ข้อคิดเรื่องการขายที่ได้จากซีรีย์เรื่อง “สงครามส่งด่วน”

ช่วงนี้กระแสของซีรีย์ธุรกิจที่สร้างจากเรื่องจริงของ Flash Express นั้นมาแรงจริงๆ ครับ ผมเลยต้องรีบหามาดูพร้อมกับความคาดหวังที่สูงสุดๆ ของหนังจากเรื่องจริงสร้างตัวเหมือนเรื่อง ‘วัยรุ่นพันล้าน’ (เถ้าแก่น้อย) ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ ซีรีย์เรื่องนี้นำเสนอโลกของการแข่งขันในธุรกิจส่งพัสดุได้อย่างเข้มข้น แถมยังได้แนวคิดเกี่ยวกับธุรกิจสตาร์ทอัพ (ผมเคยทำมาก่อน) อย่างลึกซึ้ง ซึ่งก็แน่นอนว่าหลายๆ Content นำเสนอแนวคิดธุรกิจที่ได้จากซีรีย์เรื่องนี้ ผมจึงขอถอดรหัสข้อคิดด้านการขายแบบเน้นๆ กันบ้างครับ

1. เร็วกว่าย่อมดีกว่า … เร็วที่สุดหมายถึงชัยชนะ (แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด)

ถ้าคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับโลจิสติกส์ก็คงอินเป็นพิเศษเพราะสงครามส่งของเดลิเวรี่แทบทุกอย่างเอาชนะด้วยสปีดและราคาแบบเน้นๆ ครับ แต่ถ้าไปดูซีรีย์ (ซึ่งเคสในโลกแห่งความเป็นจริงก็เป็น) กลับพบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับวัสดุเสียหายหรือคุณภาพต่ำเป็นอย่างมาก ผลก็คือขาดความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรงนั่นเองครับ

ข้อคิดด้านการขาย: สปีดเป็นสิ่งดีสำหรับลูกค้า ยิ่งเป็นธุรกิจที่เน้นเรื่องความรวดเร็วอย่างโลจิสติกส์ (จริงๆ ก็แทบทุกธุรกิจ) แต่การเร่งรัดเพื่อปิดการขายด้วยสปีดมากเกินไปอาจทำให้คุณละเลยความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ผลก็คือเสียลูกค้าในระยะยาว สรุปคือควรจะเน้นทั้งสปีดและคุณภาพ (ซึ่งก็ยากชิบหาย)

2. ความน่าเชื่อถือคือแก่นแท้ของการขาย

ในซีรีย์จะพบว่าตัวละครเจออุปสรรคเกี่ยวกับการส่งของมากมาย แต่ก็ยืนหยัดอยู่ได้เพราะคำว่า ‘น่าเชื่อถือ’ ในการส่งมอบตามที่รับปากไว้ต่อให้เจออุปสรรคยากลำบากแค่ไหนก็ตาม

ข้อคิดด้านการขาย: การรักษาคำมั่นสัญญาคือหัวใจของการได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้า ไม่ว่าคุณจะขายอะไร การส่งมอบตามที่รับมอบหมายคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

3. ทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างชาญฉลาด

เพื่อให้ซีรีย์มีสีสัน จึงถูกแต่งเติมด้วยการเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ ตัวละครหลายๆ ตัวสามารถเอาตัวรอดได้อย่างชาญฉลาด ใช้ไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ถูกบีบด้วยเวลาก็สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

ข้อคิดด้านการขาย: การขายและการสื่อสารกับลูกค้ามักเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทักษะที่ยอดเยี่ยมซึ่งนักขายที่ดีต้องมีคือการรับมือกับปัญหา แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากับลูกค้าได้ดี หาวิธีช่วยเหลือที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ผลก็คือสร้างความประทับใจและคุณค่าที่ยอดเยี่ยม

4. เข้าใจ Pain Point ของลูกค้าเป็นอย่างดี

แม้พัสดุจะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่คุณค่าของมันในสายตาของลูกค้าแต่ละรายไม่เท่ากัน การเข้าใจว่าทำไมพัสดุชิ้นนั้นถึงสำคัญกับลูกค้าอย่างแท้จริง ทำให้การส่งมอบมีความหมายมากขึ้น

ข้อคิดด้านการขาย: อย่าแค่เสนอขายสินค้าหรือบริการ แต่ต้อง ‘เข้าใจปัญหาและความต้องการที่ซ่อนอยู่’ ของลูกค้าว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าไม่สบายใจ หรืออะไรคือสิ่งที่ลูกค้าอยากได้จริงๆ เมื่อคุณเข้าใจ คุณจะสามารถนำเสนอโซลูชันที่ “โดนใจ” ได้อย่างแท้จริง

5. บริการหลังการขาย…ที่ไม่ใช่แค่จบที่ส่งของ

แม้ภารกิจหลักคือการส่งพัสดุให้ถึงที่ แต่บางครั้งการดูแลหรือช่วยเหลือในสิ่งที่เกินกว่าหน้าที่ปกติ ก็สามารถสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้

ข้อคิดด้านการขาย: การขายไม่ได้จบลงเมื่อลูกค้าจ่ายเงิน แต่เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ การดูแลลูกค้าหลังการขาย การให้คำแนะนำ หรือแม้แต่การสอบถามความพึงพอใจเล็กๆ น้อยๆ สามารถเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำและบอกต่อได้ในที่สุด

6. การปรับตัวและเรียนรู้จากความผิดพลาด

ในสงครามธุรกิจขนส่ง ทุกวันคือการเรียนรู้และการปรับตัว แผนที่วางไว้อาจไม่เป็นไปตามคาด ต้องรู้จักพลิกแพลงและนำข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียน

ข้อคิดก้านการขาย: โลกของการขายเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักขายต้องเปิดใจเรียนรู้ ปรับกลยุทธ์การขายให้เข้ากับสถานการณ์และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป และที่สำคัญคือต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองและทีมงานเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

“สงครามส่งด่วน” ไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์แอคชั่นที่สนุกสนาน แต่ยังเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับนักขายและผู้ประกอบการทุกคนที่จะตอกย้ำว่าในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน หัวใจสำคัญคือการเข้าใจลูกค้า การส่งมอบสิ่งที่เหนือความคาดหวัง และการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts