สถานการณ์แบบไหนที่ถือว่าแย่ที่สุดในการปิดการขาย
สถานการณ์ที่ถือว่าแย่ที่สุดในการปิดการขายนั้น อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับมุมมองและบริบทของแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้ว สถานการณ์ที่ถือว่า “แย่ที่สุด” มักจะมีลักษณะดังนี้:
1. การถูกปฏิเสธอย่างไม่สุภาพหรือไม่ให้เกียรติ
- ลักษณะ: ลูกค้าแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน ใช้คำพูดดูถูก เหยียดหยาม หรือแสดงความไม่เคารพต่อคุณหรือบริษัทของคุณ
- ผลกระทบ: ทำให้คุณรู้สึกแย่ สูญเสียความมั่นใจ และอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
- ตัวอย่าง: “สินค้าของคุณห่วยแตกมาก! ผมไม่ซื้อหรอก” หรือ “คุณมันก็แค่คนขายของตื้อๆ ที่อยากได้เงิน”
2. การถูกปฏิเสธหลังจากที่ทุ่มเทอย่างมาก
- ลักษณะ: คุณใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการนำเสนอสินค้า/บริการ ตอบคำถาม และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า แต่สุดท้ายลูกค้าก็ตัดสินใจไม่ซื้อ
- ผลกระทบ: ทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง เสียใจ และอาจหมดกำลังใจในการทำงาน
- ตัวอย่าง: คุณใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการพูดคุยกับลูกค้า นำเสนอแผน และปรับแก้ข้อเสนอ แต่สุดท้ายลูกค้าก็เลือกคู่แข่ง
3. การถูกปฏิเสธโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ลักษณะ: ลูกค้าตัดสินใจไม่ซื้อโดยไม่ให้เหตุผลที่ชัดเจน หรือให้เหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล
- ผลกระทบ: ทำให้คุณไม่สามารถเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองได้
- ตัวอย่าง: ลูกค้าบอกว่า “ขอคิดดูก่อน” แล้วก็หายไปเลย หรือบอกว่า “ไม่จำเป็นต้องใช้” ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ดูสนใจมาก
4. การถูกปฏิเสธต่อหน้าคนอื่น
- ลักษณะ: ลูกค้าปฏิเสธคุณต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือลูกค้าคนอื่นๆ
- ผลกระทบ: ทำให้คุณรู้สึกอับอาย เสียหน้า และอาจส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของคุณ
- ตัวอย่าง: ลูกค้าบอกว่า “ผมไม่ซื้อกับบริษัทนี้หรอก บริการแย่มาก” ต่อหน้าลูกค้าคนอื่นๆ ที่กำลังตัดสินใจซื้อ
5. การถูกปฏิเสธซ้ำๆ
- ลักษณะ: คุณพยายามปิดการขายหลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า
- ผลกระทบ: ทำให้คุณรู้สึกท้อแท้ หมดหวัง และอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง
- ตัวอย่าง: คุณโทรหาลูกค้าหลายครั้ง ส่งอีเมลติดตามผล แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ หรือลูกค้าบอกว่า “ยังไม่พร้อม” ทุกครั้ง
สิ่งที่ควรทำเมื่อเจอสถานการณ์ที่แย่
- ควบคุมอารมณ์: อย่าตอบโต้ด้วยอารมณ์หรือแสดงความไม่พอใจออกมา
- รับฟังอย่างตั้งใจ: พยายามทำความเข้าใจเหตุผลในการปฏิเสธของลูกค้า
- เรียนรู้และปรับปรุง: นำข้อผิดพลาดมาวิเคราะห์และปรับปรุงวิธีการขายของคุณ
- อย่าท้อแท้: มองว่าเป็นประสบการณ์และพยายามต่อไป
Comments
0 comments