นักขาย Gen-Y อายุ 35-45 มีแนวโน้มถูกบีบให้ออกจากงานมากขึ้น ควรปรับตัวอย่างไรดี

ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและแหล่งข่าวหลายๆ แหล่ง รวมถึงกระแสของโลกการทำงานยุคปัจจุบันเป็นไปในทิศทางที่แย่ลงในภาพรวม ผลก็คือองค์กรต้องใช้มาตรการ “ลดจำนวนคน” และนำเทคโนโลยีมาแทนลูกจ้าง ซึ่งก็เป็นความโหดร้ายของโลกทุนนิยมและ “ไม่ยุติธรรม” สำหรับคนที่ทำงานแบบ “ถวายหัว” ให้องค์กร แต่ก็ต้องถูกบีบออกทั้งทางตรงและทางอ้อม ยิ่งนักขายที่ทำงานมานานและฐานเงินเดือนสูงขึ้นเรื่อยๆ บางองค์กรอาจจะมองว่าไม่คุ้มและพยายามหาเด็กรุ่นใหม่ที่ค่าตัวถูกกว่ามาทดแทน ในสถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่นักขายรุ่นเก๋าทุกหมู่เหล่าควรเตรียมตัวไว้ก่อนด้วยวิธีจากผม ดังนี้เลยครับ

1. สะสม หาเพิ่ม และสร้างความสัมพันธ์กับ Connection เอาไว้อย่างแนบแน่น

ความสามารถในการขายและประสบการณ์ของคุณคงไม่ธรรมดาเพราะอายุปูนนี้แล้ว (ฮา) ดังนั้นการมุ่งเน้นเรื่องคอนเนคชั่น สะสม รักษา และหาเพิ่ม โดยเฉพาะคอนเนคชั่นระดับ VIP มีเงิน มีอำนาจ ยิ่งสนิทก็ยิ่งสร้างอำนาจต่อรองไม่ให้บริษัทหรือหัวหน้ามาบีบคุณออกแน่นอน สิ่งที่จะเซฟตูดของคุณในฐานะลูกจ้างนักขายก็คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ดังนั้นนักขายที่สนิทกับลูกค้าระดับสูงและเป็นคนกว้างขวางจะได้เปรียบเป็นพิเศษ ที่สำคัญคือคอนเนคชั่นที่สะสมเอาไว้ ต่อให้บริษัทไล่คุณออก คุณก็ยังมีคอนเนคชั่นเหล่านี้เพื่อเอาไว้ทำธุรกิจส่วนตัวและกลับไปขายพวกเขาใหม่ได้ครับ

2. เสนอตัวหรือมองหาโอกาสในการเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย

ผมฟันธงเอาไว้เลยนะครับว่าถ้าอายุใกล้ 40 แล้วยังขึ้นระดับหัวหน้างาน ผู้จัดการฝ่ายขาย ไปจนถึง C-Level ไม่ได้ โอกาสถูกบีบยิ่งสูงขึ้นครับ โดยเฉพาะตำแหน่ง Account Manager หรือ Key Account Manager ที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับดีลนั้นๆ ไม่เก่งในการหาลูกค้าใหม่ หรือเจ้านายสามารถลงไปขายเอง ดีลกับลูกค้าแทนคุณได้เป็นส่วนใหญ่ คุณจะหมดความสำคัญไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ย้ายตูดตัวเองไปเป็นเจ้านายคนอื่น เอาจริงๆ เรื่องนี้ถ้าองค์กรไม่ได้ดันคุณขึ้นมา หรือคุณเสนอตัวไปแล้วพวกเขายังไม่เอา การย้ายงานไปบริษัทที่เล็กกว่าหรือมองหาผู้จัดการมือใหม่ก็เป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อรักษาความสำคัญในองค์กรของคุณต่อไปครับ

3. พัฒนาตัวเองไปสู่สายงานบริหารเต็มตัว

ในเมื่อมีประสบการณ์ มีฐานเงินเดือน มีค่าคอมมิชชั่นประมาณนึงแล้ว การเลือกลงทุนกับตัวเองเพื่อสร้างแต้มต่อในการเป็นผู้บริหารก็มีหลายวิธี โดยเฉพาะการเรียนต่อปริญญาโทสายบริหาร บวกกับอายุของคุณที่เข้าขั้นเป็นเจ้านายคนอื่นได้แล้ว การเรียนต่อจะทำให้คุณมีคุณวุฒิที่เหมาะสมในการเป็นหัวหน้างานหรือผู้บริหารฝ่ายขายต่อไปในอนาคต ในกรณีที่คุณเลือกสายงานระดับมืออาชีพ การเรียนต่อเป็นสิ่งที่คุณไม่ทำไม่ได้ครับ เพราะองค์กรส่วนใหญ่ต้องการคนที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิอยู่ดีครับ

4. ปรับตัวให้เป็นคนที่ทันสมัย ใช้เครื่องมือด้านการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยุคนี้เป็นยุค AI และโซเชี่ยลมีเดียแบบเต็มขั้น การหยิบเครื่องไม้เครื่องมือและศึกษาให้ได้อย่างครบถ้วน ใช้งานเป็น ไล่ตั้งแต่ CRM, Automation, CDP, ไปจนถึงการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งด้วยวีดีโอคลิปต่างๆ และการใช้ AI ช่วยทำงานขาย ซึ่งสามารถเขียนบทความ เขียนอีเมล แก้ปัญหาด้านการขายต่างๆ หรือทำสไลด์ใหม่ๆ ด้วย Canva ก็เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้คุณทำงานได้รวดเร็วและมี Productivity ที่มากขึ้น อย่าหยุดที่จะเรียนรู้เพราะไม่งั้นคุณจะสู้เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้นะครับ

5. กล้าเสี่ยงและกล้าคิดที่จะเป็น “เจ้านายตัวเอง”

สุดท้ายแล้วก็คือความกล้าได้กล้าเสียและกล้าเสี่ยงกับการเป็นเจ้าของกิจการตัวเอง ในฐานะที่คุณเป็นนักขายมากฝีมือ มีประสบการณ์และคอนเนคชั่น มีความรู้ในวงการที่ตัวเองทำ ที่สำคัญคือคุณมีสกิลการขายซึ่งการทำธุรกิจเป็นของตัวเองสามารถทำงานได้แบบ “จับเสือมือเปล่า” ด้วยซ้ำ คอนเนคชั่นที่สั่งสมมาจะเป็นได้ทั้งคู่ค้า พาร์ทเนอร์ รวมถึงลูกค้า และสิ่งที่คุณควรมองหาคือคนรู้จักที่เคยเป็นลูกจ้างพนักงานขายมาก่อนและสร้างธุรกิจจนประสบความสำเร็จด้วยตนเอง การขอความรู้และศึกษาคนมีประสบการณ์จะทำให้คุณไม่ล้มเหลวหรือเสี่ยงน้อยลงครับ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณหลุดพ้นการถูกไล่ออกได้แน่นอน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นกำลังใจและทำให้คุณหลุดพ้นจากความทุกข์ด้านการถูกบีบออกในยุคเศรษฐกิจห่วยๆ แบบนี้นะครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts