เรียนรู้เทคนิคการขาย จากหนังเรื่อง Catch me if you can (พึ่งดูจบรอบที่ 100 เลยเจอข้อคิด)

หนังเรื่อง Catch me if you can จนถึงวันนี้ต้องถือว่าเป็น “หนังขึ้นหิ้ง” เกือบ 20 ปีมาแล้ว (ดักแก่โคตรๆ) แต่ก็ยังยอดเยี่ยมจนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวของนักต้มตุ๋นเยาวชนที่ไต่เต้าตั้งแต่เป็นนักบิน เป็นหมอ เป็นทนาย หรือเป็นอะไรก็ได้ที่อยากจะเป็นและสร้างจากเรื่องจริง กลยุทธสำคัญของหนังเรื่องนี้ก็คือเทคนิคต้มตุ๋นและหาเงินที่ “สร้างความน่าเชื่อถือ” ซึ่งเราสามารถนำด้านดีของเรื่องนี้มาพัฒนาเทคนิคการขายของตัวเองได้ มาดูกันว่าเราจะได้เกร็ดการขายอะไรจากหนังเรื่องนี้กันครับ

1. ภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือคือจุดเริ่มต้นสำหรับทุกสิ่ง (Building Credibility)

พระเอกของเราไม่ได้มีวุฒิการศึกษาหรือใบอนุญาตนักบินใดๆ แต่ก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้จาก

การแต่งกายที่ยอดเยี่ยมและเหมาะสม: ในตอนที่เขาเลือกสวมชุดนักบินที่ดูน่าเชื่อถือ ถึงขนาดไปสั่งตัดจากบริษัทผลิตชุดนักบินกันเลยทีเดียว ทำให้ผู้คนมองว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานสายการบิน อีกทั้งยังหาใบอนุญาตขับเครื่องบินปลอมได้อีกด้วย (อย่าหาทำนะครับ)

แสดงความมั่นใจเมื่ออยู่ในเครื่องแบบ: ท่าทีที่สมบทบาท สงบ คุมสติได้ดี (โดยเฉพาะในตอนที่เป็นหมอ) ทำให้เขาชนะใจคนรอบข้างอย่างมากมาย ซึ่งมีอีกหลายตอนที่ชนะใจสาวๆ ด้วยการแต่งกายและเงินที่มีด้วยครับ

เทคนิคการขายที่ควรนำมาใช้: ในงานขาย คุณต้องฝึกฝนการนำเสนอตัวเองให้ดูเป็นมืออาชีพ มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีความมั่นใจในสินค้าและบริการของคุณ (ผ่านจากการฝึกอบรม) เพราะความมั่นใจที่แท้จริงจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้า แล้วคุณจะไร้เทียมทานเป็นอย่างมาก

2. การเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่ขาย (Mastery of your product)

ต้องบอกเลยว่าแทบทุกฉากตั้งแต่พระเอกยังเป็นเด็ก เขา “ขายตัวตนปลอมๆ” ได้อย่างน่าสนิทใจ ความสุดยอดของเขาในหนังมีดังนี้

การศึกษาทุกรายละเอียดของอาชีพนั้นๆ: ไล่ตั้งแต่เป็นนักบินก็เรียนรู้วิธีขับเครื่องบิน หรือตอนเป็นหมอก็อาศัยดูวีดีโอศึกษาเรื่องการผ่าตัดเอา แม้กระทั่งตอนเป็นทนายก็อ่านหนังสือจนสอบเนติผ่าน

การเรียนรู้ระบบการทำงานของทุกสาขาอาชีพ: เขาสังเกตการทำงานจริงของนักบินและแพทย์ เพื่อให้การแสดงของเขาแนบเนียนที่สุด แถมยังเรียนรู้ระบบการทำงานได้ไวอีกด้วย

เทคนิคการขายที่ควรนำมาใช้: ในงานขายนั้น คุณต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในสินค้าของคุณอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่รู้ว่ามีคุณสมบัติอะไรบ้าง แต่ต้องเข้าใจว่าคุณสมบัติเหล่านั้นมีประโยชน์กับลูกค้าอย่างไร และสามารถตอบคำถามได้ทุกแง่มุม หรือขจัดข้อโต้แย้งได้อย่างหมดจบ ที่สำคัญคือสามารถสวมบทบาทของการขายอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น อยู่ในวงการไอทีต้องเน้นความน่าเชื่อถือ อยู่ในวงการบริษัทใหญ่ต้องดัดจริตพูดไทยคำอังกฤษคำ (ฮา)

3. การสร้างความสัมพันธ์และสคริปท์พูดคุยได้อย่างยอดเยี่ยม (Building Rapport)

พระเอกในหนังตอนปลอมตัวเป็นนักบิน เขาไม่ได้เดินเข้าไปในสนามบินแล้วบอกว่า “ผมเป็นนักบินนะ” แต่เขาสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก่อน และเขาใช้เสน่ห์กับอารมณ์ขันเพื่อทำให้ผู้คนรู้สึกดีเมื่ออยู่กับเขา แม้กระทั่งนายธนาคารที่เขาเอาเช็คไปขึ้นเงิน (ทั้งๆ ที่เป็นเช็คปลอม) ยังเชื่อเลยว่าพระเอกเป็นนักบินจริงๆ และให้การต้อนรับอย่างดี ที่สำคัญคือพระเอกไม่เคยติดแอ๊คเลยว่ากูเป็นนักบินนะ นี่คือสิ่งที่ยอดเยี่ยม ดังนี้

เขาสร้างความไว้วางใจและได้ใจจากความเป็นกันเอง: ผู้คนไว้ใจพระเอก ไม่ใช่เพราะเขาเป็นนักบิน แต่เพราะเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ สุภาพ และให้เกียรติคนอื่นโดยไม่ถือตัวอย่างที่ผมกล่าวไป

เขาใช้เรื่องราวและทักษะการเล่าเรื่องต่างๆ เพื่อโน้มน้าวผู้คน: เขาไม่ได้พูดแต่เรื่องตัวเอง แต่เขาใช้เรื่องราวมาสร้างแรงบันดาลใจและให้ความหวังกับคนรอบข้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่เรื่องดีๆ โดยเฉพาะตอนจีบสาว

เทคนิคการขายที่ควรนำมาใช้: การขายที่ดี การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและการสร้างความเป็นกันเอง ไว้ใจและเชื่อใจ สำคัญกว่าการปิดการขายซะอีกครับ การขายแบบไม่ขายจะเน้นการเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง หรือที่ปรึกษาที่ลูกค้าอยากพูดคุยด้วย เพราะความสัมพันธ์จะนำมาซึ่งความไว้วางใจและยอดขายในที่สุด

พระเอกของเราสอนให้เราเห็นว่าคนเราไม่ได้ซื้อจากสินค้าหรือคำพูดหรูหรา แต่ซื้อจาก “ความเชื่อ” ที่ว่าคนที่ขายนั้นเป็นคนที่ไว้ใจได้และสามารถมอบสิ่งที่เราต้องการได้จริง การที่เขาสามารถทำได้ในสถานการณ์ที่ผิดกฎหมายนั้น สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการสร้างภาพลักษณ์, ความเชี่ยวชาญ และความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นหลักการที่นักขายมืออาชีพทุกคนต้องมีครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts