คุณจะเจออะไรในชีวิตของการเป็นนักขายบ้าง

พูดถึงชีวิตของการเป็นนักขายของผมตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พูดได้เลยว่าผมนั้น “ผ่านร้อนผ่านหนาว” มาไม่มากก็น้อยครับ เมื่อเทียบกับทุกๆ ท่าน ผมจึงอยากแชร์ให้กับคนรุ่นหลังว่าถ้าคุณเลือกเส้นทางนักขายนี้แล้วล่ะก็ ชีวิตคุณจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ขอบอกเลยว่าโหดสัสแน่นอน (อิอิ)

อย่าพึ่งกลัวกับการเป็นนักขายกันนะครับ คำว่าโหดสัสหมายความว่าคุณจะต้องเจอประสบการณ์ที่ตลอดชีวิตนี้คุณอาจไม่เคยสัมผัสเลยถ้าไม่ได้เป็นนักขายมาก่อน ที่สำคัญคือ “ความสำเร็จ” ซึ่งเป็นแสงสว่างสำหรับการลงมือทำย่อมย้อนกลับมาตอบแทนคุณอย่างคุ้มค่า

ผมจึงขอแชร์ว่าคุณจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างในชีวิตของการเป็นนักขาย รับรองว่าคุณจะรักอาชีพนี้มากขึ้นเลยล่ะ


1. ประสบการณ์และความรู้สึกอิ่มเอมหลังจากปิดดีลได้

เป็นความรู้สึกที่ดีและทำให้คุณกระชุ่มกระชวยได้ทุกครั้ง การได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความฟินของงานขายเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าดีลจะเล็กเพียงแค่หลักพันหลักหมื่น หรือมีขนาดใหญ่ตั้งแต่หลักล้านหลักร้อยล้าน ทุกครั้งที่คุณปิดดีลได้สำเร็จมันย่อมทำให้คุณอิ่มเอมทั้งนั้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินหรือค่าคอมมิชชั่นเสียอีก เพราะการได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่นพร้อมกับความน่าเชื่อถือคือหนึ่งในบทพิสูจน์ของคุณค่าความเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยทีเดียวครับ ความสุดยอดของงานขายมันคือเรื่องนี้แหละ

2. ได้พบเจอคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนอยู่ตลอดเวลา

คุณได้ประสบการณ์นี้แน่ๆ ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอหน้าลูกค้าใหม่ แปลกดีไหมล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโชคชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่ คุณจะได้เจอกับบุคคลทรงคุณค่าที่มีอำนาจตัดสินใจและเฝ้ามองดูคุณอยู่เช่นกัน กว่าจะได้รับความไว้วางใจก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลา แต่ถ้าใครมีสกิลขายขั้นสุดยอดหรือมีบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ บางทีก็เป็นไปได้ว่าคุณจะสามารถปิดดีลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ คุณจะต้องทำความเข้าใจบุคลิก อุปนิสัย ความต้องการที่ซ่อนอยู่ และปัญหาที่พวกเขาประสบอยู่ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณจะต้องตอบโจทย์พวกเขาด้วยสินค้าและบริการ รวมถึงความสามารถและความน่าเชื่อถือในตัวของคุณเองด้วยเช่นกัน

3. ความผิดหวังแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บจนชิน

การขายก็เปรียบเสมือนฟุตบอล แม้แต่สุดยอดทีมของโลกก็ไม่มีทางเป็น “ผู้ชนะตลอดกาล” การขายเองก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าคุณจะมีสุดยอดสินค้าหรือบริการอันดับหนึ่งของโลก บางทีคุณก็สามารถเป็น “ผู้แพ้” ซึ่งผลที่ตามมาก็คือความผิดหวังได้เช่นกัน ความผิดหวังมักจะมาพร้อมความสุขสมหวัง คนที่ไม่เคยถูกปฎิเสธมาก่อนย่อมรู้ดีว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน บางคนถึงขั้นเลิกเป็นนักขายเลยด้วยซ้ำ แต่นี่คือประสบการณ์ที่ทำให้คุณ “แข็งแกร่งขึ้น” อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณจะเรียนรู้ความผิดหวังเหล่านั้นแล้วเอามาพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นสุดยอดนักธุรกิจ คุณจะเรียนรู้และเข้าใจวิถีชีวิตว่าในโลกแห่งการขายกับธุรกิจนั้น อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

4. ความกดดันเรื่องเป้าหมายและยอดขายทุกๆ เดือน

เรื่องนี้สำหรับใครหลายๆ คนคงคิดว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีความกดดันสูง ใช่ครับ ความกดดันจากเรื่องยอดขายนั่นเอง คุณจะต้องเจอเรื่องนี้ในทุกๆ เดือน โดยจะมีวงจรเหมือนๆ กันทุกสิ้นเดือนกับต้นเดือน นั่นก็คือถ้าสิ้นเดือนคุณปิดยอดได้เกิน 100% ตัวคุณและทีมงานจะ “ได้หน้า” แน่นอน ยิ้มแป้นกันไปตามๆ กัน แต่พอเข้าสู่เดือนใหม่ ทุกอย่างจะกลับเป็นจุดเริ่มต้น แล้วสิ่งที่คุณทำมานั้นก็จะกลายเป็นอดีตที่เจ้านายคุณจะ “ยิ้มอ่อนๆ” ส่งสัญญานว่า “จงออกไปล่ายอดขายของเดือนใหม่ได้แล้ว” ซึ่งถ้าเดือนหน้าทำไม่ได้ดีตามเดิมก็เตรียมโดนอัดกันไปตามๆ กัน (ฮา)

5. เงินเดือนและค่าคอมมิชชั่นที่มากมายกว่าคนอายุเท่าๆ กัน

อาชีพนี้เป็นอาชีพเพียงไม่กี่อาชีพที่ “ทำมากได้มาก” ซึ่งถ้าคุณไม่นับอาชีพพิเศษที่ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำอย่างแพทย์ นักบิน แอร์ฯ ทำงานแท่นขุดเจาะน้ำมัน นักการเมือง (ฮา) ฯลฯ อาชีพนี้เมื่อคำนวนรายรับรวมในแต่ละเดือนระหว่างเงินเดือนกับค่าคอมฯ อาชีพนี้สามารถทำเงินให้คุณได้ตั้งแต่หลักหลายหมื่นจนถึงหลายแสนบาทต่อเดือน (ขึ้นอยู่กับธุรกิจและผลประโยชน์แต่ละบริษัท) ถ้าคุณเป็นคนทำงานอายุประมาณ 25 ปี รายได้ของเพื่อนๆ คุณน่าจะประมาณเดือนละ 30,000-60,000 แต่คุณสามารถหาเงินได้แซงหน้าพวกเขาจนแตะหลักแสนตั้งแต่อายุยังน้อยเลย

6. โอกาสในการได้เป็นใหญ่เป็นโตเร็วกว่าคนรุ่นเดียวกัน

อาชีพนักขายเป็นไม่กี่อาชีพที่ “ผลงานแซงกันได้” ถ้าคุณเจ๋งพอและทำตัวเลขแซงหน้ารุ่นใหญ่ในบริษัทติดต่อกันหลายๆ เดือน คุณย่อมกลายเป็นที่จับตามองของบรรดาผู้จัดการฝ่ายขายและเจ้าของกิจการ คุณจะมีสถานะกลายเป็น “ลูกรัก” แบบที่ไม่ต้องอาศัยการเลียจนลิ้นชา ไม่ต้องพูดเยอะแต่ฉายแสงได้ด้วยผลงานล้วนๆ คุณจึงกลายเป็นบุคคลสำคัญในบริษัทที่ผู้ใหญ่พร้อมยกตำแหน่งผู้จัดการหรือผู้บริหารฝ่ายขายตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะพวกเขาหวังผลให้คุณสร้างสุดยอดนักขายที่เหมือนคุณในรุ่นต่อมา ทำให้คุณก้าวไกลไปกว่าคนรุ่นเดียวกันมาก แบบว่าบางคนทำงานมาเป็นสิบปีก็สู้คุณไม่ได้ซักอย่างในเรื่องรายได้หรือตำแหน่งครับ

7. โอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่อายุน้อยและประสบความสำเร็จ

เป็นนักขาย คือร่างจำแลงของนักธุรกิจเลยก็ว่าได้ นี่คืออาชีพที่ใกล้เคียงกับคำคำนั้นที่สุด เพราะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้จะควบสถานะนักขายไปในตัวอยู่แล้ว ความสำเร็จที่ผ่านๆ มาของคุณจะเป็น “ฐานข้อมูลและสินทรัพย์” อันล้ำค่าในอนาคต เมื่อคุณมีความคิดที่จะเปิดบริษัทเป็นของตนเอง คุณสามารถกลับเข้าไปขายสินค้าและบริการให้กับลูกค้าเก่าในมือคุณได้เลย หรือถ้ามีฝีมือล้ำเลิศและเป็นมืออาชีพ คุณจะกลายเป็นคนเนื้อหอมที่ใครๆ ก็อยากดึงตัวให้เป็นหุ้นส่วนและมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ โดยที่คุณไม่ต้องมีเงินแม้แต่บาทเดียว

8. การถูกซื้อตัวโดยบริษัทที่เห็นความสำคัญของคุณด้วยผลประโยชน์ 2 เท่าขึ้นไป

นักขายมือทองก็เปรียบเสมือนกองหน้าซูเปอร์สตาร์ อารมณ์ประมาณโรนัลโด้ เมสซี่ เลยทีเดียว เพราะคุณคือหน่วยทำเงินตัวหลักของบริษัท ใครๆ ก็อยากได้นักขายที่ทำเงินเข้าองค์กรของตนเองทั้งนั้น จึงไม่แปลกถ้าคุณเป็นนักขายมือทองและทำผลงานได้อย่างโดดเด่น บริษัทคู่แข่งหรือวงการอื่นอาจทำการเสนอค่าตัวและผลประโยชน์ให้คุณ โดยที่คุณเป็นนักขายเองก็สามารถเรียกร้องผลประโยชน์ได้มากกว่า 2-3 เท่าเลยทีเดียว พวกเขายอมจ่ายเพราะคุณมีสินทรัพย์สุดล้ำค่านั่นก็คือฐานลูกค้าอยู่ในมือ บวกกับประสบการณ์ที่แกะกล่องแล้วไม่ต้องลอง ใช้ได้เลย

9. การถูกไล่ออกด้วยเงื่อนไขง่ายๆ นิดเดียว

ชีวิตของคนทำงาน ไม่มีใครอยากโดนไล่ออก แต่อาชีพนักขายเป็นอาชีพที่ไล่คุณออกได้ง่ายมาก ข้อแม้เพียงอย่างเดียวของการไล่ออกคือ “คุณไม่มียอด” ซึ่งองค์กรระดับโลกหลายแห่งมีกติกาง่ายๆ นั่นก็คือถ้าคุณไม่มียอดหรือทำยอดไม่ถึงเป้ามากๆ ประมาณ 3 เดือน เก้าอี้ของคุณจะร้อนและมีสปริงเด้งคุณออกไปแบบง่ายๆ เลย คุณจึงอาจจะเจอกับสถานการณ์เหล่านี้ยามที่ทุกอย่างไม่เป็นใจ เหตุผลข้อเดียวที่เกี่ยวกับงานและจะถูกไล่ออกแบบง่ายๆ ก็คือเรื่องยอดขายไม่เข้าเป้านี่แหละครับ


นี่คือประสบการณ์และรสชาติเมื่อคุณได้เข้ามาสู่โลกแห่งการขายแน่นอนครับ

Leave your vote

10 points
Upvote Downvote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น