สูตรปิดการขายที่ใครๆ ก็ทำได้

วันนี้เอาบทความแจ๋วๆ มาฝากเพราะบทความนี้ถ้าลองเอาไปใช้ รับรองว่าปิดการขายได้มากขึ้นอย่างแน่นอนครับ เหมาะมากเวลาที่รู้ว่าลูกค้าสนใจ อยากได้ แต่ยังมีความลังเลอยู่ ลองเอาสูตรเหล่านี้มาใช้กันดูนะครับ

1. เสนอทางเลือกสองหรือสามทาง

เคล็ดลับง่ายๆ ก็คือเวลาลูกค้ากำลังลังเล ลองถามพวกเขาไปว่าต้องการ A หรือ B เช่น คุณขายรถ จงถามไปเลยว่าระหว่างสีขาวกับสีดำ ลูกค้าสนใจซื้อสีไหนดีครับ พอถามไปแบบนี้ ลูกค้าก็จะต้องตัดสินใจไม่สีใดก็สีหนึ่ง ถ้าพวกเขาเลือกแล้วก็จงลากไปคุยเรื่องเงื่อนไขในการปิดการขายหรือการจ่ายเงินทันที

2. บอกไปว่าสินค้ามีจำนวนจำกัด

เป็นอีกวิธีที่ได้ผลมากและบีบให้ลูกค้าต้องรีบตัดสินใจไม่งั้นจะพลาดหรือต้องรอสินค้าเข้ามาใหม่ เช่น คุณบอกว่าสีแดงเหลือแค่ชิ้นเดียว สินค้ากำลังมีคนต่อคิวและเหลือชิ้นสุดท้าย หรือว่าใช้โปรโมชั่นที่หมดเขตภายในเวลาที่กำหนด เป็นต้น มุกนี้ได้ผลแทบทุกธุรกิจ แต่จงอย่าตอแหลว่าเหลือชิ้นเดียวแล้วอีกวันก็เอาชิ้นใหม่ที่มีเต็มโกดังมาขาย ลูกค้ารู้เมื่อไหร่ก็จะเสียความรู้สึกทันที

3. ใช้เรื่องจุดคุ้มทุน (ROI) เป็นตัวนำ

จุดคุ้มทุน (Return of Investment) จะเหมาะมากกับสินค้าหรือนวัตกรรมที่ทำให้ลูกค้าลดต้นทุนหรือเพิ่มผลกำไรมากขึ้น เช่น รถติดแก๊สที่แพงกว่ารถกินน้ำมันแต่ถ้าเติมแก๊สไปนานๆ ก็จะคุ้มกว่าเติมน้ำมันเพียวๆ หรือซอฟท์แวร์ ERP ที่ช่วยลดต้นทุนระยะยาว จะต้องลงทุนก้อนใหญ่ตอนแรกก่อนเสมอ เป็นต้น วิธีนี้สามารถเร่งให้ลูกค้าซื้อด้วยการบอกว่ายิ่งตัดสินใจเร็วก็ยิ่งคืนทุนหรือได้กำไรเร็วขึ้น

4. ถามลูกค้าไปว่าทำส่วนลดเท่าไหร่ถึงจะซื้อ

เป็นหมัดเด็ดเมื่อถึงเวลาเจรจาต่อรอง ถ้าลูกค้ายังไม่มีท่าทีว่าจะยอมซื้อ ลองเปิดฉากถามไปก่อนเลยว่าถ้าคุณลดต้องลดเท่าไหร่ถึงจะจบ หรือถ้าให้ส่วนลดตามที่ต้องการ ลูกค้าต้องตัดสินใจซื้อ วิธีนี้ได้ลุ้นตรงที่ถ้าลูกค้าไม่เขี้ยวขอส่วนลดมากจนเกินไปและคุณสามารถลดให้พวกเขาได้ หรือขอต่อส่วนลดน้อยลดนิดหน่อย แค่นี้ก็ปิดการขายได้แล้วครับ

5. พูดคุยแบบรวบรัดเสมือนลูกค้าตัดสินใจซื้อแล้ว

เป็นจิตวิทยาในการใช้คำพูดให้ลูกค้ารู้สึกเสมือนว่าได้ซื้อสินค้าไปแล้ว เช่น ถ้าลูกค้าสนใจ คิดว่าจะเริ่มใช้สินค้าช่วงไหนดีครับ หรือจะให้ผมไปติดตั้งเมื่อไหร่ดีครับ เป็นต้น อาจจะฟังดูฮาร์ดคอร์ไปหน่อย แต่วิธีนี้ได้ผลมากเวลาลูกค้ารู้สึกว่าซื้อได้แต่ลังเลและไม่กล้าตัดสินใจครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts