จากนักขาย สู่ผู้สร้างอิทธิพล เปิดประสบการณ์สัมภาษณ์ ปนป. ทำไมเส้นทางนี้คือคำตอบของคนอยากเจาะภาครัฐ?
ในฐานะที่ผมหรือผู้ติดตามหลายท่านเป็นนักขายที่คลุกคลีในวงการเอกชนมานาน แต่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ภาครัฐเท่าไรนัก ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนมองหา “ขีดความสามารถ” หรือ “ช่องทาง” ที่จะพาตัวเองและธุรกิจก้าวไปอีกขั้น สำหรับผมแล้ว การทำดีลกับ ภาครัฐ คือสนามที่มีศักยภาพมหาศาล แต่ก็เต็มไปด้วยความซับซ้อนที่แตกต่างจากการขายในภาคเอกชนโดยสิ้นเชิง
ผมจึงตัดสินใจสมัครเรียนหลักสูตร “ผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย” (ปนป.) ไม่ใช่แค่เพื่อหาคอนเนกชันแบบผิวเผินเพียงเท่านั้น แต่เพราะผมเชื่อว่านี่คือกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนบทบาทจาก “นักขาย” สู่ “ผู้สร้างอิทธิพล” ที่เข้าใจและสามารถเจาะตลาดภาครัฐได้อย่างแท้จริง และนี่คือประสบการณ์สัมภาษณ์และเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ครับ
เปิดประสบการณ์สัมภาษณ์: บททดสอบที่มากกว่าความรู้
วันสัมภาษณ์ ปนป. ไม่ได้เป็นเพียงการถามตอบทั่วไป แต่เป็นการประเมินความคิด วิสัยทัศน์ และความเข้าใจในบริบทของประเทศชาติอย่างลึกซึ้ง คำถามไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประวัติการทำงานหรือแผนธุรกิจ แต่ลงลึกไปถึงสิ่งต่างๆ ดังนี้
– มุมมองต่อสถานการณ์บ้านเมือง: “คุณมองปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมของประเทศไทยอย่างไร” “บทบาทของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนประชาธิปไตยคืออะไร” คำถามเหล่านี้บังคับให้เราต้องมองให้กว้างกว่ายอดขายและกำไร และแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศซึ่งต้องมีพื้นฐานและติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่พอสมควร
– เจตจำนงในการพัฒนา: “คุณคิดว่าคุณจะนำความรู้จากหลักสูตรนี้ไปพัฒนาประเทศหรือองค์กรของคุณได้อย่างไร?” นี่คือการค้นหาว่าเรามี “Purpose” ที่ใหญ่กว่าแค่การทำหรือไม่ และเราต้องการใช้ความรู้นี้เพื่อสร้างคุณค่าร่วม (Shared Value) ให้กับสังคมอย่างไร ผมตอบไปว่าสามารถนำเทคโนโลยีขั้นสูง โปร่งใส น่าเชื่อถือ มาช่วยในการพัฒนาประเทศ
– ภาวะผู้นำและทัศนคติ: การสัมภาษณ์มีทั้งการท้าทายความคิด การกระตุ้นให้แสดงจุดยืนทางการเมือ ซึ่งประเมินวุฒิภาวะทางอารมณ์และทัศนคติในการเป็นผู้นำที่พร้อมรับฟังและเรียนรู้กับสิ่งใหม่
สรุปคือสำหรับนักขายและนักธุรกิจอย่างเรา นี่ไม่ใช่แค่การ “ขายตัวเอง” ให้คณะกรรมการเชื่อมั่น แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึง “วิสัยทัศน์ที่ใหญ่กว่าดีล” และ “ความเข้าใจในนโยบายระดับชาติ” ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นอย่างยิ่งในการดีลกับภาครัฐ
ทำไม ปนป. คือคำตอบของคนอยากเจาะภาครัฐ: มุมมองของนักขายสู่ผู้สร้างอิทธิพล
ในมุมมองของการทำดีลหรือทำธุรกิจกับภาครัฐ ซึ่งผมมองว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการ “ล็อบบี้ยิสต์เชิงบวก” ที่มุ่งเสนอโซลูชั่นเพื่อประโยชน์ของชาติ ปนป.โอกาสที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนี้
1. เข้าใจการทำงานกับภาครัฐอย่างละเอียด
– เข้าใจภาษาและกระบวนการการทำงาน: ภาครัฐมีภาษาของตัวเอง มีระเบียบ กฎเกณฑ์ และขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อน หลักสูตร ปนป. น่าจะช่วยให้เราเข้าใจ “วัฒนธรรม” และ “บริบท” ของระบบราชการ ทำให้เราสื่อสารได้อย่างตรงจุดและลดความผิดพลาด โดยเฉพาะการทำข้อกำหนดหรือขั้นตอนการทำ TOR
– ไม่ใช่แค่การทำ TOR สู่ Pain Point ที่แท้จริง: นักขายทั่วไปอาจมองแค่งานรัฐคือการทำ TOR (Terms of Reference) ให้ผ่านข้อกำหนด แต่ว่าเบื้องหลังการทำ TOR นั้น มี นโยบาย วิสัยทัศน์ ปัญหาเชิงโครงสร้าง หรือแม้แต่แรงกดดันทางการเมือง ที่หน่วยงานนั้นๆ กำลังเผชิญอยู่ เมื่อเข้าใจ Pain Point อย่างลึกซึ้งแล้ว เราจะสามารถนำเสนอ โซลูชั่นที่ตอบโจทย์ ไม่ใช่แค่ตอบตามคุณสมบัติในเอกสาร ซึ่งนี่คือจุดตัดสินผลแพ้ชนะการทำดีลภาครัฐเลยก็ว่าได้
2. เครือข่ายคอนเนคชั่นที่ทรงพลัง:
– เข้าถึง Key Decision Makers: เพื่อนร่วมหลักสูตรมาจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งข้าราชการระดับสูง นักการเมือง ผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆ การได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยน และทำกิจกรรมร่วมกัน (จากการที่เพื่อนผมได้ไปเรียนมาก่อน) ทำให้เกิด สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจตัวจริง ที่การขายทั่วไปไม่สามารถทำได้ง่ายๆ
3. การเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ขาย” สู่ “ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์”:
– สร้างคุณค่าร่วม (Shared Value): เมื่อเราเข้าใจเป้าหมายของภาครัฐ เราจะสามารถปรับปรุงข้อเสนอของเราให้ไม่ได้เป็นแค่ “สินค้า” แต่เป็น “โซลูชั่น” ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พัฒนาประเทศ หรือตอบสนองวาระสำคัญของชาติ การนำเสนอในลักษณะนี้จะสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับมากกว่า แล้วมันก็จะสะท้อนไปที่มูลค่าโครงการซึ่งไม่ใช่หลักล้านหรือเล่นขายของอย่างแน่นอน
– การล็อบบี้เชิงสร้างสรรค์: เพื่อให้ได้ความรู้แก่ตัวเราในการคิดอย่างเป็นระบบและมีหลักการ เมื่อเราเข้าใจว่านโยบายรัฐทำงานอย่างไร เราจะสามารถ “ล็อบบี้” ได้อย่างมีเหตุผล มีข้อมูลสนับสนุน และนำเสนอในลักษณะที่ โน้มน้าวให้ผู้มีอำนาจมองเห็นประโยชน์ที่กว้างกว่าการทำดีลซื้อขาย
4. ยกระดับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ:
– Personal Branding ที่แข็งแกร่ง: ถ้าผมได้เข้าร่วมหลักสูตร ปนป. ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถสร้างความน่าเชื่อถือในฐานะที่ปรึกษาด้านการขายแบบองค์กรและนำความรู้มาถ่ายทอดให้กับท่านนักขายที่ติดตามผมในเชิงลึกและสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีอย่างมาก
สำหรับผมแล้ว การสมัครเรียน ปนป. ไม่ใช่แค่การ “หาคอนเนกชัน” เพื่อปิดดีล แต่เป็นการลงทุนเพื่อ “สร้างรากฐานความเข้าใจ” ในกลไกของประเทศ การสร้าง “เครือข่ายที่ลึกซึ้ง” และการพัฒนาตัวเองสู่การเป็น “ผู้สร้างอิทธิพล” ที่สามารถนำเสนอโซลูชั่นที่แท้จริง และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับภาครัฐได้ มาเอาใจช่วยให้ผมได้เป็น 1 ใน 100 ผู้เรียนกันนะครับ
Comments
0 comments