ขยันผิดที่ 10 ก็ไม่รวย..จริงเหรอ

“ขยันผิดที่ 10 ก็ไม่รวย” จริงเหรอ?

วลีนี้ เป็นวลียอดฮิตที่มีการกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ ส่วนตัวผมเองก็เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินมาไม่มากก็น้อยเลยล่ะครับ วลีนี้เป็นวลีสั้น แต่ได้ใจความและจบที่ตัวของมันเอง

คำคำนี้มีความหมายที่ฟังดูแล้ว “โดนใจ” จึ๊กๆ สำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองทำงานอย่างขยันขันแข็งนะ แต่เริ่มมองเห็นความจริงที่อยู่ตรงหน้าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็ยังไปไม่ถึงไหนเสียที ตำแหน่งงานเดิมๆ ธุรกิจเหมือนเดิม เงินเดือนไม่ต่างจากเดิม ฯลฯ จนเริ่มเอาตัวเองไป “เปรียบเทียบ” โดยเฉพาะ “คนรอบข้าง” บางคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า ไปได้ไกลกว่า ก้าวหน้ากว่า สุดท้ายแล้วก็เริ่มเป็นทุกข์ เลวร้ายที่สุดคือมีอาการของโรค “ซึมเศร้า”

ส่วนตัวของผมแล้วคิดว่า “จริง” ครับ และเป็นกันทุกธุรกิจด้วย เป็นกันทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการระดับโลกอย่างฟุตบอล ที่บางคนค้าแข้งกับทีมมานานแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เล่นไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เป็นตัวจริง ดาราบางคนอยู่กับต้นสังกัดที่อยู่ในช่วงถดถอย ทั้งๆ ที่มีฝีมือ แต่ก็ไม่มีกระแส ไม่มีละครให้เล่น เป็นต้น เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องของ “การอยู่ผิดที่ผิดทาง” เป็นเรื่องธรรมชาติของโลกมากๆ ไม่มีวงการไหนที่ขยันอย่างเดียวแล้วจะรวยเสมอไป

สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่าคุณกำลังขยันผิดที่ ทำงานมาเกือบสิบปี ยังไม่รวยหรือก้าวหน้า แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปกับมัน คุณจะเลือกที่จะยอมรับหรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งนี้คือเรื่องของคุณเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินใจ

มาฟังคำแนะนำของผมว่าคุณควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้กันดีกว่าครับ

1. ขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย คืออะไร?

ก่อนอื่นคุณควรประเมินตัวเองให้แน่ใจว่าคุณทำงานอย่างขยันขันแข็งจริง ห้ามอวยตัวเองเด็ดขาด ที่สำคัญคือต้องวัดผลได้ เช่น คุณมาทำงานตรงเวลาทุกวัน ส่งงานไว งานละเอียด มีการตรวจทานรอบสองทุกครั้ง เข้าพบลูกค้าเฉลี่ยวันละ 3-5 รายต่อวัน ทำตามที่เจ้านายสั่งหรือสอนทุกอย่าง มีระบบอะไรก็ปฎิบัติตามหมด ยอดขายก็ถึงเป้า เป็นต้น แต่คุณก็ยังได้เงินเดือนเท่าเดิม ค่าคอมมิชชั่นไม่ถึงไหน หรือแม้แต่การเลื่อนตำแหน่ง ทำมาหลายปีก็มี “ใครบางคน” อยู่บนหัวตลอดเวลา

เรียกได้ว่าถ้า “หมอนี่” ไม่ลาออก ตาย หรือโดนไล่ออก คุณคงไม่มีโอกาสได้เป็นใหญ่เป็นโตแน่นอน เรื่องของการขยันผิดที่ส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับตำแหน่งงานหรือฐานเงินเดือนที่ต่อให้คุณทำงานได้ดี วัดผลได้ทุกขั้นตอน เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่หัวหน้างานของคุณที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ไม่มีความเป็นผู้นำ เป็นคน “งั้นๆ” ในความคิดของคุณ คุณจะเริ่มรู้สึกว่า “โอกาส” ของความก้าวหน้าในชีวิตคุณถูก “บั่นทอน” ด้วยคนที่ไม่เห็นความสำคัญของคุณนั่นเอง หรือแม้แต่เรื่องที่ไร้เหตุผลและวัดไม่ได้ เช่น เกลียดขี้หน้าคุณ ก็อาจเป็นสิ่งที่ทำให้คุณขยันผิดที่ได้เช่นกัน (แต่จงมองตัวเองก่อนเสมอนะครับว่าคุณเองนิสัยไม่ดีและคิดไปเองรึปล่าว ฮา)

2. องค์กรที่คุณทำอาจเป็นสาเหตุของการขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย

บางทีคุณอาจทำงานได้ดีแล้ว ได้เลื่อนตำแหน่ง มีอำนาจมากขึ้น แต่ปรากฎว่าฟอร์มการเล่นในสงครามธุรกิจของบริษัทต้นสังกัดคุณอยู่ในช่วง “ขาลง” เช่น เทรนด์ของธุรกิจเปลี่ยนไป สินค้าหรือบริการอยู่ในช่วงหมดกระแส ปัญหาภายในของบริษัท การเมือง สภาพดินฟ้าอากาศ ฯลฯ ซึ่งมีสองรูปแบบคือเฉียบพลันและเรื้อรัง ฟอร์มขาลงเฉียบพลันอาจมีโอกาสที่จะกลับมาฟื้นและขายดีได้ แต่ถ้าเป็นปัญหาเรื้อรัง เช่น คุณทำงานอยู่ในวงการสินค้าเทคโนโลยีด้านไอที ขายเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ปรากฎว่ายุคนี้เป็นยุคของคลาวด์ที่มีเจ้าตลาดอย่าง Google, Amazon, Microsoft กำเทคโนโลยีที่ “ฆ่า” เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ในองค์กรได้ 

ผลก็คือสินค้าหรือบริการของคุณขายยากขึ้น ต่อให้คุณเป็นเทพเซลล์ร้อยล้านพันล้าน คุณก็ไม่สามารถฝืนกระแสกับความจริงข้อนี้ได้ การทำงานสวนกระแสกับสภาพเศรษฐกิจโดยไม่มีปัจจัยเกื้อหนุนช่วยเหลือจะทำให้คุณขายหรือทำธุรกิจได้ยากขึ้น ลูกค้าไม่ตอบสนอง ต่อให้วิ่งเข้าเยี่ยมลูกค้าเป็นสิบเป็นร้อยครั้งก็ขายดีไม่เท่า “เจ้าตลาด” ที่ทำธุรกิจในกระแสหรือสร้างกระแสใหม่ที่เป็นนวัตกรรม (Innovation) เข้ามาตอบสองตลาดได้นั่นเอง

จนบางทีคุณอาจจะงงไปเลยว่าเพื่อนร่วมงานบางคนที่ฟอร์มกากมาก่อนสมัยทำงานกับคุณ พอพวกเขาได้ย้ายบริษัทไปขายสินค้าเทคโนโลยีนำตลาด เป็นที่ต้องการของตลอด ยอดขาย ค่าคอม หน้าที่การงานของเขาจึงก้าวหน้าแบบพุ่งกระฉูด ทั้งๆ ที่คุณทำงานได้ดีกว่า เหนือกว่า แต่คุณก้าวหน้าไม่เท่ากับพวกเขาเพราะคุณทำงานผิดที่นั่นเองครับ ขยันแต่สวนกระแสบางทีก็ปล่าวประโยชน์ ไม่ได้เงินอยู่ดี

3. วิธีเอาตัวรอดจากอาการขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย

ถ้าคุณทำงานประจำ อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่าส่วนที่สำคัญของเรื่องนี้มีสองส่วนคือ ตำแหน่งหน้าที่การงานและทีมงาน กับ ธุรกิจของบริษัทคุณ คุณจะต้องวิเคราะห์เรื่องนี้ให้แตกฉาน ผมจึงขอย่อยออกมาเพิ่มเติม ดังนี้ครับ

หน้าที่การงาน ควรรู้ตัวว่าตำแหน่งที่ทำอยู่มีความก้าวหน้าในองค์กรมากแค่ไหน ผมจะขอพูดแค่ตำแหน่งเซลล์นะครับ (เพราะเคยทำอาชีพนี้อาชีพเดียว) อาชีพนี้มีโอกาสที่ทำให้คุณพลิกล๊อกและกลายเป็นขยันถูกที่ได้จาก “ยอดขาย” จงยึดคติข้อนี้เอาไว้ก่อน ทำงานให้มืออาชีพและมียอดขายที่โดดเด่น จงประกาศกับตัวเองว่า “คุณจะเป็นท็อปเซลล์ภายในองค์กร 1 ใน 3 ภายใน 3 เดือน” และเอาผลงานนี้ไปเคลมกับ “หัวหน้า” ให้ได้ ถ้าหัวหน้าคุณไม่ชอบขี้หน้า ก็จงเอาผลงานนี้ไปให้ถึง “เจ้าของบริษัท” หรือผู้บริหารให้จงได้ เพราะอย่างน้อยก็เป็นหนทางสุดท้ายที่คุณจะ “ได้หน้า” และได้โอกาสเลื่อนตำแหน่ง ถูกที่ถูกเวลา นี่คือหนทางเดียวที่คุณจะบินสูงแบบขาวสะอาด

บริษัทหรือธุรกิจ ควรรู้ว่า “เทรนด์” หรือกระแสทางธุรกิจ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวนั้นยังมีสุขภาพที่ดีอยู่หรือไม่ คุณไม่ใช่เป็นแค่เซลล์กระจอก แต่คุณคือนักธุรกิจ คนที่คุณทำธุรกิจด้วยคือบริษัทต้นสังกัดของคุณ จงมองให้ออกว่าองค์กรที่คุณทำยังไปต่อได้ดีหรือว่าอยู่ในสภาวะที่ไม่ดี แม้แต่ “วิสัยทัศน์” หรือความตั้งใจจริงของผู้บริหาร เจ้าของกิจการ ถ้าคุณสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นผิดปกติ จงมองหาบริษัทใหม่ที่มีเทรนด์หรืออยู่ในแนวโน้มที่ดี เป็นสะพานให้คุณประสบความสำเร็จได้ ไม่ผิดที่คุณจะสละเรือเอาตัวรอด ขนาดนักฟุตบอลระดับโลกยังยอมย้ายทีมไปอยู่ที่ที่ดีกว่าได้เลย คุณเป็นแค่คนทำงานธรรมดา ไม่ผิดอะไรที่คุณจะทำแบบนั้นเลยครับเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

จงกล้าที่จะแสวงหาความท้าทาย นักธุรกิจที่แท้จริงจะรู้ดีว่าชีวิตมีความเสี่ยงอยู่เสมอ การหยุดนิ่งหรือเริ่มไม่เปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ มักทำให้ชีวิตไม่มีทางเลือก ถ้าอายุยังน้อย การออกไปเสี่ยงไม่ได้ทำให้คุณตาย พลาดได้ก็แก้ไขใหม่ได้อยู่เสมอครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น