บทวิเคราะห์สถานการณ์การขายในช่วง ‘เผาจริง’ ณ ขณะนี้

ถึง ณ เวลานี้ (พฤษภาคม 2025) จากความเห็นของบทวิเคราะห์ คอลัมนิสต์ และผู้เชี่ยวชาญสายธุรกิจชี้ตรงกันว่าเศรษฐกิจ ณ ตอนนี้ อยู่ในช่วง ‘เผาจริง’ และเป็น Survival Mode อย่างแท้จริงครับ ธุรกิจและวิธีการขายของใครที่ยังไม่ยอมปรับตัว ผมฟันธงเลยว่า ‘เละ’ ไม่ใช่แค่บริษัท SME เพียงเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงระดับมหาชนอีกด้วย ที่สำคัญคือฝั่งลูกค้าเองก็ต้องปรับตัวอย่างหนักเช่นกัน เอาง่ายๆ ก็คือลูกค้าในวันนี้ก็ ‘รัดเข็มขัด’ กันมากขึ้น บอกเลยว่ากระทบกับธุรกิจหลายๆ อย่างของคุณแน่นอน มาฟังบทวิเคราะห์กันครับ

ข่าวร้ายในโลกของการขาย ที่คุณต้องเจอแน่ๆ

1. การแข่งขันจะโหดกว่าเดิม: เพราะทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งคู่แข่งก็ต้องดิ้นรน ดังนั้นไม่แปลกที่จะเห็นการ ‘ถล่มราคา’ ทุบราคา ตัดราคา ตรงๆ เลยคือคนที่จะได้เปรียบในเกมนี้คือคุณที่ทำราคาต้นทุนได้ถูกและสินค้ามีคุณภาพพอใช้ได้ สินค้าแพง คุณภาพสูง จะกลายเป็นตัวเลือกที่ยากมากๆ ถึงขั้นเจ๊งได้เลยครับ

2. ลูกค้าจะเน้นต่อราคากับคุณเป็นหลัก: ตรงๆ เลยคืองานโครงการใดๆ ก็ตามมีโอกาสที่ลูกค้าจะเลือกเจ้าที่ถูกที่สุด หรือไม่ก็ต่อราคากับคุณหนักหน่วงมาก คุณจะโดนเกมเปรียบเทียบมากขึ้นขนาดที่ว่าความสัมพันธ์ที่ผ่านมาก็ไม่สามารถช่วยคุณได้ในยามที่ทุกคนต้องเอาตัวรอด

3. ลูกค้ามีความเขี้ยวในการพิจารณาซื้อขั้นสุด: บอกตรงๆ เลยนะครับว่าการตัดสินใจซื้อของลูกค้าจะมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ต้องคุ้มค่า ราคาต้องดี คุณภาพต้องได้ หรือแม้กระทั่งการพิจารณาคุณภาพที่เป็นระดับ ‘พอผ่าน’ แต่เราคาถูกเลยด้วยซ้ำ เรื่องนี้เป็นข่าวร้ายสุดๆ คือธุรกิจสายคุณภาพและมีความ Luxury หรือคุณภาพสูงที่จับตลาด ‘Permium Mass’ เลยด้วยซ้ำ

4. งบประมาณที่จำกัด: ยุคนี้เป็นยุคประหยัดครับ อะไรที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยหรือมีคุณสมบัติล้นๆ แล้วราคาก็ไม่ถูกจะขายยากมากๆ งานโครงการที่เน้นคุณภาพ + สวยงาม แต่ราคาแพงอาจจะไปไม่รอด หรือไม่ก็ต้องยอมทำราคาให้ผ่านงบฯ ให้ได้ เรื่องนี้ชาว B2B จะขายของลำบากมากถ้าทำราคาไม่ได้เพราะเป็น ‘นโยบาย’ จากเบื้องบนที่ให้ลดค่าใช้จ่ายลง

ธุรกิจที่ผมคาดว่าจะได้รับผลกระทบหนักแน่นอน

1. ธุรกิจหรูหรา ฟุ่มเฟือย หรือจับกลุ่มตลาด ‘Permium Mass’: ช่วงนี้เศรษฐกิจชะลอตัวแบบเห็นๆ สินค้าหรือบริการที่จับกลุ่ม ‘Premium Mass’ ก็คือตลาดบนกับลูกค้าที่มีรายได้สูง เช่น กาแฟสตาร์บั้คส์ MK ร้านแบรนด์เนม โรงแรมหรู 5 ดาว ฯลฯ ซึ่งไม่นานมานี้มีเชฟชื่อดัง (เชฟต้น) แกบอกว่าร้านแกยอดหายไป 50% ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลยว่าตอนนี้ ‘คนไม่มีเงิน’ มากแค่ไหน กำลังซื้อต่ำ ข่าวการปิดตัวของร้านแฟรนไชส์ชื่อดังที่ราคาค่อนข้างสูงแต่ในสายตาลูกค้ารู้สึกไม่คุ้มค่าก็จะไปไม่รอดครับ

2. ธุรกิจงานโครงการใหญ่ มูลค่าสูงมาก ไม่เห็นความคุ้มค่าอย่างชัดเจน: งานโครงการใหญ่ๆ ในวงการผมที่ไม่เห็นภาพชัดว่าได้ประโยชน์ทางธุรกิจจริงก็เช่นงาน IT ที่ประโยชน์เน้นความสะดวกจริง แต่ลงทุนสูง ใช้ระยะเวลาพิจารณานาน อารมณ์ประมาณมีก็ดีไม่ดีก็ได้ ถ้าเป็นโครงการประมาณนี้มีสิทธิ์ถูกยกเลิกสูงครับ เผลอๆ ขายไม่ได้ตั้งแต่นโยบายใหม่ของลูกค้าที่รัดเข็มขัดมากขึ้น

3. ธุรกิจที่มีคู่แข่งเยอะๆ ในตลาด แต่ทำราคาแข่งกับคู่แข่งไม่ได้: ตายหยังเขียดครับ แทบจะทุกธรุกิจ เห็นภาพชัดมากๆ ในสายโรงงานหรือการผลิตที่สินค้าอาจจะไม่ได้ต่างกันมาก แต่ราคาของอีกเจ้า (จีน) ถูกกว่า คุณภาพพอๆ กัน ถ้าทำต้นทุนต่ำกว่าไม่ได้ก็เรียบร้อยครับ ต่อโลง จองศาลารอได้เลย

4. ธุรกิจโบราณ ไม่ปรับตัวต่อเทคโนโลยี: ชัดๆ เลยก็คือไม่ได้ทำดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง หรือมีคอนเทนท์บนโซเชี่ยล ถ้าเป็นสาย B2B ก็คือไม่มีพวกเว็ปไซท์ โฆษณาออนไลน์ หรือช่องทางการซื้อขายผ่านออนไลน์ ส่วนใหญ่ก็ไปไม่รอดครับ หัวใจสำคัญของการทำแพลทฟอร์มให้ซื้อขายออนไลน์ได้คือสามารถลดต้นทุนหรือพนักงานได้อย่างมหาศาล

ธุรกิจที่ผมคาดว่าจะได้รับผลกระทบเชิงบวกมากๆ

1. ธุรกิจใดๆ ที่สามารถลดต้นทุนลูกค้าโดยตรง: ลูกค้าที่ไหนก็ต้องการลดต้นทุนตัวเอง ถ้าคุณมีโซลูชั่นแบบนี้ ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือธุรกิจโซล่าห์เซลล์ที่สามารถลดค่าไฟลูกค้าได้โดยตรง หรือโซลูชั่น Outsourcing ที่ทำให้ลูกค้าลดจำนวนพนักงานได้ นอกจากนี้พวก AI Robot ก็มาแรงแบบสุดๆ หรือยิ่งลดคนได้ก็ลดต้นทุนได้โดยตรงครับ

2. ธุรกิจที่ทำให้ลูกค้าได้กำไรและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น: ภาพชัดๆ ก็คือการทำให้ลูกค้าสร้างโอกาสทางการขายใหม่ เช่น ออฟไลน์ มีร้านบนโลกออนไลน์ หรือเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายจากพื้นที่ เขต ไปจนถึงต่างประเทศ ดังนั้นธุรกิจที่อำนวยความสะดวกในเรื่องนี้จะได้ผลกระทบเชิงบวกมากเป็นพิเศษ

3. ธุรกิจที่เน้นขายถูกและขายเยอะๆ คุณภาพพอผ่าน: สุกี้ตี๋น้อยเลยโตระเบิด เพราะคุมต้นทุนได้ดีและลูกค้ารู้สึกว่าจ่ายไปแล้วคุ้มค่า ยิ่งราคาถูก + ดี ก็ยิ่งมีโอกาสขายได้เยอะมากๆ จำไว้นะครับว่าลูกค้าไม่ได้อยากได้สินค้าที่คุณภาพสูง แต่พวกเขาต้องการสินค้าราคาถูกเป็นตัวตั้ง แต่คุณภาพพอใช้ได้ในยุคนี้ครับ

4. ธุรกิจที่ปรึกษาช่วยแก้ปัญหาแบบเร่งด่วน: ง่ายๆ เลยก็คือที่ปรึกษาทางธุรกิจ (เช่นผม) ด้านการขาย แก้ปัญหาระยะสั้นและระยะยาวกับลูกค้าได้ หรือที่ปรึกษาด้านการเงินที่ช่วยลูกค้า ‘แก้หนี้’ ได้ ยุคนี้เป็นยุคที่คนปวดหัวกับเศรษฐกิจก็ยิ่งต้องการที่ปรึกษาฯ ที่เก่งมาเป็นกุนซือให้ฝ่าวิกฤติได้

ช่วง ‘เผาจริง’ ในโลกของการขาย ขณะนี้ คือ ยุคของการปรับตัวอย่างรวดเร็วและการแข่งขันที่เน้นคุณค่าและความสัมพันธ์อย่างแท้จริง นักขายและองค์กรที่สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า สร้างความไว้วางใจ นำเสนอโซลูชันที่ตรงจุด และใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายนี้

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts