“ขำๆ แต่จริงจัง!” สรุปสไตล์ขายแต่ละ Gen ที่เห็นแล้วต้องร้อง ‘เออ จริง!’

จากประสบการณ์การขายมาเกือบ 20 ปีของผมนั้น ต้องบอกว่าเจอนักขาย ลูกพี่ เพื่อนร่วมงาน ไปจนถึงทำงานกับลูกน้องมากมายเลยมี “ความคิดขำๆ” กับสไตล์ของนักขายแต่ละ Gen ซึ่งผมจะลากไปถึง Gen-Z ที่เป็นกระแสหลักกันเลยทีเดียว มาดูกันว่าสไตล์ของนักขายเหล่านี้ที่คุณต้องเจอนั้น มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง (ขำๆ นะครับ อย่าคิดมาก)

1. นักขาย Gen Baby Boomer (ลุงๆ ป้าๆ เกษียณกันหมดแล้ว)

รุ่นใหญ่ 60+ ณ ตอนนี้คงตีกอล์ฟไปวันๆ หรืออยู่บ้านเลี้ยงหลานกันแล้ว ตอนเรียนจบใหม่ๆ ยังทันรุ่นใหญ่กลุ่มนี้อยู่ครับ (ฮา) สไตล์การขายผมสรุปได้ง่ายๆ เลยว่า

“โคตรจะเน้นเรื่องความสัมพันธ์กับลูกค้า บ้าการทำ Cold Call เป็นพิเศษ (เพราะไม่มีโซเชี่ยล) เน้นทำถึง หาลูกค้าถึงที่”

นอกจากนี้ยังต้องมีคอนเนคชั่นหรือคนแนะนำ บอกต่อ ถึงจะเจอระดับผู้มีอำนาจฯ ทำงานแบบบ้างาน ถวายหัวให้ลูกค้า ไม่มีคำว่า Work Life Balance ต้องเข้าใจครับว่ายุคนั้นงานหายาก การติดต่อธุรกิจก็ไม่ง่าย กว่าจะได้ลูกค้าซักเจ้านั้นต้องพยายามมาก การเน้นความสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบันและดูแล Key Account แบบไทยๆ จึงสำคัญมาก กระเช้าต้องมา ของฝากต้องมี กินข้าว เลี้ยงกาแฟ เที่ยว สิงอยู่ที่ออฟฟิศลูกค้านานๆ กิจกรรมอะไรที่ได้อยู่กับลูกค้านั้น สรุปสั้นๆ คือความสนิทเอาไว้กัน ความรู้ ความเทพของสินค้านั้นเป็นเรื่องรองๆ เลยก็ว่าได้

2. นักขาย Gen-X (รุ่นใหญ่ ซ่าทุกหยด 50+)

เรียกได้ว่าตอนนี้ Gen-X ที่ขายเก่งขึ้นแท่นกันเป็นผู้บริหารฝ่ายขาย หรือไม่ก็กลายเป็นเจ้าของกิจการกันหมดแล้ว สไตล์การทำงานก็แทบไม่ต่างกับคนรุ่น Baby Boom (เพราะเจ้านายของพวกเขาก็คือคนเบบี้บูมนั่นแหละ) การทำงานเลยเน้นความสัมพันธ์และความสนิทคล้ายๆ กัน ลองไปดูตามสนามกอล์ฟหรือเลาจน์เลี้ยงลูกค้าก็ได้ครับว่าคนกลุ่มนี้แหละคือกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุด มีทั้งเงินและอำนาจ เพียงแต่หลายๆ คนได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น บางคนจบเมืองนอกและมีบริษัทต่างชาติมากขึ้น การทำงาน บุคลิกภาพ ความรู้ เลยดูเป็นมืออาชีพมากกว่าเบบี้บูมพอสมควร (แต่สไตล์การขายก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ฮา)

จุดอ่อนของเบบี้บูมและ Gen-X ที่สำคัญเลยคือแทบไม่มีความรู้ในการหาลูกค้าผ่านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งหรือโซเชี่ยลมีเดียเลย

3. นักขาย Gen-Y (เข้าสู่วัยกลางคน 32-45 อดีตขบถของวงการทำงาน)

Gen-Y คือรุ่นของผมเองครับเลยขอพูดถึงเยอะหน่อย รุ่นนี้บอกเลยว่าเป็นรุ่นต่อต้านสังคมครับ (ฮา) เป็นรุ่นที่ตั้งคำถามว่าทำไมต้อง Cold Call หรือเป็นนักขายต้องดูแลอ้อร้อลูกค้าแบบออกนอกหน้าสไตล์ Gen-X เพราะรู้สึกว่ามันไม่เท่ห์เลย (ฮา) รุ่นนี้เกลียดการขายสไตล์โบราณมากๆ เพราะเป็นรุ่นที่โตมากับอินเทอร์เน็ต กูเกิ้ล โซเชี่ยลในยุคแรก ซึ่งมาพร้อมกับวิธีการหาลูกค้าแบบดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ลูกค้าเข้ามาหาเองทางเว็ปไซต์ นักขายรุ่นนี้ในหลายๆ วงการจึงทำงานสบายขึ้นเยอะ ความสนิทกับลูกค้ายังเป็นเรื่องสำคัญแต่นักขายรุ่นนี้จะเริ่มห่างเหินกับลูกค้าและเน้นการทำงานที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น

Gen-Y ณ ตอนนี้หลายๆ คนเป็น Key Account หรือไม่ก็เป็นผู้จัดการฝ่ายขายกันแล้ว สไตล์การทำงานจะมีความเป็นอินเตอร์เพราะอยู่ในยุคที่ Gen-X เริ่มเอาระบบการทำงานสไตล์ฝรั่ง การวัดผลการทำงานด้วย KPI หรือการใช้เครื่องมือช่วยส่งเสริมการขายได้อย่างคล่องแคล่ว ใช้ CRM, ERP ต่างๆ เป็น หรือมีโซเชี่ยลมีเดียช่วยหาลูกค้าด้วย LinkedIn, FB, Line, etc. ทำให้การทำงานกระชับ ฉับไว แถมยังมีความรู้เรื่องสินค้าของตัวเองและคู่แข่งที่รวดเร็วเพราะมีฐานข้อมูลให้ศึกษามากมาย เรียกได้ว่ารุ่น Gen-Y เนี่ยแหละคือรุ่นแรกที่ปฏิวัติวงการการขายสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง (Gen-X เขายุค Analog 555)

4. นักขาย Gen-Z (เด็กจบใหม่ไปจนถึงเริ่มมีประสบการณ์ในวงการการขาย)

Gen-Z ถือว่าโตมาจากการสอนงานโดย Gen-Y เป็นหลัก ดังนั้นสไตล์การทำงานจึงคล้ายๆ กัน เพียงแต่จะเน้นความรวดเร็วกว่า ช่องทางการสื่อสารเน้นการแชตมากกว่าโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าจะเรียนรู้งานได้ไวกว่า

“แต่ Gen-Z มีจุดอ่อนอันใหญ่หลวงที่ผมเป็นห่วงมาก”

นั่นก็คือการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์แบบมนุษย์ต่อหน้ากัน เพราะรุ่นนี้เข้าใจว่าเติบโตมากับการมีกิจกรรม “บนโลกออนไลน์” มากกว่าออฟไลน์ไปซะแล้ว ยุคผมยังไปเล่นเกมบ้านเพื่อน เป่ากบ โดดหนังยาง มันเป็นกิจกรรมสื่อสารปฎิสัมพันธ์กันแบบต่อหน้า แต่ยุคนี้เทคโนโลยีและโซเชี่ยลมีเดีย เกมออนไลน์ มันทำให้คนก้มหน้าอยู่กับมือถือ การปฎิสัมพันธ์เลยลดลง ฐานข้อมูลบั่นทอนสมองเยอะเกินไป ทำให้รุ่นนี้มักถูกมองว่าทำงานด้วยความเป็นตัวเองมากเกินไป ก้าวร้าว สอนงานยาก มือไม้แข่ง ผู้ใหญ่เลยไม่ค่อยปลื้มนั่นเองครับ

5. นักขาย Gen-Alpha (ยังเรียนไม่จบและกำลังเรียนจบ)

ไม่มีความเห็นครับ แต่คิดว่าสกิลการปฎิสัมพันธ์กับคนแบบต่อหน้าคงพอๆ กับ Gen-Z หรือไม่ก็แย่กว่า เพราะเกิดมากับคอนเทนต์ขยะ ทำให้สมองเน่ากว่าเดิม โคตรน่าเป็นห่วงเลย

6. นักขาย Gen-Beta (ยังไม่เกิด)

ไม่มีความเห็นครับ

บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวและจากประสบการณ์ชีวิตผ่านมุมมองของผมเพียงเท่านั้น ถ้าใครเห็นต่างหรือมีความคิดเห็นเพิ่มเติมนอกจากนี้ รบกวนแสดงความคิดเห็นกันด้วยนะครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts