วิธีคุมลูกทีมที่อายุมากกว่าคุณ

เป็นคำถามที่ส่งตรงมาถึงผมในฐานะเซลล์ร้อยล้าน Gen-Y ซึ่งแน่นอนว่าอายุของผมคงอยู่ที่ประมาณ 30-35 ปี หมายความว่าด้วยอายุและประสบการณ์เองก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้มีประสบการณ์แบบข้นคลั่ก (ถ้าวัดกันด้วยจำนวนอายุงาน) ผมคงไม่สามารถเทียบได้กับผู้บริหาร Gen-X ที่มีอายุตั้งแต่ 40-50 ปีแน่นอน

ด้วยความที่วงจรธุรกิจหรือความเติบโตด้านเศรษฐกิจที่มีธุรกิจเกิดใหม่เข้ามามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตที่เปิดเวทีแห่งโอกาสให้กับเด็กรุ่นใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพซึ่งขับเคลื่อนด้วยคนรุ่นใหม่แทบจะ 100% บริษัทเฟซบุ้ค (Facebook Inc.) เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้

ซึ่งแน่นอนว่าทางบริษัทคนรุ่นใหม่เหล่านี้ย่อมต้องการ “คนรุ่นพี่” ที่มีประสบการณ์การทำงานแบบมืออาชีพที่สูงกว่าเข้ามาทำงานร่วมกันในองค์กร หมายความว่า “ช่องว่าง” ระหว่างอายุและเจเนอเรชั่น (Generation) ถูกถ่างขึ้นออกมามากขึ้นนั่นเอง

หรือแม้แต่บริษัทรุ่นเดอะ มหาชนจำกัดอะไรก็ตาม บางทีคุณอาจจะทำงานได้เข้าตา ทั้งๆ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ เลยถูกดันให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย ที่สำคัญคือมีลูกทีมที่เป็นคนอายุมากกว่าคุณอยู่ในความดูแล ย่อมหมายความว่าคุณกำลังถูกท้าทายและทดสอบทักษะการบริหารทีม โดยเฉพาะการบริหารบุคคลที่มีอายุมากกว่าคุณ คนละรุ่นกับคุณนั่นเอง ถ้าไม่มีประสบการณ์มาก่อนก็ต้องบอกเลยว่า “หืดขึ้นคอ” แน่ๆ

ผมจึงขอแชร์วิธีการคุมทีมที่มีบุคคลที่มีอายุมากกว่าคุณ คนละรุ่นจากคุณมาฝากกันเลยครับ

1. การยอมรับนับถือพวกเขาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

อย่างแรกเลยที่ต้องคิดคำนึงก่อนที่จะเริ่มต้นทำงานกับพวกเขานั่นก็คือการมีทัศนคติที่เป็นบวก ให้ความเสมอภาคและความเคารพนับถืออย่างเท่าเทียมกัน อย่าไปคิดลบตั้งแต่แรกว่าคนรุ่นเก่าจะต้องรู้สึกไม่ดีกับคุณเพราะคุณคือคนรุ่นใหม่ที่ขึ้นมาเป็น “นายเหนือหัว” ของพวกเขา ตัดภาพเหมารวมเก่าๆ ในทีวีหรือกระทู้ดราม่าในพันทิปออกไปได้เลย คุณต้องทำความเข้าใจกับชีวิตของพวกเขาว่าถ้าเป็นตัวของคุณเองบ้างในซักวันหนึ่ง ที่ดันมีเด็กรุ่นใหม่ Gen-Z ขึ้นมาเป็นนายเหนือหัวของคุณ คุณจะรับความรู้สึกนั้นได้ไหม

ถ้าไม่ได้ เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะเด็กรุ่นใหม่น่าจะมีฝีมืออ่อนกว่าคุณใช่หรือไม่ จงวิเคราะห์แล้วเขียนออกมาให้ครบว่าเป็นคุณเองนั้นจะรู้สึกอย่างไร คุณจะได้มีวิธีรับมือความรู้สึกเหล่านั้นจากพวกเขาอย่างถูกวิธี ในฐานะที่คุณเข้าใจและเห็นอกเห็นใจพวกเขานั่นเอง ความรู้สึกที่เป็นบวกและเปิดใจ เอาหัวใจของเขามาสวมไว้กับตัวคุณ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีทัศนคติที่เป็นบวกกับคนที่มีอายุมากกว่าได้มากขึ้นครับ

2. สร้างความน่าเชื่อถือกับพวกเขาง่ายๆ ด้วยการลงมืองานให้ดูแบบมืออาชีพ

คุณเองได้รับความไว้วางใจในการขึ้นดำรงตำแหน่งที่ใหญ่กว่า หมายความว่าคุณต้องมีฝีมือที่ดีและเจ้าของบริษัทเชื่อมั่นในตัวคุณนั่นเอง จงอย่ากลัวที่จะแสดงความสามารถในการขายที่โดดเด่นออกมา แต่ก็แฝงไว้ที่ความเคารพนับถือพวกเขา ไม่ทำตัวโดดเด่นจนเกินหน้าเกินตาหรือทำให้พวกเขารู้สึกว่าคุณเหนือกว่า ช่วงนี้คุณจะถูกทดสอบอยู่แล้วว่าคุณเองนั้นมีฝีมือตามมาตรฐานในสายตาของพวกเขาหรือไม่

พยายามอย่าทำงานพลาดให้พวกเขาเห็นว่าคุณอ่อนและมีความผิดพลาดออกมา จงเชื่อมั่นในตัวเองและลงมือทำงานให้พวกเขาดู ทั้งตอนอยู่กับลูกค้าและอยู่กับพวกเขา แสดงให้พวกเขาเห็นฝีมือตังแต่การโทรทำนัด ติดตามงาน ทำรีพอร์ท ต่อรองเจรจา ปิดการขาย นำเสนอ ฯลฯ ให้พวกเขารู้ว่าคุณโฟกัสไปที่ความเป็นมืออาชีพและตัวลูกค้ามากแค่ไหน ผลลัพธ์ที่ดีจะทำให้พวกเขาค่อยๆ ให้ความเชื่อมั่นจนยอมรับนับถือคุณเอง

เทคนิคด้านมืด: ถ้าคุณมี “เปลือก” ที่ดี เช่น โปรไฟล์ดี ผ่านงานองค์กรที่ดี สร้างความมั่งคั่งจากการเป็นเซลล์มาก่อน มีเบนซ์ขับ มีของแบรนด์เนม ฯลฯ เปลือกเหล่านี้จะมีผลต่อรุ่นใหญ่บางคนในการสร้างความยอมรับนับถือแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ปากพูดเลย แต่บางคนก็อาจจะไม่ชอบและมองว่าคุณอาจเกิดมาบ้านรวย เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ฯลฯ จงเล่าโปรไฟล์ของคุณว่าคุณสู้ชีวิตจากการทำงานหนัก จึงได้รางวัลแบบเปลือกๆ เป็นสิ่งตอบแทน

3. ทำให้พวกเขาเปิดใจง่ายๆ ด้วยการขอความช่วยเหลือหรือขอความรู้จากพวกเขา

การขอความช่วยเหลือหรือความรู้ในการทำงาน ถือว่าเป็นวิธีที่คุณแสดงออกว่าคุณให้เกียรติพวกเขามากขนาดไหน คุณเคารพนับถือรุ่นใหญ่ในฐานะที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาอย่างสุภาพ คุณกล้าที่จะบอกพวกเขาว่าคุณเองไม่ได้เป็นซูเปอร์แมนที่รู้ไปซะทุกเรื่อง คุณยอมลดอีโก้ลงมาเพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือ นั่นหมายถึงคุณค่าในตัวของพวกเขาที่คุณอยากสัมผัสและทำให้พวกเขาแสดงออกกับคุณ การขอให้ใครซักคนช่วยเหลือและสอนสิ่งต่างๆ ย่อมหมายถึงการที่คุณยอมรับความสามารถของพวกเขา พร้อมกับรับฟังอย่างเป็นกันเอง เพียงเท่านี้ก็ได้ใจจากรุ่นใหญ่มากขึ้นแล้วล่ะครับ ต่อให้พวกเขาจะไม่ให้ความช่วยเหลือก็ตาม แต่ลึกๆ ต้องรู้สึกดีขึ้นแน่นอน

4. สร้างระบบกิจกรรมทางการขายให้ทุกคนทำงานได้อย่างเท่าเทียมกัน

การกระจายงานและวางกิจกรรมทางการขายอย่างยุติธรรม ไม่แบ่งแยกว่าคนที่มีอายุน้อยกว่าจะต้องทำงานมากกว่าคนที่มีอายุมากกว่า หรือรุ่นใหญ่ต้องทำงานมากกว่ารุ่นเด็ก ย่อมเป็นสิ่งที่ดีและทำให้ทีมงานเห็นว่าคุณให้ความยุติธรรมในการทำงาน พร้อมกับสร้างระบบวัดผลที่เท่าเทียมกัน เรื่องนี้จะมีผลต่อความรู้สึกภายในทีมโดยรวม อย่างน้อยคงมีบ้างที่รุ่นใหญ่บางคนอาจไม่พอใจ เพราะเคยทำงานสบายมาก่อน แต่ในเมื่อคุณกอดกฎกติกาที่เสมอภาคเอาไว้ และทีมงานส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือดี สิ่งเหล่านี้จะช่วยกดดันให้นักขายรุ่นใหญ่ยอมทำตามระบบไปเอง

5. เน้นคำว่าขอความร่วมมือจากพวกเขามากกว่าการสั่งหรือบัญชาการพวกเขา

คำว่า “เสี่ยสั่งลุย” อาจใช้ไม่ได้ผลต่อลูกน้องที่มีอายุมากกว่า เพราะคุณมีวัยวุฒิที่น้อยกว่าเขา โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของกรทำงาน การไปสั่งงานรุ่นใหญ่แบบบ้าอำนาจคงจะไม่เวิร์กแน่นอน แถมยังโดดเกลียดขี้หน้าไปอีก เนื่องจากว่าเขาเป็นรุ่นใหญ่ คุณจึงควรเน้นเสมอว่าเวลาต้องการที่จะสั่งงานพวกเขา เพียงแค่เปลี่ยนจาก “คำสั่ง” มาเป็นใช้คำว่า “ขอความร่วมมือ” เท่านี้ก็ทำให้การสื่อสารมีความนุ่มนวลมากขึ้น พวกเขาเปิดใจและให้ความร่วมมือดีขึ้นกว่าการออกคำสั่งแน่นอน

นี่คือวิธีการบริหารทีมงานที่มีอายุมากกว่า ในฐานะที่พวกเขาเป็นลูกน้องของคุณ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีความยากอะไร เพียงแค่ยึดถือความเป็นมืออาชีพของคุณไว้และเน้นการสื่อสารที่ให้ความเคารพนับถือพวกเขาจากวัยวุฒิที่พวกเขามีมากกว่าคุณ เพียงเท่านี้ก็ได้ใจกันนานๆ แล้วล่ะครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น