3 เทคนิคที่ทำให้การโทรทำนัดนั้นง่ายขึ้น

การโทรหาลูกค้าคืองานหลักของการเป็นนักขายเลยล่ะครับ นักขายที่โชคดีได้อยู่กับองค์กรที่ไม่ต้องหาลูกค้าใหม่มากนัก หรือได้รับมอบหมายให้ดูแลลูกค้ารายเดิมตามคำสั่งขององค์กรคงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการโทรทำนัด โดยเฉพาะเมื่อต้องโทรหาลูกค้าใหม่ที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเท่าไหร่ 

นักขายที่ต้องไล่ล่าหาลูกค้าใหม่อยู่เสมอจึงมีความท้าทายในงานที่มากกว่า ผมไม่ได้หมายความว่านักขายแนวๆ Account Manager ที่ดูแลลูกค้าไม่กี่รายโดยเฉพาะธุรกิจที่ขายงานโครงการต่างๆ ไม่เก่งนะครับ เพียงแต่ว่าทักษะที่ทำให้คุณหาลูกค้าใหม่ๆ ได้ไม่จำกัดและลดความเสี่ยงเวลาลูกค้าเดิมเลิกซื้อก็คือการโทรหาลูกค้าใหม่นี่แหละครับ

การโทรทำนัดลูกค้าใหม่จึงเป็นอะไรที่ดูเหมือนง่ายและรู้กันอยู่แล้ว แต่จริงๆ แล้วผมว่าขั้นตอนนี้มีความยากมากเลยล่ะครับ ผมจึงมีเทคนิคที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายมาฝากเพื่อให้การโทรทำนัดของคุณง่ายขึ้นครับ

1. ช่วงเวลาในการโทร

จงคิดเสมอว่าเวลาของลูกค้ามีค่ามากกว่าคุณ จากพฤติกรรมการทำงานขององค์กรต่างๆ พบว่า ช่วงเวลาที่ลูกค้ามักยุ่งมากมีดังนี้

– เช้าวันจันทร์ เนื่องจากเป็นเวลาที่องค์กรส่วนใหญ่มักมีประชุมภายใน

– เวลา 10-11 โมงเช้า เป็นช่วงเวลาที่ลูกค้ามักมีการประชุมกับคู่ค้า โดยเฉพาะนักขายของธุรกิจอื่นๆ

– เวลาบ่าย 2-3 เป็นช่วงเวลาที่ลูกค้ามักประชุมกับคู่ค้าและนักขายของธุรกิจอื่นเช่นกัน

– ช่วงเวลา 9-10, 11-12 กับ 4-6 โมงเย็น จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการโทรทำนัดลูกค้าเพราะพวกเขาน่าจะอยู่หน้าคอมมากที่สุด

2. สคริปต์ในการโทรทำนัด

การโทรจำเป็นต้องมีสคริปต์ที่ถูกต้อง เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของการโทรทำนัด อย่างแรกที่ต้องคิดเสมอคือการโทรทำนัดก็คือเพื่อนัดหมายเข้าไปนำเสนอ ไม่ใช่โทรไปเพื่อ “ขายสินค้า” ซึ่งถ้าสคริปต์ไม่ดีและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “โดนขายของ” พวกเขาจึงมักปฎิเสธโดยเฉพาะเมื่อสถานะของคุณยังเป็นแค่ “คนแปลกหน้า” ดังนั้นจึงต้องเตรียมสคริปต์ที่ดีด้วยเทคนิคของผมกันเลยครับ

2.1 ทำการบ้านธุรกิจของลูกค้าก่อนเสมอ

โดยเฉพาะข่าวสารหรือสถานการณ์ล่าสุดต่างๆ และควรเข้าไปดูเว็บไซต์ของลูกค้าเพื่อศึกษาธุรกิจ และจำเป็นต้องรู้ว่าคุณกำลังโทรไปหาใคร โดยเฉพาะชื่อและตำแหน่ง ซึ่งจะง่ายมากถ้าคุณใช้ลิ้งก์อินและเจอข้อมูลของพวกเขาในนั้น เวลาโทรเข้าโอเปอเรเตอร์จะได้ขอเรียนสายถูกคน ทำให้โอกาสโอนสายไปถึงนั้นง่ายขึ้น หรือถ้าเจอเบอร์มือถือเพื่อโทรทำนัดก็จะเยี่ยมมากเพราะมีโอกาสได้คุยกันโดยตรง

2.2 แนะนำตัว

เมื่อถึงปลายสายก็แนะนำตัวสั้นๆ ว่าคุณชื่ออะไร ตำแหน่งอะไร บริษัททำเกี่ยวกับอะไรด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ควรหาที่นั่งโทรเงียบๆ ไม่มีเสียงรบกวน

2.3 ประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ

จากนั้นจงบอกประโยชน์ของธุรกิจที่คุณทำด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายว่าพวกเขาจะได้อะไร เช่น ทำให้มีกำไรมากขึ้น ต้นทุนต่ำลง สะดวกสบายมากขึ้น ฯลฯ

2.4 เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยลูกค้าเก่า

จงอ้างอิงลูกค้าเก่าที่พูดแล้วพวกเขาน่าจะรู้จัก มีขนาดที่ใกล้เคียงกัน หรือเป็นพอร์ทที่ใหญ่และมีชื่อเสียง เรื่องนี้จะสร้างความเชื่อมั่นได้มาก

2.5 เสนอเวลานัดโดยไม่ต้องถามพวกเขาว่าว่างมั้ย

จงเสนอวันและเวลาไปเลย เผื่อเวลาซักเล็กน้อย เช่น 3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ จากนั้นก็ขออีเมล์เพื่อคอนเฟิร์มนัด

2.6 ถ้าลูกค้ายังปฎิเสธ จงขออีเมล์เพื่อติดตามการทำนัด

ขออีเมล์เมื่อลูกค้าปฎิเสธเพื่อให้เหลือช่องทางในการส่งไฟล์แนะนำตัวและเอาไว้ใช้ติดตามนัดต่อได้ด้วยว่าพวกเขาอ่านแล้วหรือยัง ลูกค้าจะรู้สึกว่าคุณไม่แปลกหน้ามากขึ้นจนเปิดใจ

3. ปริมาณการโทร

ปริมาณการโทรที่เยอะย่อมส่งผลโดยตรงต่อโอกาสในการได้รับนัด คุณจึงควรมีโปรแกรมการโทรต่อวันที่ต้องทำตามจำนวนที่ตั้งไว้อยู่เสมอ ว่างเมื่อไหร่ก็ต้องกดปุ่มโทร คำว่าดวงสามารถใช้ได้ในเรื่องการโทรทำนัด ดังนั้นยิ่งโทรก็ยิ่งเป็นการเพิ่มดวงให้กับตัวเอง ไม่เชื่อก็ลองจิ้มโทรดูเลยครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น