ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ ถึงกลายเป็นคนมีอีโก้ในที่สุด

ผมเชื่อว่าชีวิตคุณคงเคยเจอคนที่ประสบความสำเร็จมาบ้างไม่มากก็น้อย หรือคนที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือคนธรรมดา เช่น เรียนเก่ง เล่นกีฬาเก่ง ทำงานเก่ง เป็นต้น โดยเฉพาะคนที่คุณไม่ค่อยรู้จักเป็นการส่วนตัวหรือเป็นเพื่อนร่วมงานกันแบบที่ไม่ได้ทำงานกันโดยตรง คุณคงรู้สึกว่าพวกเขาบางคนมีลักษณะ “เย่อหยิ่งจองหอง” (Egoist) 

ซึ่งคุณก็ไม่ควรไปเหมารวมคนที่มีบุคลิกหรือมีคุณสมบัติอาทิ เช่น เรียนเก่ง โปรไฟล์ดี บ้านรวย ประสบความสำเร็จ มีหน้าที่การงานใหญ่โต อะไรทำนองนั้นว่าน่าจะเป็นคนที่มีความหยิ่งทนง ถือตัว เข้าถึงยาก อีโก้สูง แบบนั้นนะครับ เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนแบบนี้เสียหมด คนเก่งๆ หลายคนที่ไม่ถือตัวเลยนั้นก็มีมาก

แต่จากบทความของ Harvard Business School ได้บอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จหรือคนระดับผู้นำองค์กรหลายคนนั้น “มีด้านมืดของความเป็นผู้นำ” ซ่อนอยู่ ด้านมืดที่ว่านั้นมักจะมาจากพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่หรือเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพล มีลูกน้องนับร้อยนับพันคน มี “คนคอยอวย” จนแทบไม่มีใครกล้าตำหนิติติง เหมือนผู้นำประเทศแถวนี้เลย

ผมเองเห็นด้วยเต็มๆ ว่ายามที่คุณยกระดับชีวิตหรือประสบความสำเร็จขึ้นไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะการพลิกชีวิตจากความตกต่ำขึ้นมาเป็นความสำเร็จ เชื่อผมมั้ยครับว่ากลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะสร้างอีโก้ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าคนที่เกิดมารวยหรือสบายอยู่แล้วเสียอีก จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องฐานะ แต่บางทีก็เป็นเรื่องการทำงาน การเรียน ฯลฯ

ผมจึงขอแชร์ให้คุณลองถามตัวเองดูซิว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำให้คุณมีอีโก้ที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลเสียให้กับการทำงานในระยะยาวได้มาก เพื่อให้คุณระมัดระวังการใช้ชีวิตและการวางตัวให้ดีขึ้นครับ

1. เพราะคุณเคยตกต่ำหรือเคยดูถูกมาก่อน

ถ้าคุณเคยคิดว่าตัวเอง “มีปม” โดยเฉพาะการโดนดูถูกเหยียดหยามหรือเกิดมาบ้านไม่รวยมาก่อน แล้วเก็บปมไว้อย่างนั้นโดยที่พ่อแม่ก็ไม่ได้รับรู้ว่าคุณรู้สึกแบบนี้ คุณมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นคนอีโก้สูงมากที่สุด ซึ่งผมเองก็เข้าใจและรับรู้เป็นอย่างดี ยามที่คุณก้าวหน้าหรือเริ่มประสบความสำเร็จไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม คุณจะเกิดความ “ซึ้งตัวเอง” และภาคภูมิใจจนเริ่มเปรียบเทียบกับคนอื่นว่าคุณมีต้นทุนที่ต่ำกว่าแต่ทำงานหรือเรียนได้เจ๋งกว่าบางคน สิ่งนี้แหละที่จะเป็นพลังด้านมืดที่ทำให้คุณกลายเป็นพวกชอบดูถูกคนอื่น เจ้ายศเจ้าอย่าง และกลายเป็นคนที่คุณโดนพวกเขาดูถูกแบบที่คุณไม่ชอบในที่สุดโดยที่ไม่รู้ตัว 

2. มี “คนอวย” มากเกินไป

ภาษาไทยเขาเรียกอีกอย่างว่า “ขุนพยักพเยิด” เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยได้ยินเพราะมันเป็นคำโบราณมาก (ฮา) พูดง่ายๆ ก็คือมีลูกน้องสายอวยเยอะ “ได้ครับพี่ ดีครับนาย ใช่ครับผม” ผลก็คือคิดว่าการตัดสินใจหรือพูดอะไรลูกน้องก็ต้องเชื่อฟังหมด เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ก็จะเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ถูกเสมอ เวลามีคนพูดไม่เข้าหูหรือไม่เห็นด้วยก็เลยกลายเป็นคนมีอีโก้สูง เริ่มไม่ค่อยฟังเหตุผลหรือรู้สึกหงุดหงิด ผ่านไปนานๆ ก็คือไม่ชอบให้ใครมาสอนหรือตำหนิ เริ่มกลายเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว เตือนอะไรก็ไม่ฟัง 

3. ขาดกุนซือหรือโค้ชที่ดี

เชื่อผมมั้ยว่าต่อให้คนที่เป็นยอดคนแค่ไหน พวกเขาจะมีกุนซือ โค้ช หรือที่ปรึกษาอยู่ข้างกายเสมอ หน้าที่ของที่ปรึกษาคือไม่ได้ช่วยตรวจสอบเรื่องการทำงานหรือมอบคำแนะนำที่ดีทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยผู้นำเหล่านี้ในเรื่องของการตรวจสอบบุคลิกภาพ การใช้วาจา การแก้ปัญหาภายใต้สถานการณือันตึงเครียดต่างๆ เพื่อไม่ให้ผู้นำหรือคุณเองเกิดอีโก้ที่เริ่มไม่ฟังหรือไม่รู้จักเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว อย่างน้อยที่สุดการที่มีกุนซืออยู่เคียงข้างย่อมเป็นคนที่คุณไว้วางใจหรือเปิดใจรับฟังคำแนะนำได้ดีที่สุด ต่างกับคนที่ไม่มีเลยที่ย่อมไม่เห็นตัวเองเวลาทำอะไรลงไปก็ตาม

4. ยึดติดกับความสำเร็จที่ผ่านมามากเกินไป

เขาเรียกว่าเป็นคน “จมไม่ลง” จึงมัวแต่ยึดติดความสำเร็จอันหอมหวานหรือความสามารถในการหาเงินได้เยอะเมื่อก่อน ทั้งๆ ที่ตอนนี้ไม่มีความสำเร็จแบบนั้นอีกแล้ว อีโก้ไม่ยอมลดลงตามความเป็นจริง เปรียบได้กับธุรกิจที่มีขึ้นมีลงอยู่เสมอ ถ้าไม่มีการปรับตัว เช่น ธุรกิจคุณคือร้านอาหารซึ่งอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่คุณยังยืนยันว่าจะขายราคาเดิมแบบไม่มีโปรโมชั่นพิเศษอะไรให้ลูกค้า เพราะคุณคิดว่าอาหารอร่อย ยังไงก็มีคนมากินอยู่ดีเลยไม่ง้อลูกค้า ความคิดแบบนี้แหละที่เป็นอีโก้ทำให้ธุรกิจของคุณพังในระยะยาวจากการยึดติดความสำเร็จที่ผ่านมามากเกินไป

5. เป็นคนที่ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบมากเกินไป (Perfectionist)

ถ้าคุณมีเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายประเภทนี้แล้วคุณไม่เข้าใจพวกเขาหรือไม่รู้สึกถูกจริตจริงๆ ก็คงร่วมงานกันยากแล้วล่ะครับ ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณต้องเคยสัมผัสอีโก้จากคนกลุ่มนี้แน่นอน หรือแม้แต่ตัวคุณเองที่เป็นคนแบบนั้น ความสมบูรณ์แบบมักมาจากชีวิตสมัยเด็กที่คุณต้องการเป็นที่หนึ่ง ซึ่งก็ไม่ผิดแต่อย่างใด คุณชอบรสชาติของความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนที่ต้องเป็นหมายเลข 1 เสมอ เรื่องงานจะต้องเพอร์เฟค เรื่องชีวิตจะต้องอยู่ในระดับสูง มันทำให้คุณเริ่มมองคนรอบข้างโดยเฉพาะคนอ่อนๆ ที่คุณคิดว่าไร้ความสามารถ คุณจึงกลายเป็นคนชอบตัดสินคนอื่นซึ่งเป็นปัจจัยในการทำให้เกิดอีโก้มากขึ้น

จริงๆ แล้วปัจจัยในการทำให้เกิดอีโก้นั้นมีมาก วิธีแก้เมื่อรู้ตัวแล้วก็คือทำตรงกับข้ามกับสิ่งที่ผมบอกทั้งหมดนี่เองครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น