เคล็ดลับในการสัมภาษณ์งานให้ได้งาน

ถ้าใครกำลังอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกสมัครงานใหม่ การเตรียมตัวสัมภาษณ์งานให้ได้งานแบบมืออาชีพจะเป็น “ตัวช่วย” ให้คุณขายตัวเองและเป็นที่ต้องการของบริษัทใหม่อย่างแน่นอนครับ

มาฟังเคล็ดลับจากเซลล์ร้อยล้านที่ทำให้ผมได้ร่วมงานกับบริษัทระดับโลกกันเลย สูตรนี้ใช้ได้ทุกที่เลยครับ


1. จงถามตัวเองให้ชัดว่าคุณจะทำประโยชน์อะไรให้กับบริษัทใหม่บ้าง

สิ่งแรกที่ต้องทำตั้งแต่ก่อนเข้าไปสัมภาษณ์งานใหม่เลยก็คือเรื่องนี้ครับ จง “ทำการบ้าน” ว่าบริษัทนี้ทำอะไรก่อนอยู่เสมอ เหมือนการเข้าพบลูกค้านั่นเอง เพราะคุณมีแนวโน้มว่าจะถูกถามข้อนี้แน่ๆ คุณต้องคิดเสมอว่าการสัมภาษณ์งานคือคุณมา “ขายตัวเอง” ให้นายจ้างคนใหม่ซื้อ หลักการของการขายที่ผมจะบอกบ่อยๆ ก็คือ สินค้าชิ้นนี้จะ “ทำประโยชน์” อะไรให้กับลูกค้าบ้าง ตัวคุณเองก็เช่นกันครับ เช่น ถ้าคุณมาสมัครตำแหน่งพนักงานขาย สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากได้ยินก็คงจะเป็นการสร้างยอดขายด้วยวิธีการที่ “จับต้องได้” และคุณพิสูจน์จากบริษัทปัจจุบันมาแล้ว เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์งานให้พูดตรงจุดนี้ทุกครั้งนะครับ

สิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของคุณและทำให้บริษัทอยากได้ตัวคุณมากขึ้น จงอย่าโฟกัสกับตัวเองมากเกินไป เช่น ถามบริษัทใหม่ว่าคุณจะ “ได้อะไร” จากการทำงานที่ใหม่ เช่น เงินเดือน สวัสดิการต่างๆ จริงๆ แล้วคำถามพวกนี้เอาไว้ค่อยถามเวลาเขาเริ่ม “ต่อรอง” เงินเดือนจากคุณทีหลังก็ได้ครับ หรืองานในตำแหน่งอื่น คุณก็ควรพูดว่าจะช่วยให้บริษัทใหม่ได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของคุณอย่างไร เช่น ทำงานได้ง่ายขึ้น มีระบบและประสบการณ์จากบริษัทปัจจุบันที่ดี เข้ามาช่วยให้บริษัทใหม่ทำงานได้ราบรื่นขึ้น เป็นต้น

2. เสื้อผ้าหน้าผมต้องดูดี

ขอย้ำเลยสำหรับเรื่องนี้ ยิ่งตำแหน่งใหญ่โตมากเท่าไหร่ คุณยิ่งต้องแต่งตัวให้ดูเหมาะสมกับตำแหน่งงาน เช่น ตำแหน่งผู้จัดการขึ้นไป เป็นไปได้ว่าคุณควรมีสูทที่ตัดแบบ Tailor-made หล่อๆ ซักตัว เสื้อเชิ้ตขาว สแล๊ก รองเท้าหนังมันวับ ทรงผมต้องดูเป็นนักธุรกิจนั่นคือผมสั้นและเซ็ตผม ควรระวังเรื่องเล็บมือด้วย ต้องตัดให้เรียบร้อย เพราะถ้าแต่งตัวดี ทรงผมเท่ห์ แต่เล็บมือยาว ดำ ทุกอย่างที่คุณทำมาจะกลายเป็น 0 ทันที คุณสุภาพสตรีเองก็เช่นเดียวกัน ควรแต่งกายแบบ “จัดเต็ม” ถ้าเป็นตำแหน่งระดับสูง ไม่ผิดที่คุณจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา เข็มกลัดแบรนด์เนม เพราะ “เปลือก” พวกนี้จะช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือในตัวคุณได้ อย่างน้อยที่สุดคือคุณมีปัญญาซื้อมันนั่นแหละ เป็นไปได้ว่าก่อนหน้านี้คุณหาเงินได้มากพอตัวเลยทีเดียว (ฮา)

3. ถามคำถามเกี่ยวกับเนื้องาน มองผู้สัมภาษณ์งานว่าเป็น “ลูกค้า” คนนึง

เมื่อคุณถูกสัมภาษณ์ คุณจะเป็นฝ่ายถูกถามอยู่เสมอ จงใจเย็นๆ และพยายามตอบแบบ “โลกสวย” ทุกครั้ง ที่สำคัญคือการที่คุณจะขายตัวเองได้ คุณจะต้องทำให้ฝ่ายผู้สัมภาษณ์เป็นผู้พูดมากกว่าคุณ วิธีการก็ง่ายๆ นั่นคือการถามคำถามเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทผู้สัมภาษณ์ ถามถึงตัวสินค้า แผนธุรกิจ ระบบการขาย ความรับผิดชอบในเนื้องาน ฯลฯ เป็นต้น ฟังดูเหมือนกับการที่คุณเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าใช่ไหมครับ คุณก็แค่ตั้งใจฟังดีๆ จับใจความ ถ้ามีเนื้องานส่วนไหนที่คุณมีจุดเด่นเป็นพิเศษ คุณก็จะได้พรีเซนต์ตัวเองในจุดนั้นเลย ยิ่งเสริมด้วยเรื่องราวความสำเร็จในอดีต คุณก็จะยิ่งน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น คุณจะกลายเป็นผู้สมัครที่น่าสนใจมากกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ ทันที เพราะผู้สัมภาษณ์เปิดใจให้กับคุณราวกับว่าเขาเป็นลูกค้าคุณนั่นเอง

4. โปรดระมัดระวังข้อมูลส่วนตัวของคุณในโลกโซเชี่ยลมีเดีย

ยุคนี้เป็นยุคออนไลน์ 100% ผู้สัมภาษณ์สามารถเช็คประวัติและอุปนิสัยของคุณแบบง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว คุณรู้ไหมว่ายุคนี้พวกเขาจะสกรีนคุณด้วยการเอาชื่อและนามสกุลของคุณไปค้นหาในเฟสบุ้ค ซึ่งถ้าคุณใช้ชื่อจริง พวกเขาจะติดตามดูพฤติกรรมในโลกออนไลน์ของคุณ จงระมัดระวังการโพสต์แบบสิ้นคิด เช่น โพสต์การเมือง รูปโป๊ ไร้สาระ บ่นทุกเรื่องในชีวิต ใช้คำหยาบคาย ด่าและเหน็บแนมคนอื่น ด่าที่ทำงานเก่า ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะฉายให้เห็นถึง “สันดาน” ที่แท้จริงของคุณ ซึ่งถ้าสกรีนดูแล้วปรากฎาว่าพบแต่ความไม่ได้เรื่องของคุณ คุณมีสิทธิ์โดนคัดออกทันที จงระวังการกระทำทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ ถ้ารุ้ตัวว่าเคยโพสต์อะไรแย่ๆ ให้รีบจัดการลบให้เกลี้ยงก่อนนะครับ

5. ขายตัวเองด้วย “การเล่าเรื่อง” ความสำเร็จที่ผ่านๆ มา

นี่คือช็อตเดียวที่คุณจะโม้ได้ นั่นคือความสำเร็จที่ผ่านมาของการทำงาน จงเล่าแบบเป็นขั้นเป็นตอนว่าคุณทำอย่างไรถึงสำเร็จ ยิ่งเป็นโปรเจคใหญ่ยิ่งดี เช่น คุณเป็นนักขายและเคยปิดดีลได้กับบริษัทมหาชนอย่าง SCG คุณเริ่มการขายจาก 0 โดยไม่มีคอนเน็กชั่นแม้แต่รายเดียว คุณเริ่มตั้งแต่โทรทำนัด เข้าไปพบผู้มุ่งหวัง ถามคำถาม นำเสนอได้ดี ติดตามงาน อัพเดทเซลล์รีพอร์ทสม่ำเสมอ เริ่มเข้าไปต่อรองเจรจาสุดโหดจนปิดดีลมาได้ เข้าพบ CEO และผู้บริหารของลูกค้าอยู่บ่อยๆ และมีการซื้อขายต่อกันเรื่อยมา อะไรทำนองนี้ นี่คือการเล่าเรื่องดีๆ แบบเป็นขั้นเป็นตอนที่จะส่งเสริมความน่าเชื่อถือและทำให้คุณมีจุดขายมากขึ้นไปอีก

ุ6. ห้ามพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับบริษัทเก่าเป็นอันขาด

คุณเจอแน่ๆ กับคำถามที่ว่า “ทำไมถึงอยากเปลี่ยนงาน” คุณต้องห้ามพูดเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับบริษัทเก่า ถึงแม้ว่าคุณจะโดนเจ้านายซัดมาก็ตามที (ฮา) จงพูดแบบกลางๆ เช่น ต้องการหาความท้าทายใหม่ๆ หรือ “อวย” บริษัทใหม่ว่าเป็นบริษัทที่มีความก้าวหน้า ยิ่งใหญ่ เป็นผู้นำตลาด ฯลฯ อะไรทำนองนี้ หรือว่าตอบในเรื่องของรูปแบบการทำงานที่น่าสนใจก็ได้ครับ สิ่งนี้จะทำให้คุณขายตัวเองได้ดีขึ้น


ลองเอาไปปรับใช้กันดูได้เลยนะครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ คิดว่าคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงสำหรับพวกเราเนอะ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น