เปิดสูตรลับ! 5 เสาหลัก ‘นักขาย B2B เงินล้าน’ ต้องเลือกบริษัทและตลาดอย่างไรให้รวยแซงหน้าคนทั่วไป
ไม่นานมานี้ผมเข้าไปดูโพสต์ในเฟซบุ้คกลุ่มปิดของกลุ่มนักขายองค์กร ซึ่งเดี๋ยวนี้ถ้าใครจะหางานก็สามารถเอาเรซูเม่ไปโพสต์ในนั้นได้เลย สิ่งที่ผมต้องอุทานว่า “เหลือเชื่อ” ก็คือนักขายหลายๆ คนมีโปรไฟล์ที่ดูดีมาก อายุงานก็ไม่น้อย ตำแหน่งก็ระดับ Key Account แต่กลับเรียกค่าตัวราวๆ “4-5 หมื่น” ทั้งๆ ที่เป็นนักขาย B2B ควรจะได้ซัก “6 หลัก” ถ้าอายุงาน 10 ปีขึ้นไป (ไม่นับค่าคอมฯ) แต่ก็อย่างว่าแหละครับว่า “วาสนา” แต่ละคนมันไม่เท่ากัน หลายๆ คนมีฝีมือแต่ขาดการวางแผน จึงทำให้พลาดการเป็นนักขายแล้วก็ “รวย” ไปอย่างน่าเสียดาย บทความนี้คือคำตอบครับว่าคุณควรทำอย่างไร
1. อยากรวยก็ต้องเป็น Top Sales ขององค์กรที่คุณอยู่ให้ได้ก่อน
เป็นจุดเริ่มต้นพื้นฐานสุดๆ เลยก็ว่าได้ นอกจากจะกดค่าคอมมิชชั่นสูงที่สุดในบริษัท ทำให้มีเงินสะสมเยอะกว่าเพื่อน แสดงว่าคุณต้องเน้นการขายที่มีมูลค่าสูงและได้ค่าคอมฯ สูงๆ เอาไว้ก่อน ไม่ว่าบริษัทจะมีกติกาอะไรมาให้เล่นก็ตามที นอกจากนี้จำเป็นต้องรักษาตำแหน่งการเป็นท็อปเซลล์เอาไว้ซัก 1-2 ตัว เพื่อทำให้ “ค่าตัว” ของคุณขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญเพื่อ “เอาไว้ย้ายบริษัท” (ฮา) ซึ่งการย้ายบริษัทคือวิธีที่เร็วที่สุดในการเรียกค่าตัวเพิ่มเกิน 50% สุดท้ายก็คือการ “สะสมแต้มบุญ” และเน้นขายบุคคลระดับ C-Level และผู้มีอำนาจตัดสินใจเพื่อสะสมเครือข่ายเวลาย้ายบริษัทจะเรียกค่าตัวได้ง่ายมากๆ
2. อยู่เป็นและอยู่ถูกที่ถูกเวลา “ถูกตลาด”
นักขายก็ไม่ต่างจากนักธุรกิจหรือนักลงทุนคือต้องอ่าน “กระแสของตลาด” (Trend) ให้ออก ว่าสินค้าหรือโซลูชั่นไหนจะบูม ตลาดไหนจะขาขึ้น ขาลง ซึ่งมันก็ไม่ยากเพียงแค่คุณไปทำ AI ว่าปี 2026 ต่อจากนี้ตลาดไหนน่าเล่น ค่าคอมมิชชั่นสูง เติบโต เช่น AI, SaaS, IT, etc. จากนั้นก็ “ย้ายตูด” ตัวเองไปทำวงการนั้นซะ เชื่อหรือไม่ว่านักขายที่เก่งแต่ขาดวิสัยทัศน์มีมากกว่า 80% ที่ยังอยู่ในกะลา ไม่ยอมศึกษาเทรนด์ใหม่ๆ ทำให้อยู่ในสภาวะ “กบต้ม” ก็คือตลาดเริ่มชะลอตัว ขายของยากขึ้น และจงเลือกบริษัทที่มีระบบจ่ายค่าคอมมิชชั่นแบบเข้าใจง่าย ยุติธรรม ยิ่งไร้เพดานยิ่งดี ส่วนบริษัทไหนไม่มีก็ไม่ควรไปทำอยู่แล้วครับ
3. ขายด้วยความเชี่ยวชาญสไตล์ที่ปรึกษาอย่างแท้จริง
ฝึกฝนตัวเองให้กลายเป็นนักขายที่สามารถเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าได้อย่างรอบด้าน เข้าใจธุรกิจ โจทย์ ปัญหา และสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ไม่เว้นแม้กระทั่งกิจกรรมสันทนาการกับไม่เป็นทางการก็ต้องครบเครื่อง อย่ารู้แค่สินค้าตัวเอง แต่ต้องรู้ ธุรกิจของลูกค้าทั้งหมด รู้ว่าพวกเขาทำเงินได้อย่างไร และคุณจะช่วยให้พวกเขาทำเงินได้มากขึ้นหรือลดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างไร นอกจากนี้ควรนำเทคโนโลยีกับ Data ทั้งหมดมาใช้ในงานขาย เช่น โปรแกรม CRM, AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ได้อย่างรวดเร็ว
4. จงสร้างเครือข่ายและคอนเนคชั่นส่วนตัวให้กลายเป็นเงิน
โดยเฉพาะคอนเนคชั่นกับลูกค้าคนสำคัญ ลูกค้าที่คุณปิดดีลได้คือ “คอนเนกชัน” ที่มีค่าของคุณ จงรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า VIP ทั้งเก่าและใหม่ไว้เสมอ ไม่ว่าจะย้ายงานไปอยู่ที่ไหนก็ตาม จะบอกว่าย้ายงานก็ได้เงินเดือนขึ้น (ถ้าอยู่ในวงการเดิม) หรือถ้าคุณออกไปตั้งบริษัทเองก็ได้เปรียบมหาศาลเพราะสามารถกลับไปขายคอนเนคชั่นเก่าๆ ได้เลย เรื่องนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่ความรวยที่แท้จริงเลยก็ว่าได้ และการพิจารณาเรียนต่อ MBA จากสถาบันที่มีชื่อเสียง จะเป็นการ “ซื้อ Connection” และ “ซื้อภาษาธุรกิจ” ระดับบริหาร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการก้าวขึ้นสู่ระดับ VP, Director ที่มีรายได้หลักแสนในองค์กรชั้นนำได้
5. นำเงินที่ได้ไปใช้กับการลงทุนความมั่งคั่ง
ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ หุ้น อสังหาฯ เมื่อมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นสูง ให้เปลี่ยนเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนใน สินทรัพย์ที่สร้างรายได้ หรือ Passive Income และจงคิดแบบเจ้าของกิจการ คือการใช้ทักษะการขาย เช่น การประเมินความเสี่ยง การเจรจา การคาดการณ์ ฯลฯ มาใช้ในการตัดสินใจลงทุน เพื่อให้เงินที่คุณหามาทำงานแทนคุณได้ในระยะยาวนั่นเองครับ
สรุป: การรวยจากการเป็นนักขายองค์กรคือการสร้าง “เครื่องผลิตเงิน” ที่มีประสิทธิภาพสูง จากนั้นนำผลตอบแทนมาเปลี่ยนเป็น “สินทรัพย์” ที่ทำให้คุณมีอิสรภาพทางการเงินครับ
Comments
0 comments
