ทำไมถึงไม่ควรตัดสินผู้อื่นก่อนที่คุณจะรู้จักเขาจริงๆ

ทักษะการตัดสิน (Judge) ถือว่าเป็นหนึ่งในอคติ (Bias) ที่มาจากจิตวิทยาอคติในการตัดสินใจ (Cognitive Bias) พูดง่ายๆ ก็คือทุกคนเกิดมามีพื้นฐาน สังคม การเลี้ยงดู ประสบการณ์ชีวิต ความเจ็บปวด ฯลฯ ที่แตกต่างกัน ดังนั้นไม่มีทางเลยที่คนคนนั้นจะตัดสินแล้วถูกแบบ 100% หรือผิดแบบ 100% 

ดังนั้นสิ่งที่พอจะกำหนดได้ว่าคนคนนั้นถูกหรือผิดก็จะเป็นเรื่องกติกาหรือกฎหมาย หรืออะไรก็ตามที่มีดัชนีชี้วัดเป็นตัวเลขได้ เช่น ทักษะทางการกีฬา อัตราแอลกอฮอลในเลือด ซึ่งถ้าสูงเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นก็ถูกจับเข้าคุก (ฮา) เป็นต้น 

มนุษย์ทุกคนเกิดมาและมักอยู่ร่วมกันเป็นสังคมกับบุคคลที่ไว้ใจได้หรือเป็นพวกเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน สถาบันเดียวกัน ฐานะคล้ายกัน แต่เชื่อผมมั้ยครับว่าต่อให้คุณอยู่ในสังคมเดียวกัน เรียนรู้จากสถาบันเดียวกัน มีฐานะร่ำรวยพอๆ กัน คุณเองก็อาจจะมีอคติหรือไม่ชอบใครซักคนหนึ่งและตัดสินว่าคนคนนั้นมันไม่น่าคบหรือคบไม่ได้อยู่ดี นั่นก็เพราะประสบการณ์ในการเจอเรื่องราวที่แตกต่างกันในชีวิตนั่นเอง

การตัดสินเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการตัดสินคนอื่นว่าคนคนนั้นเป็นคนอย่างไร โดยเฉพาะการที่ไม่ได้รู้จักตัวตนของคนคนนั้นจริงๆ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับคนคนนั้น และทำให้คุณพลาดโอกาสในการรู้จักด้านดีของพวกเขาไปอย่างน่าเสียดาย มาดูกันว่าทำไมคุณถึงไม่ควรตัดสินคนอื่นว่าดีหรือเลวเพียงแค่ผิวเผินจากผมกันเลยครับ

1. เหตุผลง่ายๆ คือมันไม่ใช่หน้าที่ของคุณ

การตัดสินคนอื่นว่าดีหรือเลวนั้น โดยเฉพาะเรื่องเลวๆ จงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลหรือผู้พิพากษาเถอะครับ ผมไม่ได้พูดจากวนตีนคุณนะครับ แต่มันไม่ใช่ธุระอะไรของคุณเลยที่จะไปชี้หน้าบอกว่าคนนี้มันเลว ไอ้นี่มันทำตัวเด่นจึงคบไม่ได้ หรือหมอนั่นเป็นเด็กแว๊น ดังนั้นมันจึงเป็นคนเลวเพราะก่อกวนสังคม บอกเลยนะครับว่าถ้าคุณไม่ได้เกิดมาเลิศเลอเพอร์เฟคขนาดนั้น (ไม่ได้วัดกันที่ฐานะด้วย) จงอย่าเที่ยวไปชี้หน้าตีตราว่าคนอื่นมันเลวอย่างโน้นอย่างนี้เลยครับ เพื่อความสงบใจของตัวคุณด้วย ส่วนตัวผมเคยมีเพื่อนประเภทนี้มาก่อน บอกตรงๆ ว่ามันไม่ได้ช่วยให้ตัวเขาดูดีขึ้นเลยครับ

2. คุณจะกลายเป็นคนที่หูเบา

ส่วนใหญ่การหล่อหลอมทางสังคมดังที่เขาบอกว่าคุณจะเป็นคนยังไงก็ขึ้นอยู่กับสังคมหรือคนที่คุณคุยด้วยมากที่สุด 5 คน การอยู่ร่วมกับกลุ่มคนที่ชอบตัดสินคนอื่นว่าเลวหรือไม่น่าคบจะทำให้คุณเริ่มอยู่ร่วมกับคนขี้นินทา เวลาใครเปิดประเด็นมาว่าหมอนี่มันนิสัยไม่ดี คุณก็จะเริ่มเออออห่อหมกทั้งๆ ที่ไม่รู้จักตัวตนหรือไม่ได้สนิทกับคนคนนั้นเลยด้วยซ้ำ ผลก็คือคุณแทบจะมองไม่เห็นความดีหรือข้อดีของหมอนั่นเลย สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือข้อที่ 3 ต่อจากนี้ครับ

3. คนที่คุณตัดสินว่าเขาไม่ดีจะรู้ว่าคุณนินทาเขา

เวลาอยู่ในสังคมนินทาหรือหูเบาแล้ว คุณก็จะเริ่มเป็น “มลพิษ” (Toxic) คนต่อไปที่เริ่มไปพูดกับคนอื่นว่าคนคนนั้นมันไม่ดี จำไว้นะครับว่าไม่มีใครเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูดทั้งหมดอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือกรณีที่คุณนินทาผิดคนเพราะคนที่คุณคุยเขาก็รู้สึกดีกับคนที่คุณนินทาอยู่ คุณเตรียมใจไว้เลยว่าเขาจะเอาเรื่องไปบอกคนที่คุณนินทาแน่นอน ผลก็คือถ้าเขารู้ตัวว่าคุณนินทา เขาคงไม่มีทางมองคุณในแง่ดีอีกต่อไป หรือเขาเองก็คงไม่อยากคบค้าสมาคมหรือให้ความช่วยเหลือใดๆ เต็มที่ก็คือคุณต้องตอแหลให้มากพอถ้าจะเอาผลประโยชน์จากตัวเขา 

4. ทุกคนมีมุมดีๆ และมีความดีอยู่ในตัวเอง

จงเชื่อมันในมนุษย์ที่อยู่ในสังคมมาตรฐาน ถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่ทำงาน สังคมในห้องเรียน ฯลฯ ทุกคนมีความดีและมีจุดเด่นอยู่ในตัวเอง การเริ่มต้นเปิดใจด้วยการมองหาข้อดีของคนคนนั้นให้เจอแล้วเลือกที่จะชมเชยหรือขอความช่วยเหลือ พวกเขาย่อมยินดีที่จะช่วยคุณและชอบคุณมากขึ้นอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่น ผมเองก็เคยถูกหมั่นใส้โดยเพื่อนร่วมชั้นเพราะผมบ้าเรื่องการขายมากเกินไป จึงทำให้มีคนไม่ชอบผม แต่พอมีเพื่อนบางคนที่ชอบในความคิดของผมและขอความช่วยเหลือ ผมยินดีที่จะช่วยคนคนนั้นมากๆ และได้มอบคุณค่าที่ทำให้เพื่อนของผมประสบความสำเร็จในการขาย ในขณะที่คนไม่ชอบผมก็คงตัดสินไปแล้วว่าผมไม่เก่งจริง ขี้โม้ อะไรทำนองนี้ ทั้งๆ ที่ผมช่วยเขาได้ แต่ตอนนี้ก็ต้องบอกตามตรงว่าถ้าไม่เข้ามาถาม ผมก็คงไม่ช่วยครับ

5. จงเข้าใจและเห็นใจคนที่เกิดมาในสังคมที่แตกต่างจากคุณ

ถ้าทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าการเหยียด โดยเฉพาะเหยียดชนชั้นและความเสมอภาคคงเข้าถึงสังคมไทยมากขึ้น ผมมักได้ยินดราม่าอยู่บ่อยๆ เรื่องคนรวยเหยียดคนจน หรือคนที่ดูสูงส่ง เหยียดอาชีพใช้แรงงาน ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจะจน จงเอาใจเขามาใส่ใจเรา เช่น ถ้าคุณจน เกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น คุณเองก็อาจจะกลายเป็นคนแบบนั้นได้ไหม หรือถ้าคุณรวยแล้ว คุณจะกลายเป็นคนที่เหยียดคนจนเหมือนที่คุณรู้สึกไหม ลองคิดตามประมานนี้นะครับ รับรองว่าคุณจะเข้าใจบุคคลทุกสถานะอาชีพและเริ่มยอมรับ ไม่มีการเหมารวมตัดสินว่าคนรวยชอบดูถูก หรือคนจนชอบตะเกียกตะกายอยากจะรวย ทำอะไรไม่เข้าท่าแบบ New Money เป็นต้น

6. คนทุกคนดีได้ก็เลวได้ รวยได้ก็จนได้ ดังนั้นจะตัดสินคนอื่นไปทำไม

ตัวอย่างในโลกนี้มีให้เห็นอยู่มากมาย บางคนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดก็ตกลงมาอยู่จุดที่ต่ำสุดได้ คนเลวติดคุก กลับตัวเป็นคนใหม่และมีพื้นที่ในสังคมก็มีมาก คนจนที่สุดก็กลายเป็นมหาเศรษฐีได้ คนที่เล่นกีฬาไม่เก่ง ฝึกซ้อมอย่างหนักก็เล่นได้ดีได้ ดังนั้นถึงบอกไงครับว่าการตัดสินว่าคนคนนั้นมันไม่ดีในสายตาคุณ หรือมันจนมากจนไม่มีทางเทียบชั้นกับคุณได้ ก็ระวังไว้นะครับเพราะว่ามันทำให้ตัวคุณนั่นแหละที่ดูแย่ รู้ตัวอีกทีพวกเขาก็แซงหน้าคุณไปหมดแล้ว ในขณะที่คุณเองก็จะกลายเป็นคนที่ชอบวิจารณ์คนอื่นทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ทำอะไร ดั่งที่เขาบอกว่า

“คนที่ไม่ทำผิดคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย” ยังไงล่ะครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น