เมื่อใดที่องค์กรของคุณต้องใช้ CRM

CRM คือเครื่องมือที่ช่วยนักขายในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง เรียกได้ว่าองค์กรของคุณจะ “ฉลาด” ขึ้นทันทีถ้าใช้มันอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะทำให้คุณติดตามผลการขายและสุขภาพของธุรกิจได้แบบอัพเดทแถมยังอ่านข้อมูลในรูปแบบภาพ (Data Visualization) ได้แบบเข้าใจง่าย สามารถตัดสินใจสิ่งที่สำคัญทางธุรกิจได้อย่างฉับไว แต่ก็ไม่จำเป็นที่ทุกองค์กรที่ต้องใช้มันเสมอไปโดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน มีดีลหรือนักขายไม่กี่คน ดังนั้นมาดูกันว่าเมื่อไหร่ที่องค์กรของคุณพร้อมกันดีกว่า

1. มีดีลการขายเฉลี่ยมากกว่า 20 ดีลต่อเดือน

จริงๆ มากกว่า 10 ดีลก็ถือว่าเยอะแล้ว เพราะต่อปีคุณจะมีถึง 120 ดีลเลยทีเดียว ถ้าสมมติว่า 120 ดีลคือปิดการขายลูกค้า 120 คน ก็ถือว่าคุณมีฐานข้อมูลการขายที่เยอะใช้ได้แล้วล่ะครับ ดังนั้นถ้าธุรกรรม (Transaction) ของคุณมีมากกว่า 20 ดีล แถมมีลูกค้าต่อปีเป็นร้อยราย ผมถือว่าคุณต้องใช้ CRM มากกว่าใช้สมุดจดหรือ Microsoft Excel แล้วล่ะครับ

2. มีพนักงานขายมากกว่า 5 คน

จำนวนพนักงานขายที่มากย่อมหมายถึงรายงานการขายที่เยอะตาม ยิ่งบวกกับจำนวนดีลที่นักขายแต่ละคนหามา เช่น เดือนละ 10 ดีล และมีนักขาย 5 คน หมายความว่าคุณมีถึง 50 ดีลให้ดูข้อมูลเลยทีเดียว ดังนั้นคงปวดหัวแน่ๆ ถ้าให้นักขายนั่งกรอกข้อมูลทีละคนแล้วคุณต้องมาตรวจรายงานการขายเพื่อติดตามแต่ละไปป์ไลน์ มันคงเสียเวลาเป็นอย่างมากแน่ๆ ยิ่งจำนวนลูกค้ามากขึ้นเท่าไหร่ อย่าว่าแต่เอาข้อมูลมาวิเคราะห์เลย เอาแค่นั่งดูว่าเดือนนี้จะปิดดีลได้กี่เจ้าก็ต้องมาทำสูตรให้วุ่นวายแล้วล่ะครับ

3. มีสำนักงานหรือสาขาต่างถิ่น

ยิ่งสาขาเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งหมายถึงจำนวนพนักงานขายและพื้นที่เขตที่แตกต่างกันมากขึ้นเท่านั้น การส่งข้อมูลผ่านทางอีเมลหรือไลน์อาจจะไม่มีความสะดวกและเสียเวลา ดังนั้นการวิเคราะห์ว่าแต่ละพื้นที่มียอดขายหรือลูกค้าจำนวนเท่าไหร่ก็จะเป็นเรื่องยาก คุณจะเสียเวลาเป็นอย่างมากในการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนกลยุทธการขายหรือตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ

4. มีจำนวนลูกค้าซื้อซ้ำมากกว่า 50 ราย

50 รายนี่ก็ถือว่าเยอะแล้วเพราะอย่าลืมนะครับว่าพวกเขาซื้อซ้ำคุณด้วย ทำให้ธุรกรรมต่างๆ ย่อมมากตาม การมี CRM ย่อมเป็นผลดีในการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าที่มีการซื้อซ้ำสินค้าและสามารถบอกได้ด้วยว่าพวกเขาซื้อสินค้าหรือบริการอะไรที่เยอะหรือน้อยเป็นพิเศษ เพื่อให้คุณวางแผนการขายได้อย่างฉับไวและเฉียบคมมากขึ้นครับ

5. มีประวัติข้อมูลลูกค้าสูญหายเวลาพนักงานลาออกบ่อยๆ

ปัญหาหลักเลยก็ว่าได้สำหรับองค์กรที่พึ่งพานักขายมือทองมากจนเกินไป พวกเขาจะสนิทกับลูกค้าและมีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการซื้อขาย เวลาลาออกไปอาจจะเอาข้อมูลเหล่านั้นไปด้วยหรือไม่ได้ส่งข้อมูลที่อัพเดทให้คุณ ทำให้ดีลของคุณนั้นขาดการซื้อขายไปเลย เลวร้ายกว่านั้นคือตามดีลกลับมาไม่ได้ ต้องมาเริ่มต้นติดต่อลูกค้าใหม่หมด CRM จึงสามารถเก็บข้อมูลสำคัญของลูกค้าเอาไว้ในฐานข้อมูลที่ไม่มีใครสามารถขโมยมันออกไปได้ครับ

ถ้าองค์กรของคุณมีข้อใดข้อหนึ่งตามที่ผมกล่าวมา ผมขอแนะนำ CRM ของคนไทยที่เหมาะสมกับธุรกิจ B2B ในช่วงที่กำลังเติบโตของคุณด้วย JUBILI by Builk โดยคุณสามารถทดลองใช้ได้ฟรีที่ลิงค์นี้ครับ

คลิกเพื่อทดลองใช้และหาข้อมูลเพิ่มเติม: https://bit.ly/37kN9R9

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts