5 ธุรกิจที่คุณควรเข้าไปเป็นนักขายในชั่วโมงนี้ (โดยเฉพาะปี 2026)

บทความนี้เคยเขียนเอาไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นโลกก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไวขนาดนี้ โดยเฉพาะในยุค AI ที่กลายเป็นว่า “Disrupt” หลายๆ ธุรกิจจนแทบจะเจ๊งไปจากตลาด แต่ก็แน่นอนว่าในที่มืด “ย่อมมีแสงสว่างปลายอุโมงค์” อยู่เสมอ ดังนั้นใดๆ ในโลกย่อมมีโอกาสที่ซ่อนอยู่สำหรับนักขาย และหนึ่งในคุณสมบัติของนักขายที่ยอดเยี่ยมก็คือการหาตลาดที่กำลังโตและเป็นเทรนด์ขาขึ้น รับรองว่าคุณจะขายอะไรก็ได้ในสภาพตลาดที่เปลี่ยนไปแน่นอน และนี่คือเทรนด์การขายล่าสุดโดยเฉพาะในสาย B2B ดังนี้ครับ

1. ธุรกิจใดๆ ที่เน้นขายโซลูชั่นเกี่ยวกับ AI และ Automation อัตโนมัติ (คุมด้วย AI ได้)

มาแรงจริงๆ สำหรับวงการนี้ ในเมื่อ AI มันไปสอยงานชาวบ้าน ดังนั้นเราก็ต้องเป็นนักขาย AI โซลูชั่นซะเลย ส่วนใหญ่จะคาบเกี่ยวกับวงการไอที แต่ขอให้คุณดูให้แน่ใจว่ามี AI เป็นส่วนประกอบหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นซอฟท์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ ซึ่งจะมีคำกำกับว่า Automation เช่น CRM ที่ใช้ AI คำนวณหรือสั่งการได้ของ Salesforce, Wisible หรือ Chatbot อัจฉริยะ เป็นต้น ที่สามารถตอบโจทย์ได้จากการซื้อโซลูชั่นเดียว ฟันธงว่าโอกาสได้ค่าคอมฯ + ขายง่าย และเป็นที่ต้องการขององค์กรส่วนใหญ่อย่างแน่นอนครับ

2. ขายโซลูชั่นด้าน Cybersecurity

ก็ยังคงอยู่กับวงการ IT แต่ขอเน้นไปที่ Security ป้องกันภัย Cyber ยิ่งยุค Scammer ระบาด โซลูชั่นนี้ยิ่งจำเป็นเพราะป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจซึ่งส่วนใหญ่มีระบบออนไลน์กันเกือบหมดแล้ว ความกลัวของลูกค้าที่จะถูกโจมตีทางไซเบอร์นี่แหละครับจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อได้ โอกาสของคุณก็เปิดกว้าง เพราะต่อให้คุณอยู่บริษัทเล็ก แต่ทีมงานเก่ง ฝีมือดี คุณก็สามารถเบียดบริษัทใหญ่เพื่อปิดการขายได้อย่างแน่นอนครับ ตลาดมีความต้องการสูงแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งต่างจาก 5 ปีก่อนที่หลายๆ องค์กรยังไม่เห็นความสำคัญเท่าวันนี้ครับ

3. ธุรกิจด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน

ในวงการ B2B ขนาดใหญ่มักมีปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน (ภาษาชาวบ้านก็คือการสต๊อกสินค้าหรือส่งมอบ ผลิต) ทั่วโลกทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องลงทุนใน เทคโนโลยีบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) และ การติดตามสินค้าแบบ Real-Time เพื่อลดความเสี่ยงในการสร้างความเสียหายทางธุรกิจ เช่น การส่งของล่าช้า การเสียชื่อเสียง การสต๊อกสินค้า ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างต้องแม่นยำมากกว่าเดิม โอกาสสำหรับนักขาย คือคุณกำลังขาย “ความแน่นอน” และ “ความเร็ว” ซึ่งเป็นคุณค่าที่องค์กรขนาดใหญ่ยอมจ่ายสูงเพื่อแลกมา โครงการขายมักมีมูลค่าสูงและเป็นสัญญาองค์กรระยะยาว ค่าคอมฯ น้ำบานครับ วงการนี้

4. ธุรกิจหรือโซลูชั่นเกี่ยวกับพลังงาน เทคโนโลยีสีเขียว รักษ์โลก

เนื่องจากแรงกดดันจากผู้บริโภค นักลงทุน และกฎหมาย กำลังบังคับให้บริษัทต่าง ๆ ต้องลงทุนใน โซลูชั่นลดคาร์บอน หรือ พลังงานหมุนเวียน พลังงานทางเลือกเช่นโซล่าร์เซลล์หรือพวกรถไฟฟ้า คงไม่ต้องบอกว่าฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง รถไฟฟ้าวิ่งกันเต็มถนน แถมภาครัฐยังบังคับ โอกาสสำหรับนักขายคือคุณกำลังขาย “ภาพลักษณ์” และ “การเข้าถึงงบประมาณ ESG” ซึ่งเป็นงบใหม่ที่บริษัทต่างๆ (โดยเฉพาะมหาชน) จัดสรรไว้โดยเฉพาะ ทำให้มีโอกาสเปิดดีลกับผู้บริหารระดับสูง (C-Level) ได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นพวกพลังงานทางเลือกนี่ชัดเจนมากๆ ว่าลดต้นทุนและสร้างภาพลักษณ์องค์กรได้จริง

5. บริการทางการเงินเฉพาะธุรกิจ

แม้ว่าธนาคารขนาดใหญ่จะมั่นคง แต่ FinTech ที่เน้น การปล่อยกู้เฉพาะกลุ่ม เช่น SME, Startup ที่มีศักยภาพ หรือ ระบบชำระเงินข้ามประเทศ ที่รวดเร็ว กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ธุรกิจไอทีที่ผสานกับการเงินนั้นมาแรงมากๆ เพราะแบงค์ใหญ่ๆ ยืดหยุ่นไม่มากพอและมีกฎระเบียบที่ค่อนข้างรัดกุมเกินไป โอกาสสำหรับนักขายคือคุณสามารถขาย “ความยืดหยุ่น” และ “ความเร็ว” ในการเข้าถึงเงินทุน ซึ่งธนาคารแบบเดิมทำไม่ได้ โครงการขายมักมีผลตอบแทนสูงตามมูลค่าของธุรกรรมที่เกิดขึ้น กลุ่มนี้มาแรงมากๆ ในธุรกิจสตาร์ทอัพครับ

การเลือกอุตสาหกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณอยู่ในจุดที่มี ความต้องการสินค้าสูง และ งบประมาณพร้อม ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของนักขายระดับท็อปครับ .

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts