รวยสุดในสายวิศวะฯ จริงหรือ? Sales Engineer:งานที่ถูกมองข้าม

เซลล์ เอนจิเนียร์ หรือวิศวกรขาย ถือว่าเป็นงานแรกของผมที่เลือกทำเพราะ “อ่อนการเขียนโปรแกรม” ดูแล้วถ้าทำตรงสายคงไปไม่รอดแน่ แต่ก็ไม่อยากทำงานไม่ตรงสายหรืองานหลังบ้าน (เพราะไม่เท่ห์) จึงเป็นทางเลือกที่ทำให้ผมมีทุกวันนี้และพอใกล้ถึงอายุ 40 ก็กล้าพูดได้ว่าสายงาน Sales Engineer ทำเงินได้สูงสุดมากกว่าโปรแกรมเมอร์ (มีหลายตัวแปร) สวัสดิการล้นๆ มีค่าคอมฯ บางคนถึงขั้นไปเปิดบริษัทเองเพราะมีคอนเนคชั่นในมือเยอะ แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นสายงานวิศวกรที่ได้รับความนิยมน้อยทีุ่ด มาดูกันว่ามีเหตุผลอะไรกันบ้างครับ

1. ตัวตนของวิศวกรไม่ได้ถูกหล่อหลอมให้เป็นพ่อค้าตั้งแต่แรก

ตรงๆ เลยก็คือทั้งชีวิตที่เรียนมาของเด็กสายวิศวะฯ จะเน้นไปที่การคิดเชิงตรรกศาสตร์ คณิตศาสตร์ขั้นสูง เน้นตัวเลข การคิดอย่างเป็นระบบ คอมพิวเตอร์ เด็กเนิร์ด อะไรทำนองนั้น งานกลุ่มนี้โฟกัสที่ตัวเองและไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับใครหลายๆ คน ซึ่งมันตรงกันข้ามเลยกับสายวิชาศิลปศาสตร์ บริหารธุรกิจ นิเทศฯ ที่เน้นเรื่องการสื่อสาร การปฎิสัมพันธ์กับผู้คน การขายจึงเป็นของแสลงกับเด็กวิศวะฯ เพราะต้องเจอผู้คนที่หลากหลาย แถมยังต้องไปโน้มน้าวคนอื่นอีก เรียกได้ว่าสิ่งที่เรียนมานั้นแทบไม่ได้ใช้กับการขายนอกจากความรู้เลยก็ว่าได้

วิธีเปิดรับสิ่งใหม่: วิศวกรมีความรู้และความน่าเชื่อถือกับการคิดอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว การขายก็สามารถใช้ตรรกะและฝึกทักษะในรูปแบบกระบวนการได้เช่นกัน ไล่ตั้งแต่เปิดการขาย นำเสนอ ต่อรองเจรจา และปิดการขาย ทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่วัดผลได้

2. งานขายมันไม่ค่อยเท่ห์ในสายตาวิศวกร

เนื่องจากภาพลักษณ์ที่จำฝังหัวตั้งแต่สมัยเรียนว่าเซลล์แมนเป็นอาชีพที่ต้องตื๊อคน (ซึ่งก็ไม่ผิด) หรืออาจจะเจอประสบการณ์ที่เลวร้ายด้วยตนเอง บางคนพ่อแม่ไปเจอมา ถูกตื๊อขายเครื่องกรองน้ำ ขายประกันถึงบ้าน พ่อแม่เลยบอกลูกๆ ว่าอาชีพนี้มันไม่ค่อยเท่ห์ ไม่มีศักดิ์ศรี ต้องตื๊อและทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ยอดขายมา เป็นงานขายฝัน ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์วิศวกรอย่างรุนแรงที่เน้นขายความน่าเชื่อถือ ขายความจริง หรือจะบอกว่า “ขายความเท่ห์” เพราะฉลาด เลยก็ได้ หรืองานจริงก็ต้องทำตัวเล็กๆ ง้อฝ่ายจัดซื้อ ทำตัวลีบๆ ซึ่งมันก็ไม่เท่ห์ในสายตาพวกเขาจริงๆ นั่นแหละ

วิธีเปิดรับสิ่งใหม่: เศรษฐี Top 100 ประเทศ มักจบ “วิศวะจุฬา” แล้วไม่มีใครทำงานเป็นวิศวกรแล้ว มีแต่เป็นนักขาย นักธุรกิจ รวยทุกคน เช่น CEO Gulf, CEO Pruksa Holding, CEO MFEC, CEO Land & House, etc. โดยเฉพาะคุณเล้ง MFEC ผมยกมือถามแกเลยว่าทำไมถึงรวย แกบอกว่าลาออกจาก ESSO แล้วเป็นเซลล์ขายระบบไอที ซึ่งก็จริงอย่างที่แกว่าคือทำงานขายแล้วชีวิตสุดจริง

3. ต้องพัฒนาทักษะทั้ง Hard Skills และ Soft Skills ในเวลาเดียวกัน

ถ้าใครจะก้าวมาในสายงานนี้ Hard Skills ที่ร่ำเรียนมาก็ไม่สามารถทิ้งได้ โดยเฉพาะการขายโซลูชั่นด้านวิศวกรรมระดับสูง แต่เวลาเดียวกันก็ต้องหมั่นพัฒนาทักษะ Soft Skills ของศิลปะการขาย เช่น การพูด การสื่อสาร รักษาความสัมพันธ์ ต่อรองเจรจา ฯลฯ ทำให้รู้สึกเหนื่อยกว่าการเป็นวิศวกรทั่วๆ ไป แถมยังต้องมาเรียนรู้กันใหม่ ประเด็นคือบางคนไม่ชอบหรือไม่ถนัดก็จะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ก้าวข้ามเรื่องนี้ยากมากๆ

วิธีเปิดรับสิ่งใหม่: ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าคนเราพัฒนาทักษะได้ทุกแกน CEO วิศวะจุฬาฯ ที่ประสบความสำเร็จล้วนมีทักษะเหล่านี้หมด ถ้าอยากรวยหรือประสบความสำเร็จ งานก้าวหน้าเหมือนพวกเขาก็ต้องเปิดใจเรียนรู้ให้ได้ ซึ่งวันนี้มันก็ไม่ยากแล้ว โค้ชสอนมีเต็มไปหมด

4. กลัวการเผชิญหน้ากับงานขาย

เพราะดัชนีวัดผลที่แท้จริงของวิศวกรขาย ก็คือ “ยอดขาย” ซึ่งเป็นจุดกำเนิดความกลัวให้กับเด็กสายวิศวะ อยู่แล้ว ทำไม่ได้ก็อาจจะโดนไล่ออก แล้วทำไมกรูเป็นวิศวกรอยู่ดีๆ ถึงต้องไปทำงานเสี่ยงๆ แบบนั้นด้วย (วะ) จึงเป็นความท้าทายที่ต่อให้รายได้สูง มีค่าคอมฯ แต่หลายๆ คนก็ไม่กล้าเสี่ยง หรืออาจจะต้องเดินทางบ่อยๆ เจอคนใหม่ๆ ซึ่งตัวเองอาจจะไม่ชอบ แถมรายได้ก็ไม่แน่นอนตามผลงาน เรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือต้องมานั่งปวดหัวกับลูกค้าเวลามีปัญหาซึ่งบางคนก็เอาใจยาก สรุปคือกรูต้องไปตามง้อคนอีก

วิธีเปิดรับสิ่งใหม่: ปกติสายงานวิศวกรขายไม่ได้เสี่ยงกับการโดนไล่ออกขนาดนั้น สินค้าและบริการมีมูลค่าสูง ขายได้เพราะความน่าเชื่อถือเป็นหลัก ให้มองบวกกับผลงานที่ดีจะเห็นว่าค่าตอบแทนนั้นสูงมาก เสี่ยงมากก็ได้มาก ไม่แปลกที่รางวัลของความกดดันจะได้มาซึ่งความสำเร็จเหนือวิศวกรตำแหน่งอื่นๆ ครับ

5. ไม่รู้ว่าสายงานนี้ทะยานฟ้าได้ขนาดไหน

เด็กจบใหม่ ก็เปรียบกับ “กบพึ่งเปิดกะลา” อาจจะได้ข้อมูลจากรุ่นพี่เพียงไม่กี่รุ่น (ซึ่งรุ่นพี่ก็พึ่งจบมาหมาดๆ) จึงไม่เห็นภาพรวมว่าสายงานวิศวกรมันต่อยอดได้ขนาดไหน จริงอยู่ที่เป็นเทพวิศวกรก็สามารถเป็นถึงระดับ C-Level เช่น COO, CTO, CIO, CEO ได้ หรือไปเรียนไฟแนนซ์ เป็นนักการเงินก็ได้ แต่บอกเลยว่าถ้าอยากรวย จับทางบริหารธุรกิจได้เมื่อไหร่แล้วทำได้ดีก็ทะยานฟ้าเมื่อนั้น วิธีคือไปดูว่าคนรวยมากๆ จนถึงพึ่งรวยเขามักจะจบอะไรมาในสายงานเทคโนโลยีและทำ B2B ผมฟันธงเลยว่าส่วนใหญ่จบวิศวะมาทั้งนั้นครับ

วิธีเปิดรับสิ่งใหม่: ไปสืบเสาะว่าคนรวยหรือคนเงินเดือนสูงๆ ที่เขาจบวิศวะมาเหมือนเรา วันนี้เขาทำอะไรอยู่ โดยเฉพาะคน Gen-Y ที่อายุ 40 ผมบอกเลยว่าเส้นทางส่วนใหญ่มาสายธุรกิจและสายขายแทบทั้งหมดครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts