าคุณได้ยอดขายเกินเป้าทุกเดือนก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นเยอะกว่าใคร หลายๆ บริษัทถึงกับมีโปรแกรมพิเศษให้ด้วย

4. ทำนัดเจอหน้าลูกค้าให้ได้วันละ 4-5 นัด

ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิดหรอก สุดยอดนักขายแบบองค์กรจะต้องมีนัดเจอหน้าลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ในปริมาณเท่านี้จริงๆ คุณอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะรถก็ติดแถมแต่ละนัดยังใช้เวลานาน วิธีที่ทำให้เป็นไปได้ก็คือการบริหารสถานที่นัดหมายให้นัดในอาณาเขตใกล้ๆ กัน บริหารเวลาแต่ละนัดไม่ให้เกิน 1 ชั่วโมงด้วยการถามคำถามกับนำเสนออย่างเฉียบคม อย่ามัวแต่คุยเล่นไร้สาระหรือทำอะไรที่มันเสียเวลา เพียงเท่านั้นคุณก็มีกิจกรรมทางการขายเท่ากับผมแล้วล่ะครับ ซึ่งผมมาถึงจุดนี้ได้เพราะกิจกรรมการทำนัดที่มากกว่าใคร แล้วตัวเลขกับค่าคอมฯ ก็จะมาเอง

5. อย่าพลาดโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย

ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย เป็นตำแหน่งที่ทางบริษัทมักจะมอบหมายให้กับคุณในกรณีที่คุณมียอดขายสูงสุดหรือมีความสม่ำเสมอเรียบร้อยแล้ว หลายๆ คนมักจะกลัวเพราะการเป็น ผจก. มักจะไม่มีค่าคอมมิชชั่นหรือได้ค่าคอมฯ น้อยกว่าตอนเป็นนักขาย แถมยังมีภาระหน้าที่ในการบริหารทีมขายกับโค้ชชิ่งลูกน้องให้เก่งเหมือนกับคุณ คุณเลยคิดไปเองว่ามันยุ่งยาก แต่รู้มั้ยว่าคุณกำลังพลาด “โอกาสแห่งชีวิต” ครั้งใหญ่ เพราะตำแหน่งนี้จะทำให้คุณกลายเป็นผู้บริหารระดับสูงได้เร็วมากๆ ถ้าคุณพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าคุณประสบความสำเร็จในการคุมทีมขาย จงคว้าโอกาสนี้เอาไว้และอดทนกับพัฒนาตัวเองให้เป็นสุดยอดผู้จัดการทีม ค่าตัวของคุณจะสูงขึ้นมากแถมมีแต่คงอยากได้คุณแน่

6. มองหาโอกาสกับบริษัทที่ใหญ่กว่า ให้ผลประโยชน์กับชีวิตคุณได้ดีกว่า

นักขายขั้นเทพจะรู้ดีว่าธุรกิจไหนสามารถให้ผลประโยชน์โดยเฉพาะเรื่องเงินเดือน ค่าคอมมิชชั่น สิ่งอำนวยความสะดวก ความมั่นคง ตำแหน่ง หรือแม้แต่ “หุ้น” สำหรับพนักงาน ในกรณีของโอกาสทางการทำงานที่สามารถจ้างคุณด้วยเงินเดือนมากกว่า 2-3 เท่า หรือตำแหน่งใหญ่โตจะมีข้อแม้อย่างเดียวคือ “คุณจะต้องเจ๋งจริงและเป็นท็อปเซลส์” จะมีสองกรณีคือคุณถูกทาบทามหรือคุณเอาผลงานทั้งหมดออกไปสมัครงานเพื่อ “ขายตัวเอง” ทั้งสองกรณีจะเป็นโอกาสแห่งชีวิตที่คุณควรก้าวไปในระดับที่สูงขึ้นนะครับ ผมเชื่อว่าถึงระดับนี้จะทำให้คุณมีรายได้เฉพาะเงินเดือนมากกว่า 150,000-250,000 บาทในช่วงอายุ 30 อย่างแน่นอน (ถ้าเจ๋งจริง)

7. ทำรายงานการขาย (Sales Report) ให้ละเอียดและเก็บรักษามันไว้ยิ่งชีพ

เชื่อหรือไม่ว่าการทำเซลส์รีพอร์ทนั้นทำให้คุณรวยขึ้น จงอย่ามองข้ามว่ามันเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อเป็นอันขาด เพราะรายงานการขายทำให้คุณติดตามงานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพจนคุณขายได้ หรือแม้แต่ช่วงที่คิดอะไรไม่ออกแล้วต้องการยอดขาย จงลองเอาข้อมูลในนั้นมาดูว่ามีที่ไหนขาดการติดต่อหรือไม่ได้ซื้อขายกันนานแล้ว จากนั้นลองกลับไปขายใหม่อีกครั้ง หรือลองขายเพิ่มกับลูกค้าขาประจำ เช่น โหลดวอลุ่มเพิ่ม ขายสินค้ารายการอื่นที่พวกเขายังไม่ได้ซื้อ เพียงเท่านี้ยอดขายก็มาแล้วครับ จากนั้นจงรักษามันให้ดีเพื่อเอาไว้ใช้เวลาคุณย้ายบริษัทและยังอยู่ในอุตสาหกรรมเดิม คุณสามารถกลับไปขายลูกค้าเก่าจากข้อมูลในมือขึ้นได้ ยิ่งตอนออกไปเปิดบริษัทเองยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าคุณทำธุรกิจเดียวกันกับต้นสังกัดที่คุณลาออกมา คุณจะกลับไปขายเหล่าลูกค้าเก่าในมือได้ทันที รวยง่ายขึ้นเลย

8. จงลาออกมาทำธุรกิจของตัวเองจากความเชี่ยวชาญที่คุณเรียนรู้มา

จุดที่ทำให้คุณกลายเป็นคนที่ร่ำรวยได้แบบเจ้าของกิจการก็คือการออกมาตั้งบริษัทเอง ทักษะการขายขั้นเทพของคุณจะทำให้การออกมาเสี่ยงกลายเป็นเรื่องที่เสี่ยงน้อยลง เพราะคุณมีความเชี่ยวชาญอุตสาหกรรมธุรกิจที่คุณทำ ที่สำคัญคือคุณมีข้อมูลฐานลูกค้าเก่าๆ จากเซลส์รีพอร์ท คุณจะมี “สินทรัพย์” อันมีค่าทันที หรือการมีหุ้นส่วนเพื่อช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจก็เป็นสิ่งที่ดี ถ้าคุณเป็นท็อปเซลส์ คุณจะเนื้อหอมและมีคนยอมร่วมลงทุนหรือเอาคุณเป็นหุ้นส่วนได้ง่ายมาก เพราะคุณสามารถหาเงินมาให้เหล่าผู้ถือหุ้นได้ นี่คือวิธีการเป็นเจ้าของกิจการแบบไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว มีแต่อาชีพพนักงานขายเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ครับ


นี่คือวิธีรวยจากการเป็นลูกจ้างตำแหน่งพนักงานขายจากผมครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น