8 นักขายจากโลกภาพยนตร์ที่คุณควรเอาเป็นแบบอย่าง

เชื่อผมไหมครับว่าผมเคยก็อปปี้เอาวิธีการขายจากในหนัง โดยเฉพาะการขายผ่านโทรศัพท์ ทำนัดลูกค้า (Cold-Calling) จากหนังเรื่อง ‘The Wolf of Wall Street’ มาใช้กับชีวิตจริง ผลลัพธ์ก็คือมันเวิร์กมากๆ นั่นเป็นเพราะผมเชื่อว่าวิธีการขาย แนวคิด แรงบันดาลใจจากหนังหลายๆ เรื่อง สามารถทำให้ผมเชื่อและทำได้จริง

การเรียนรู้หรือหาต้นแบบจากโลกภาพยนตร์ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ผมแนะนำให้ทุกคนลองลงมือทำตาม เพื่อใช้ศึกษาวิธีการวางตัว พูดคุย ถามคำถาม รวมถึงกลเม็ดเคล็ดลับที่แพรวพราวของตัวละครต่างๆ ในหนัง

เพราะผมเชื่อว่าการแสดงของดาราในหนังนั้นสามารถทำให้ผมและหลายๆ คน ‘เชื่อ’ ว่าวิธีการแสดงของพวกเขาที่เกี่ยวกับการขายนั้นเป็นวิธีการที่ถูกต้อง มาดู 8 นักขายบนโลกภาพยนตร์ที่ผมแนะนำให้ทุกคนรีบไปหาดูเพื่อลองลงมือทำตามและเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จกันครับ

1. คริส การ์ดเนอร์ (Christ Gardner) จากเรื่อง The Pursuit of Happyness

เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของ Mr. Christopher Gardner นักลงทุนระดับโลกที่ประสบความสำเร็จด้านการลงทุน ซึ่งเป็นชีวิตเกี่ยวกับเซลล์แมนที่ล้มเหลวจากการลงทุนขายอุปกรณ์การแพทย์ที่ทั้งแพงและไม่เวิร์กแถมชีวิตครอบครัวล้มเหลวจากปัญหาด้านการเงิน ภรรยาตีจาก ต้องเป็น ซิงเกิ้ล แด๊ด (พ่อเลี้ยงเดี่ยว) เลี้ยงลูกอยู่คนเดียว

เป็นเรื่องที่บรรยายประสบการณ์ของคริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์ (นำแสดงโดยวิลล์ สมิธ) ในช่วงของการทำงานเป็นเซลล์ควบคู่ไปกับการเลี้ยงลูกชายและเข้าอบรมโปรแกรมการเป็นโบรกเกอร์โดยไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมอินมากเพราะสร้างจากเรื่องจริงและทำให้ลูกผู้ชายอย่างผมน้ำตาซึมเพราะได้เรียนรู้ว่าชีวิตคนอื่นหนักหนากว่าเราแต่ก็ผ่านอุปสรรคมาได้ คริส การ์ดเนอร์ยังคงขายของ เลี้ยงลูกพร้อมกับเรียนอย่างไม่ย่อท้อ จนประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ในทุกวันนี้ครับ

2. จอร์แดน เบลล์ฟอร์ท (Jordan Belfort) จากเรื่อง The Wolf of Wall Street

เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สร้างจากเรื่องจริงของ จอร์แดน เบลฟอร์ท ซึ่งเป็นอดีตเจ้าของบริษัทด้านการลงทุน เป็นมหาเศรษฐีที่ตอนนี้เป็นนักพูดเกี่ยวกับการขายอันดับต้นๆ ของโลก นำแสดงโดย ลีโอนาโด้ ดิคาปริโอ (ซึ่งแสดงได้ยอดเยี่ยมมากจนเกือบได้รางวัลออสการ์)

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบและนำมาเลียนแบบในขั้นตอนของการทำ Cold-Calling (โทรหาลูกค้าแปลกหน้า) ที่ใช้คำพูดได้น่าสนใจ ตื่นเต้น ไม่น่าเบื่อ ได้แง่คิดดีๆ ว่า “ความลับของโทรศัพท์คือมันไม่สามารถโทรตัวมันเองได้ ถ้าไม่มีพวกนาย โทรศัพท์ก็เป็นแค่พลาสติกสีดำ” หมายความว่ามันจะเป็นอาวุธชั้นเยี่ยมสำหรับการสร้างยอดขายเพียงแค่เรายกหูแล้วกดปุ่มโทรหาลูกค้า

เรื่องนี้เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการดูชีวิตที่โลดโผนและเทคนิคการขายที่แพรวพราวผ่านเพียงแค่โทรศัพท์ธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา จอร์แดนไม่เคยยอมแพ้้และลูกทีมของเขาไม่เคยพูดคำว่า “ปฎิเสธ” เลยแม้แต่ครั้งเดียว !

3. ต๊อบ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์หรือต๊อบ เถ้าแก่น้อย จากเรื่อง ท็อป ซีเคร็ต วัยรุ่นพันล้าน

ภาพยนตร์แรงบันดาลใจวัยรุ่นตอนปลายยุค Gen-Y (ฮา) ที่จะพาคุณไปรู้จักกับเรื่องราวจากชีวิตเบื้องลึกของ ต๊อบ อิทธิพัฒน์ (พชร จิราธิวัฒน์) เจ้าของธุรกิจสาหร่ายเถ้าแก่น้อย วัยรุ่นไทยที่พลิกชีวิตจากเด็กติดเกมส์ออนไลน์ เด็กมัธยมปลายที่เคยถูกครูฝ่ายปกครองค่อนขอดว่าเรียนจบแล้วจะไปทำอะไรกิน จนกลายมาเป็นวัยรุ่นพันล้าน

ในวันนี้ต๊อบก้าวกระโดดมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากรวย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่กล้าลงมือทำแบบต๊อบ อะไรคือสิ่งที่ต๊อบต้องฝ่าฝัน อะไรคือสิ่งที่ต๊อบต้องแลกให้กับคำว่า “รวย” อะไรคือมูลค่าที่แท้จริงของความรวย และอะไรคือสิ่งที่ผุดขึ้นในหัวของต๊อบ เมื่อเขาได้ลองชิมสาหร่ายทอดบรรจุกระป๋องแบบโอท็อปเป็นครั้งแรก “อร่อย?” “ซื้อที่ไหนนะ?” “ราคาเท่าไหร่?” “ฝากซื้อกี่กระป๋องดี?” พบกับคำตอบที่ทำให้ต๊อบรวยพันล้าน ใน TOP SECRET วัยรุ่นพันล้านกันนะครับ

4. มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก จากเรื่อง The Social Network

“ดูเรื่องนี้จบ ต้องบอกว่าเป็นโปรแกรมเมอร์แล้วแม่งเท่ห์” 

นี่คือคำพูดที่ผมบ้วนออกมาหลังจากที่ชมภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก’ (นำแสดงโดยเจสซี่ ไอเซนเบิร์ก) CEO ที่โคตรรวยและแทบจะครองโลกในตำนานยุคเจนวาย ผู้สร้าง ‘Facebook’ ให้คุณและผมได้มาเจอกันในเพจ “กูนี่แหละเซลล์ร้อยล้าน” ยังไงล่ะครับ

หลายคนอาจจะเลิกคิ้วและถามผมว่า นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กภายในหนังก็ไม่ได้เล่นเป็นนักขาย แล้วทำไมผมถึงเขียนให้คุณศึกษากันล่ะ? ที่ผมอยากให้ดูหนังเรื่องนี้และดูชีวิตของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กจากหนัง คือสิ่งที่เขาลงมือทำและความคิดที่ไม่ได้คิดเล็ก แต่คิดการณ์ใหญ่ พร้อมกับการพึ่งพา ‘คอนเน็กชั่น’ ที่จะสามารถพาเขาไปสู่จุดที่มีคนเล่นเฟสบุ้คถึง ‘1,000,000,000’ ล้านคน ยังไงล่ะครับ

หนังเรื่องนี้เป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมตั้งแต่ตอนก่อตั้งเฟสบุ้คมาใหม่ๆ เริ่มได้เงินลงทุนโดยมีเพื่อนที่เก่งด้านการเงิน การมี ‘นายทุน’ หรือ VC (Venture Capital) อัดฉีดเงินให้ ทำให้ตั้งบริษัทได้เร็ว รวมไปถึงทัศนคติที่แตกหักและคิดการณ์ใหญ่เหนือคนธรรมดา ทำให้มาร์ค ประสบความสำเร็จทั้งในรูปแบบธุรกิจและการครอบครองตลาดโลกจนทุกวันนี้แทบทุกคนบนโลกนั้นเป็น ‘ทาส’ ของเฟสบุ้คกันหมดแล้ว ลองเข้าไปศึกษาความคิดของเขาดูนะครับ

5. ริคกี้ โรม่า จากเรื่อง Glengarry Glen Ross

หนังเรื่อง Glengarry Glen Ross เป็นสุดยอดหนังในตำนานเกี่ยวกับชีวิตเซลล์แมนและธุรกิจที่อยู่ในระดับ ‘ขึ้นหิ้ง’ เป็นหนังที่ฝรั่งผู้บริหารสมัยก่อนใช้สอนทีมนักขายว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำเลยทีเดียว

ตัวหนังเล่าถึงเซลล์แมนสี่คนที่กำลังจะถูกไล่ออก โดยช็อตเด็ดอยู่ที่ ‘เบลค’ ผู้จัดการบริษัทฯ ที่ถูกส่งมาเพื่อกดดันและไล่เซลล์กระจอกของฝั่งพระเอกออกไป ซึ่งมีฉากในตำนานคือ ‘ABC – Always Be Closing’ ที่ฝรั่งนักขายไม่มีใคร ไม่รู้จัก แต่ช็อตเด็ดของเรื่องนี้ที่ควรศึกษาและทำตามคือฉากการขายของ ‘ริคกี้ โรม่า’ (นำแสดงโดย อัล ปาชิโน) ซึ่งเขาได้แสดงการใช้ ‘สกิลปาก’ สำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์ให้ลูกค้า ทั้งๆ ที่ไม่ได้พาไปดูสถานที่จริง แถมรูปถ่ายที่ดินยังมีแค่โบรชัวร์แผ่นพับใบเดียวแค่นั้น

ริคกี้ โรม่า ได้พูดถึงการขายที่หว่านล้อมลูกค้าได้อยู่หมัด ให้พวกเขาคิดถึงสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่น มันคือการคว้าโอกาสในอนาคต ไม่ใช่แค่การซื้อขายที่ดินและทำกำไรแบบธรรมดาๆ การซื้อขายอย่างสิ่งอื่นๆ มีทั้งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ส่วนการขายที่ดินนั้นไม่ใช่ การขายที่ดินคือการซื้อโอกาสที่มีแต่จะเพิ่มมูลค่าและไม่มีวันแตกสลาย นี่คือประโยคคลาสสิกที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นอมตะและมีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก คุณสามารถเอาวิธีการพูดของริคกี้ โรม่า ไปใช้หว่านล้อมลูกค้าได้อย่างไม่เคอะเขินเลยดีเดียว

คลิปริคกี้ โรม่า พูดกับลูกค้า (ไม่มีซับไทยนะ ฮา)

6. เรย์ คร็อก จากเรื่อง The Founder

“ผมรู้ดีว่าคุณคิดอะไรอยู่?” เรื่องราวของเซลล์แมนขายเครื่องทำมิลค์เชค อายุ 52 ปี สร้างอาณาจักรฟาสต์ฟู้ดมากกว่า 1,600 สาขา และทำรายได้ต่อปีราวๆ 700 ล้านเหรียญได้ยังไง? คำเดียวเลย…ไม่ยอมแพ้ (Persistent)…เรย์ คร็อก ได้กล่าวไว้

หนังเล่าเรื่องราวของ “เรย์ คร็อก (Ray Kroc)” เซลล์แมนผู้มีนิสัยทะเยอทะยาน ผู้มีชีวิตแบบชนชั้นกลางธรรมดาๆ ทั่วไป เขาขายเครื่องทำมิลค์เชคตามร้านอาหารทั่วไป ซึ่งก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง จนวันหนึ่งมีลูกค้าสั่งซื้อเครื่องทำมิลค์เชคของเขาเป็นจำนวนมาก เขานึกสงสัยจึงได้พบกับลูกค้าของเขาคือ “ดิ๊คและแม๊ค” สองพี่น้องตระกูลแมคโดนัลด์ ผู้ที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

ความทะเยอทะยานครั้งนี้ แม้แต่ดิ๊กกับแม๊ค สองพี่น้องผู้ก่อตั้งตัวจริงก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ ความคิดและการลงมือทำของเขาถึงขั้นตั้งตัวเป็น CEO ตัวจริงและเข้าฮุบกิจการทั้งหมดของแมคโดนัลด์ได้ โดยที่ผู้ก่อตั้งตัวจริงได้เพียงแค่เศษเงินและหุ้น 1% เท่านั้น เรย์ทำได้อย่างไรกันนะ? อยากรู้ก็จงไปดูหนังเรื่องนี้นะครับ

7. เจอรี่ แมคไกวร์ จากเรื่อง Jerry Maguire

เป็นหนังที่เกี่ยวกับอาชีพนายหน้านักกีฬาอเมริกันฟุตบอล นำแสดงโดยทอม ครุยส์ ซึ่งเล่าถึงอาชีพนายหน้าที่มีหน้าที่เหมือนนักขายหรือตัวแทนให้กับนักกีฬาในการรักษาผลประโยชน์ให้กับนักกีฬาในสังกัดเช่นสัญญา ค่าเหนื่อย ลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ โฆษณา เป็นต้น ถือว่าเป็นหนึ่งในอาชีพแบบนายหน้าระบบตัวแทนที่มีค่าตอบแทนระดับโลก

ในเรื่อง เจอรี่ แมคไกว์ เป็นนายหน้านักกีฬาระดับแถวหน้าที่จู่ๆ มองเห็นความย่ำแย่ของการหาผลประโยชน์จากนักกีฬามากไป โดยไม่สนใจสุขภาพและสภาพร่างกายของนักกีฬาเท่าที่ควร ทำให้เค้าลาออกและตั้งบริษัทเองโดยมีนักกีฬาในความดูแลอยู่เพียงแค่คนเดียว (แถมเป็นตัวป่วนซะด้วย) เรื่องราวความน่าสนใจเกิดขึ้นคือเขาต้องสร้างชื่อ หาเงิน พร้อมกับดูแลผลประโยชน์ลูกค้าของเขาตามปณิธานที่ตั้งไว้ให้ได้ รวมถึงความรักที่กำลังง่อนแง่นเต็มที เหมาะมากครับสำหรับคนที่ทำอาชีพนายหน้า เรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจจากคนล้มสู่คนสำเร็จได้ดีมากๆ

8. กอร์ดอน เก็กโก้ จากเรื่อง Wall Street 

“ความโลภ เป็นสิ่งที่ดี” (Greed is good) – กอร์ดอน เก็กโก้

นี่คือประโยคในตำนานที่สะท้อนความเป็นโลกแห่งทุนนิยมได้เป็นอย่างดี ประโยคนี้ถูกบ้วนออกมาจากรูปากของ ‘กอร์ดอน เก็กโก้’ (Gordon Gekko) นักลงทุนชื่อดังจากหนังเรื่อง ‘Wall Street’ ที่ถูกสร้างมาหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นหนังในตำนานที่ทำให้หนุ่มนักฝันถึงความร่ำรวยในเส้นทางนักค้าหุ้น (Broker) เกิดความกระหายและอยากเป็นแบบกอร์ดอน เก็กโก้ เหมือนในหนังจนตัวสั่น หนังเรื่องนี้ถึงกับสร้างกระแสให้คนทั่วโลกได้ทำตาม

ในหนังเรื่องนี้ คุณจะเห็นลูกล่อลูกชนมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่หวัง คำพูดที่โป้ปดโดยนักลงทุนผู้มีความละโมบ ความสิ้นคิดของเด็กหนุ่มผู้ทะเยอทะยาน ยอมเอาคนลิ้นสองแฉกอย่างกอร์ดอน เก็กโก้ เป็นอาจารย์ปั่นหัวจนเกือบสิ้นท่า หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าคนเรายอมทำทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการให้ไปถึงเป้าหมาย 

สิ่งที่ผมอยากให้คุณเรียนรู้คือความโลภนั้นเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะที่ต่อให้คุณเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จมากเพียงไร ถ้าในหัวเริ่มคิดแต่ความโลภ คุณจะเริ่มทำสิ่งที่เลวร้าย เช่น การทุจริต คดโกง ทำให้ชีวิตของคุณบรรลัยได้ไม่ช้าก็เร็วเหมือนกอร์ดอน เก็กโก้และ บัดด์ ฟ็อกซ์ (พระเอก)

โลกภาพยนตร์คือกระจกสะท้อนชีวิตของคนทั่วไป เป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมซึ่งคุณสามารถเอาสิ่งดีๆ จากหนังมาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้ ที่สำคัญคือมีความบันเทิง ความดราม่า แนวคิดดีๆ มีหลายแนวให้ได้เลือกศึกษา มีของฟรีเยอะแยะบนโลกออนไลน์ ผมขอให้นักขายทุกคนลองหยิบมาดูกันให้ได้นะครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น