พูดไม่ค่อยเก่ง ขี้อาย จะขายได้ยังไง มาดูกัน

จุดอ่อนหรือปมด้อยของใครหลายๆ คนที่ปิดใจกับงานขายหรือถึงขั้นเกลียดเลยก็คือ การที่คิดว่าตัวเอง “พูดไม่ค่อยเก่ง” นี่แหละครับ ซึ่งผมก็เข้าใจมากๆ ว่าเรื่องนี้มันประกอบด้วยทักษะที่หลากหลาย ทั้งความกล้าแสดงออก ความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษา หรือแม้กระทั่งความมั่นใจทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งถ้าคุณเลือกงานที่ไม่ต้องพูดมากหรือไม่เกี่ยวกับงานขายก็ดีไป แต่ถ้าคุณอ่านบทความจนถึงตรงนี้และคิดว่ายังไงก็หนีการขายไม่พ้น นี่คือวิธีที่ยั่งยืนที่จะทำให้คุณกลายเป็นนักขายขั้นเทพทั้งๆ ที่คุณพูดไม่เก่งได้

1. พยายามจับงานขายที่เน้นการเป็นที่ปรึกษามากกว่าการขายที่เน้นพูดเป็นหลัก

ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีถ้าคุณสามารถเลือกหรือทำงานขายที่เน้น “ความเชี่ยวชาญ” ซึ่งเป็นแกนหลักของการเป็นที่ปรึกษามากกว่า เช่น การขายงานโครงการหรือโซลูชั่น งานความเชี่ยวชาญพิเศษแบบกฎหมาย การเงิน ไอที ฯลฯ แตกต่างกับการเป็นนักขายทั่วไปที่เน้นปฎิสัมพันธ์กับลูกค้าและมุ่งเน้นการพูดคุยกับคนเป็นหลัก เช่น เซลล์รับบริจาคเงินตามห้าง เซลล์ขายคอร์สเสริมความงาม ฯลฯ ที่ต้องใช้ทักษะและความกล้าในการพูดโน้มน้าวคนเป็นอย่างมาก แค่นี้ก็ทำให้คุณหนีการขายที่ใช้ปากพูดเยอะๆ ไปได้แล้วครับ

2. หันไปขัดเกลาทักษะการฟังแบบจับใจความให้แหลมคม

นี่คือการเอาปมด้อยมาเป็นปมเด่น ในเมื่อคุณพูดไม่เก่งอยู่แล้ว คุณอาจจะเป็นคนบุคลิกแบบ Introvert หรือเน้นฟังมากกว่าและไม่ชอบพูดมาก การทำงานขายสไตล์ที่ปรึกษาหรือแก้ปัญหาและคุยกับลูกค้าด้วยคำถามเนื้อๆ แบบปลายเปิด จากนั้นฟังพวกเขาและตีความให้ออกว่าพวกเขาคิดอะไร อารมณ์แบบไหน ข้อดีก็คือคุณจะสามารถโต้ตอบหรือมีส่วนร่วมได้แบบเนื้อเดียวกันกับลูกค้า อารมณ์ประมาณจิตแพทย์ในหนังอ่ะครับที่นั่งฟังผู้ป่วยอย่างเดียว แล้วก็ถามคำถามเกี่ยวข้องไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็ทำให้ลูกค้าไว้ใจได้แล้ว

3. เปลี่ยนไปเน้นการใช้ “ภาษาเขียน” ในการสื่อสารลูกค้า

โชคดีมากที่ยุคนี้มีเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสารนอกจากการเจอหน้าและโทรศัพท์ ซึ่งก็คือพวกโปรแกรมแชตต่างๆ ไลน์ เฟซบุ้ค ลิ้งก์อิน รวมถึงอีเมล คุณจึงสามารถดัดแปลงภาษาเขียนเพื่อสื่อสารกับลูกค้าให้สละสลวย มืออาชีพ และมีกาละเทศะได้ง่ายกว่าการพูดอยู่แล้ว ที่สำคัญคือก่อนกดส่งสามารถลบและแก้ไขได้เรื่อยๆ จนกว่าคุณจะมั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เอาตรงๆ คือง่ายกว่าการตัดสินใจพูดโต้ตอบกับลูกค้าซึ่งมีเวลาคิดเพียงแค่เสี้ยววินาทีครับ

4. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเจอลูกค้าเสมอ

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ลดความกดดันและทำให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดคือการเตรียมความพร้อมเรื่องสินค้าและบริการ และมีอีกหนึ่งเคล็ดลับก็คือ “การสร้างโพยเกี่ยวกับข้อโต้แย้ง” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา คุณสมบัติ คำถามที่พบบ่อย ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้คุณโต้ตอบลูกค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติอย่างมาก อีกมุมหนึ่งที่ควรทำคือการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ข้อเสนอ หรือความต้องการเพิ่มเติม รับรองว่าคุณจะมีความมั่นจเพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียวครับ

5. เน้นการนำเสนอและผลลัพธ์ที่สามารถจับต้องได้แทนการพูด

“สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น” ดังนั้นการทำให้ดูของจริงหรือโชว์ให้เห็นภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องด้วยวีดีโอ รูปภาพ พาไปดูสถานที่จริง หรือการสาธิตสินค้าให้ดู นี่คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับหนึ่งในวิธี “ขายแบบไม่ขาย” ซึ่งถ้าผลลัพธ์นั้นตอบโจทย์หรือตรงกับความต้องการ ก็คงไม่ต้องบอกนะครับว่าปิดการขายได้ง่ายมากแค่ไหน

6. ฝึก Role-Play บ่อยๆ

คือการทำบทบาทสมมติ จะดีที่สุดคือหาเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือคนที่ไว้ใจได้ให้มาซ้อมสถานการณ์การเป็นลูกค้าหลายๆ รูปแบบ มีโจทย์ที่ท้าทายให้ทดสอบ ฝึกกันเองบ่อยๆ รับรองว่าระยะยาวคุณจะพูดเก่งขึ้นเป็นเงาตามตัวได้แน่นอนครับ (ปัญหาคือคนส่วนใหญ่มักรู้ว่ามันดีแต่ไม่ทำ)

7. เรียนรู้หรือก็อปปี้คนเก่งๆ

ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้คุณเก่งเร็วขึ้น ลองหาเคล็ดลับหรือจดคำพูดติดปากที่เวลานักขายตัวท็อปทำแล้วมันเวิร์ก อารมณ์เหมือนคนอยากเป็นตลกแล้วเป็นนักจดมุกเด็ดๆ จากนั้นก็ไปฝึกพูดตามสถานการณ์ที่เป็นใจนั่นแหละครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts