ภาวะผู้นำระดับสูงที่คุณควรรู้และลงมือทำเดี๋ยวนี้

ความเป็นผู้นำ (Leadership) คือสิ่งที่เป็นตัวชี้วัดว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จเลยก็ว่าได้ ผู้นำที่ดีย่อมทำให้ผู้ตาม (Follower) ทำงานได้อย่างเต็มความสามารถและยังสามารถช่วยกันฝ่าฟันยามที่สถานการณ์ลำบากได้อีกด้วย ตัวอย่างองค์กรที่มีความสมัครสมานสามัคคีที่คุณสามารถศึกษาได้ เช่น SCG, PTT, AIS, KBank, SCB, etc.

คุณจะเห็นว่าลักษณะของผู้นำที่ดีจะต้องมีความน่าเชื่อถือในระดับสูง มีความพร้อมที่จะรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรและภาพลักษณ์ส่วนตัวที่ดี มีวาทะศิลป์เป็นเลิศ มีบุคลิกและมนุษยสัมพันธ์ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ แถมยังเป็นนักลงมือทำที่ยอดเยี่ยม ที่สำคัญคือต้องพูดและลงมือทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ติดตามได้ดีอีกด้วย

สิ่งที่ผมกล่าวมานั้นสามารถหาตัวความรู้ในการพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมได้ทั่วไป มีหนังสือบุคคลระดับผู้นำมากมายให้คุณได้แสวงหาความรู้ ผมจึงไม่ขอพูดถึงทักษะความเป็นผู้นำขั้นพื้นฐานนะครับ แต่ผมจะพูดถึงทักษะและภาวะผู้นำระดับสูงที่ผมได้ความรู้จากสถาบันศศินทร์และได้ลงมือทำด้วยตนเอง บอกเลยว่าไม่เคยอ่านที่ไหนแน่

ผมบอกเลยว่าภาวะผู้นำระดับสูงจะทำให้ลูกน้องของคุณลงมือทำและเชื่อในสิ่งที่คุณวางเป้าหมายให้พวกเขาอย่างหมดใจ ทำงานแบบถวายหัวและมีประสิทธิภาพสูง สิ่งที่พวกเขาแสดงให้คุณจะทำให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้าได้แบบที่คุณไม่ต้องออกแรงลงไปทำงานเองทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อนเลยล่ะครับ

1. ออกรับหน้าและขอโทษแทนลูกน้องเวลาที่มีข้อผิดพลาดกับลูกค้าทุกกรณี

เมื่อ 2 ปีก่อนมีคลิปหลุดระหว่างพนักงานสตาร์บั้คส์ที่ปฎิเสธคนผิวสีสองคนเข้าร้าน แถมยังเรียกตำรวจมาจับ คลิปนี้ถือว่าทำให้สตาร์บั้คส์ฉาวไปทั่วทั้งโลกเกี่ยวกับประเด็นเหยียดสีผิวในอเมริกา คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ หลายๆ คนคงมองว่าไล่พนักงานที่ทำให้เสียชื่อเสียงออกไปแล้วเรื่องก็น่าจะจบ แต่เปล่าเลย ทาง CEO ของสตาร์บั้คส์คือ ?Mr. Kevin Johnson ได้อัดคลิปและขอโทษแทนสตาร์บั้คส์โดยให้เห็นผลว่าเป็นเพราะเขาที่อบรมพนักงานของพวกเขาไม่ดี เป็นความผิดของเขาเอง ทางสตาร์บั้คส์จึงปิดสาขาทั่วอเมริกาเป็นเวลา 1 วันเพื่อจัดฝึกอบรมพนักงานใหม่ทั้งหมด การกระทำที่เกิดขึ้นแสดงถึงภาวะผู้นำอย่างแท้จริง ระดับโลกทำกันขนาดนี้ แล้วคุณล่ะจะยึดติดอะไรอีกครับ

2. พยายามหาทางออกเรื่องความขัดแย้งแบบ “วิน-วิน” ให้ได้

“ยอมหัก ไม่ยอมงอ” อาจจะใช้ไม่ได้แล้วในยุคนี้ ต่อให้คุณเป็นฝ่ายถูกก็ตามเวลามีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภายในองค์กรหรือกับลูกค้า โดยเฉพาะกับลูกค้าที่เมื่อมีจุดแตกหัก (ถ้าลูกค้าไม่ได้โกงเราหรือแย่ใส่เราจริงๆ) การยอมหักจะทำให้พวกเขาไม่ซื้อขายกับคุณอีกต่อไป หรือกับลูกน้องและเพื่อนร่วมงานในองค์กร การเกิดข้อถกเถียงจนถึงขั้นแตกหักเพื่อเอาชนะให้ได้ไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีแต่อย่างใด กลายเป็นความเกลียดชังและเกิดผลเสียต่อการร่วมงาน เวลามีความขัดแย้งเกิดขึ้น จงใช้ความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราก่อน แล้วคิดว่าถ้าคุณเป็นเขาจะรู้สึกอย่างไร การถามถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการและหาทางออกในจุดที่อยู่ตรงกลางจะทำให้ทุกฝ่ายผ่อนคลาย รวมถึงการเป็นตัวกลางในการเคลียร์ปัญหาระหว่างลูกทีมด้วยการเปิดใจคุยอย่างเป็นกลาง นี่คือสิ่งสำคัญของผู้นำเลยล่ะครับ

3. สถานการณ์จากของจริงสร้างความเชื่อมั่นในตัวผู้นำได้มากที่สุด

ผู้นำที่ยอดเยี่ยมจะต้องมาพร้อมกับความสำเร็จที่จับต้องได้ ต่อให้ออกรบไม่เก่งแต่ก็ต้องมีทักษะการบริหารงานที่แสดงให้ลูกน้องเห็นว่ามีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจริง (แต่ยุคนี้ควรมีทักษะการรบในสนามธุรกิจที่ดีด้วย) โดยเฉพาะการทำธุรกิจต่อหน้าลูกค้าที่คุณต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าทำได้จริงจากทักษะและประสบการณ์ที่สั่งสมมา การทำสำเร็จให้ดูต่อหน้าและจับต้องได้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกน้องเชื่อในตัวคุณมากที่สุด เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องพูดอะไรเลยซักคำ ที่สำคัญคือพวกเขาสามารถลงมือทำตามสิ่งที่คุณสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการสอนด้วยปากอยู่แล้วครับ อารมณ์ประมานเข้าไปปิดการขายกับ CEO สูงสุดหรือนำเสนอให้เกิดความต้องการซื้อนั่นแหละครับ

4. คุณควรมีทักษะการพูดปลุกใจในทุกสถานการณ์ที่ยอดเยี่ยม

สกิลปากคือทักษะชั้นสูงของคนระดับผู้นำ การพูดทุกครั้งจะต้องเลือกใช้ประโยคและคำพูดเชิงบวกทุกกรณี หลีกเลี่ยงอะไรที่เป็นคำพูดเชิงลบ เช่น คำด่า คำตำหนิติเตียน คำที่ทำให้คุณดูอ่อนแอ ฯลฯ แม้แต่การพูดเล่นๆ หยอกล้อกับลูกน้องแบบไร้สาระก็ไม่ควรพูดเด็ดขาด คำพูดชมเชยเวลาลูกทีมทำผลงานได้ดีเป็นสิ่งที่ต้องพูดทุกกรณี หรือเวลาที่สถานการณ์ของบริษัทและทีมอยู่ในช่วงตกต่ำ การพูดปลุกใจในช่วงเวลานี้และบอกว่าทีมงานสามารถทำได้จะเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นให้พวกเขาอย่างมาก กรณีที่ต้องรีวิวหรืออบรมพนักงาน คุณควรเรียกคุยแบบตัวต่อตัวและใช้คำพูดแนวๆ คำถามถึงอุปสรรคและความรู้สึกของพวกเขาก่อนเสมอ จากนั้นค่อยหาวิธีปรับปรุงร่วมกันครับ

5. กล้าที่จะเปิดโอกาสให้ลูกน้องก้าวขึ้นมาเหนือกว่าตน

เรื่องนี้ไม่แน่จริงทำไม่ได้นะครับ สุดยอดผู้นำองค์กรระดับโลกจะมีการสร้าง “ตัวตายตัวแทน” (Successor) อยู่เสมอ โดยไม่เกี่ยงว่าตนเองต้องมีผู้สืบทอดเป็นสายเลือดเดียวกันเท่านั้น ดูอย่างบริษัท Microsoft, Google, IBM, HP, etc. ดูก็ได้ครับ การสอนลูกทีมให้ก้าวหน้าเหนือกว่าคุณคือการสอนพวกเขาให้เห็นทุกซอกทุกมุมว่าสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำแบบไม่กั้กจากประสบการณ์ที่คุณสั่งสมมา พร้อมกับให้เหตุผลว่าคุณต้องการให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเหนือกว่าคุณในช่วงอายุเดียวกันจะสร้างความมั่นใจและทำให้ลูกน้องคุณพัฒนาตนเองถึงขีดสุด คุณจะเห็นเลยว่างานของคุณสบายขึ้นมากเพราะพวกเขาจะพัฒนาทักษะให้มาทำงานแบบคุณให้ได้ ไม่ต้องกลัวว่าตนเองจะตกงานนะครับ เพราะสิ่งที่คุณได้คือทักษะสุดยอดในการพัฒนาลูกทีมให้เป็นยอดมนุษย์นี่แหละ ไปที่ไหนใครๆ ก็ต้องการตัว

นี่คือภาวะผู้นำระดับสูงที่ผมอยากให้คุณลองลงมือทำให้ได้นะครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น