อาชีพอะไรบ้าง (นอกจากอาชีพนักขาย) ที่ต้องมีทักษะการขายอยู่ดี (ไม่งั้นไม่มีทางประสบความสำเร็จ)
ถ้าคุณเป็นแฟนเพจเซลล์ร้อยล้าน ก็คงรู้ดีว่าวันๆ ผมมักจะเขียนหรือพูดเรื่องอาชีพนักขาย หรือไม่ก็นักธุรกิจเพียงเท่านั้น แทบจะไม่พูดถึงอาชีพอื่นๆ เลย ถึงตรงนี้ก็ขอฝากคนที่ยังไม่สนใจงานขายหรือทำอาชีพอื่นๆ อยู่นะครับ เพราะผมกำลังจะบอกว่า “ทักษะการขายนั้นโคตรสำคัญ” สำหรับอาชีพคุณเลยก็ว่าได้ ต่อให้คุณไม่ได้ทำงานขายแต่ถ้าคุณไม่มีทักษะนี้ ก็คงยากนักที่คุณจะประสบความสำเร็จในวิชาชีพของคุณครับ มาดูกันว่ามีอาชีพอะไรกันบ้าง
1. เจ้าของธุรกิจทุกประเภทและผู้ประกอบการทุกชนิด
ไม่ว่าคุณจะประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอะไรก็ช่าง การไม่มีทักษะการขายนั่นหมายถึง “เจ๊ง” สถานเดียวครับ ต่อให้ทำธุรกิจที่ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย เช่น งานซ่อม งานออกแบบ งานบัญชี ฯลฯ คุณก็ต้องมีปากที่ดีและมีทักษะในการสื่อสาร การขาย เพื่อเอาเงินมาจากกระเป๋าเงินของลูกค้าอยู่ดีครับ ดังนั้นถ้าใครกำลังคิดจะทำธุรกิจอยู่ ทักษะการขายเป็นสิ่งที่คุณขาดไม่ได้เป็นอันขาด
2. นักกฎหมายหรือทนายความ
แม้กระทั่งอาชีพทนายความที่ดูเหมือนจะเป็นทักษะแบบท่องจำก็ต้องมีทักษะการขายอยู่ดีครับ ถามว่าทำไมถึงจำเป็น เพราะเวลาคุณไปอยู่หน้าบัลลังก์ ทนายความต้อง “ขาย” เรื่องราวหรือมุมมองของลูกความต่อคณะลูกขุนหรือผู้พิพากษา พวกเขาต้องทำการ “Discovery” เพื่อรวบรวมหลักฐานและเข้าใจสถานการณ์อย่างลึกซึ้ง และทักษะการเจรจาต่อรองก็เป็นหัวใจสำคัญในการบรรลุข้อตกลงนอกศาล พูดง่ายๆ ก็คือฝีปากไม่คมก็จบเห่ครับ
3. แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัช พยาบาล นักกายภาพฯ
บอกเลยว่าสายหมอเป็นสายที่มีทักษะการขายติดตัวมาตั้งแต่ทำอาชีพนี้อยู่แล้ว เพียงแต่พวกเขามักไม่รู้ตัวมาก่อน ทักษะที่ว่านั้นก็คือทักษะการเป็นที่ปรึกษา ถามคำถาม วินิจฉัย ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจของการขาย จากนั้นต้อง “ขาย” (โน้มน้าว) ให้ผู้ป่วยยอมรับแนวทางการรักษาและยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ซึ่งต้องใช้ความน่าเชื่อถือสูงมาก
4. โค้ชนักกีฬา โปรสอนกอล์ฟ เทรนเนอร์ ครู อาจารย์
ครู โค้ช เทรนเนอร์ ไม่ได้ขายสินค้าหรือความรู้เพียงเท่านั้น แต่พวกเขาต้อง “ขาย” ความสำคัญของเนื้อหาและความรู้ให้ผู้เรียนสนใจและยอมรับที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือแนวคิด (การซื้อความคิด) ซึ่งต้องใช้การสื่อสารที่น่าดึงดูดและเข้าใจง่าย ที่สำคัญยังต้องถ่ายทอดความรู้ให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ผู้เรียนเชื่อมั่น และสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
5. สถาปนิก ดีไซเนอร์ นักออกแบบ มัณฑนากร
ไม่น่าเชื่อว่าสายงานนี้ก็ต้องมีทักษะการขาย ทั้งๆ ที่เป็น “นักขายงานฝีมือ” หรือช่างฝีมือ คุณจะต้อง “ขาย” แนวคิดการออกแบบที่ลูกค้าและผู้รับเหมาที่พวกเขาอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน หรือไม่เข้าใจมาก่อน อีกทั้งยังต้องขายไอเดีย ขายความน่าเชื่อถือ ขายเรื่องราวที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น และต้องโน้มน้าวให้ลูกค้ายอมรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เพื่องานดีไซน์ที่ยอดเยี่ยมมากขึ้น
6. วิศวกรทุกรูปแบบ
พวกเขาจะต้อง “ขาย” ความสำคัญของเทคนิค ตัวเลข และความรู้ที่ใช้ในโครงการ เช่น การปรับโครงสร้างโค้ดสำหรับซอฟท์แวร์ งานโครงสร้าง งานรับเหมา ฯลฯ และต้อง “ขาย” การประมาณการเวลาทำงานที่เขาเสนอ ขายวัสดุหรือโซลูชั่นที่ใช่ในโครงการและนำเสนอข้อมูลเชิงตัวเลขที่น่าเชื่อถือในรูปแบบ Proposal ถือว่าเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการขายโครงการแบบ B2B เลยก็ว่าได้
7. ฝ่ายการเงิน บัญชี ไฟแนนซ์
พวกเขาจะต้อง “ขาย” ความน่าจำเป็นในการลงทุน การลดต้นทุน หรือนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับงบการเงินที่จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาดต่อหน้าผู้บริหารหรือลูกค้า หากนำเสนอตัวเลขได้แต่ไม่สามารถโน้มน้าวให้เกิดการอนุมัติได้ ก็ไม่มีความหมาย ยังไงก็ต้องมีทักษะในการโน้มน้าวให้เกิดความเชื่อมั่นอยู่ดีครับ
8. นักการเมือง (ฮา)
จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงหลายคนก็น่าจะรู้แล้วว่าเหล่านักการเมืองนั้น “ขาย” ความน่าเชื่อถือจนได้คะแนนเสียงเก่งแค่ไหน แถมยังมีฝีปากแพรวพราว พวกเขาจึงเน้นการขายความไว้วางใจ การขายแนวคิดเชิงนโยบาย และการขายความสามารถของตนเองให้กับสาธารณะและผู้มีอำนาจ หากไม่สามารถโน้มน้าวให้ประชาชน “ซื้อ” วิสัยทัศน์ของตนได้ ก็จะไม่สามารถชนะการเลือกตั้ง หรือไม่สามารถผลักดันนโยบายให้สำเร็จได้ (โคตรเท่ห์)
อาชีพเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่า การขายคือการโน้มน้าวใจให้เกิดการแลกเปลี่ยนคุณค่า ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ในทุกสาขาอาชีพครับ
Comments
0 comments
