พูดไม่เก่ง ไม่มีลีลาพริ้วไหว ลองใช้เทคนิคการขาย ‘Sincere Selling’ ดีกว่าไหม สบายใจโคตรๆ

“Sincere Selling หรือ Sincere Marketing” ความหมายก็บอกตรงๆ อยู่แล้วว่าเป็นการขายหรือการตลาดที่จริงใจ เน้นความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมหรือลับลมคมในอะไรทั้งนั้น ผมคิดว่าเทคนิคการขายแบบนี้คงถูกใจคนที่พูดไม่เก่งหรือไม่มีประสบการณ์ด้านการขายมาก่อน และทำให้คุณเชื่อมั่นในตัวเองได้เลยว่า “การขายไม่ใช่การพูดเก่ง” หรือเป็นคนกะล่อน ตอแหล เหมือนภาพรวมที่คนส่วนใหญ่เข้าใจแน่นอน รู้อย่างนี้แล้วคุณจะมัวช้าอยู่ใย จงอ่านบทความนี้ให้จบแล้วเอาไปใช้กับการขายได้เลยนะครับ

1. เวลาโดนบลัฟว่าคุณสมบัติบางอย่างด้อยกว่าคู่แข่ง ก็ยอมรับว่าด้อยกว่าจริง

เป็นการขายที่มีแต่เรื่องดีๆ และลูกค้าไม่ได้มองว่าเราจะเสียหน้าหรือเสียเซล์ฟแต่อย่างใดครับ การยอมรับไปว่าคุณสมบัติบางอย่างด้อยกว่า เช่น สปีด สมรรถนะบางอย่าง หรือความจุ ฯลฯ และไปเน้นเรื่องคุณสมบัติบางอย่างที่เราเหนือกว่า เช่น งานบริการ ทีมงานที่ไว้ใจได้ ฯลฯ จะเป็นสิ่งที่ลูกค้าจะให้เกียรติเรามากขึ้น หรือต่อให้บอกลูกค้า “ไม่ได้เรื่อง” แม้แต่อย่างเดียว แต่ถ้าราคาถูกกว่า คุณก็ยังมีจุดเด่นในเรื่องราคาอยู่ดีครับ

2. กล้าที่จะบอกความจริงว่าสินค้ามีข้อบกพร่องในเรื่องอะไรบ้าง

เรื่องนี้ถ้าสินค้าหรือบริการของใคร “ไร้ที่ติ” ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอ่านนะครับ แต่ถ้าใครทำธุรกิจหรือขายของที่ “รู้อยู่แล้ว” ว่ามันมีตำหนิหรือข้อเสียบางประการ เช่น ธุรกิจเต๊นท์รถมือสอง ธุรกิจสินค้ามือสอง ฯลฯ เรื่องพวกนี้ยิ่งปกปิดหรือยิ่งฮาร์ดเซลล์ด้วยโปรโมชั่น ปิดการขาย มีแต่เรื่องร้ายมากกว่าดีครับ นอกจากไม่จริงใจแล้ว คุณยังโดนรีวิวแบบถล่มเละ ผลคือเสียชื่อและลูกค้าไม่มาในระยะยาว การขายที่จริงใจจึงมีความยั่งยืนที่เหนือกว่า

3. จริงใจที่จะบอกลูกค้าว่าโซลูชั่นไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้าไปซะหมด

การบอกว่าโซลูชั่นของคุณทำงานได้แบบไร้ที่ติ เพอร์เฟค ตามความต้องการลูกค้าทุกอย่างมันไม่มีจริงครับ อีกทั้งยังไปสร้างความคาดหวังที่สูงเกินไปและไม่เป็นผลดีถ้าคุณไม่สามารถทำถึง เช่น ธุรกิจก่อสร้างที่อาจมีข้อผิดพลาดได้ตลอดเวลา หรือธุรกิจส่งด่วนที่อาจมีอุบัติเหตุเกินความคาดหวัง เป็นต้น การบอกไปตามจริงว่าบางอย่างอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการด้วยความซื่อสัตย์จะลดแรงกดดันและความคาดหวังลงได้พอสมควร และลูกค้าจะมองว่าคุณมีความจริงใจมากๆ ครับ

การใช้เทคนิค Sincere Selling ในสถานการณ์เหล่านี้เป็นการสร้างความแตกต่างและสร้างความได้เปรียบในระยะยาว ยั่งยืนครับ เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าคุณไม่ได้แค่ต้องการขายของ แต่ต้องการสร้างคุณค่าและเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ ซึ่งสำคัญกว่าการปิดการขายเพียงครั้งเดียวครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts