วิธีหารายได้เสริมสไตล์นักขายในยุค Gig Economy

หัวข้อบทความในวันนี้ ถ้าท่านใดเป็นนักขายจอมเจ้าชู้คงรู้สึก “สะดุ้ง” ตัวไปตามๆ กัน (ฮา) เพราะหลายคนอาจจะคิดไปเองว่า “Gig” (กิ้ก) ในที่นี้ น่าจะหมายถึงคนที่มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟนหรือเปล่า คุณอาจจะคิดไปแล้วว่านี่คือบทความหารายได้เสริมด้วยการ “สะสมกิ้ก” เพื่มขึ้น ถึงจะมีตังมากขึ้นใช่มั้ยเนี่ย (ฮาอีกรอบ)

ขอบอกเลยว่าคุณกำลังคิดผิดคาดไปมากทีเดียวครับ เพราะคำว่า “Gig Economy” มีความหมายที่แท้จริง ดังนี้

Gig Economy คืออะไร

ถ้าดูที่ความหมาย แท้จริงแล้ว Gig เป็นคำแสลง หมายถึงการแสดงของนักดนตรีหรือวงดนตรีที่รับจ้างเป็นครั้งๆ ไป ซึ่งภายหลังก็รวมไปถึงงานประเภทอื่นๆ ที่มีลักษณะเป็นครั้งคราวด้วย ประกอบกับกระแสที่คนยุคนี้หันมานิยมทำงานอิสระรับงานเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ยึดติดกับที่ใดที่หนึ่ง ท่ามกลางการเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างช่องทางการหารายได้ใหม่ๆ โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบการทำงานเดิม ลักษณะการทำงานแบบนี้จึงถูกเรียกว่า Gig Economy หมายถึงระบบเศรษฐกิจที่ประกอบด้วยงานครั้งคราว หรืองานที่รับจ้างจบเป็นครั้งๆ ไป

แล้วใครถูกรวมอยู่ใน Gig Economy บ้าง คำตอบคือ เหล่าฟรีแลนซ์ พาร์ทไทม์ เอาท์ซอร์ส ไปจนถึงคนที่รับจ้างผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น คนขับ Uber และคนที่รับงานผ่าน Upwork หรือ Gigwalk เป็นต้น ลักษณะสำคัญของคนทำงานเหล่านี้ คือมีอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับงานหรือเวลาทำงาน โดยได้รับค่าตอบแทนตามจำนวนงานที่ทำ ที่สหรัฐฯ สถาบันวิจัย Brookings เผยว่าการจ้างงานใน Gig Economy กำลังเติบโตรวดเร็วยิ่งกว่าในตลาดงานประจำเสียด้วยซ้ำ

ข้อดีของการทำงานในรูปแบบ Gig Economy คือมีความยืดหยุ่นในเรื่องเวลาทำงาน เราสามารถบริหารจัดการเวลาและจัดลำดับความสำคัญของงานได้ตามใจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องแลกมาด้วยความไม่มั่นคงจากรายได้ที่ไม่แน่นอน และยังเสี่ยงถูกแย่งงานจากคนอื่นที่มีฝีมือหรือทักษะแบบเดียวกัน

Gig Economy ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์แรงของยุคนี้ เพราะได้เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน การจ้างงาน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างในปัจจุบัน กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่น่าจับตามองว่าในอนาคตชีวิตการทำงานของเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

ในเมื่อเทรนด์ของ Gig Economy กำลังมาแรง แล้วนักขายสามารถทำอะไรในยุค Gig Economy ได้บ้าง? คำตอบก็คือ “งานขายเสริม” ที่ประยุกต์จากสิ่งที่คุณกำลังลงมือทำเป็นอาชีพอยู่ในทุกๆ วัน นั่นก็คือ “งานขาย” ที่สามารถลงมือขายอย่างอื่นโดยบริหารเวลาได้อย่างคุ้มค่านั่นเองครับ 

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ลงมือทำอะไรหลายอย่างสไตล์ Gig Economy ด้วยเช่นกัน โดยใช้ทักษะการขายแบบองค์กรที่มีอยู่แล้ว จนการขายที่ผมกำลังจะแนะนำคุณนี้ สามารถช่วยให้ผมสร้างธุรกิจได้หลายอย่าง สร้างรายได้เข้ากระเป๋าอย่างสบายๆ ถึงขนาดที่ว่าไม่ต้องทำงานรับเงินเดือนก็อยู่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ผมลงมือทำตั้งแต่สมัยเป็นลูกจ้างแล้วล่ะครับ แถมยังได้ทักษะการขายที่ลงมือทำหนักกว่าคนอื่น จึงทำให้หน้าที่การงานและความมั่งคั่งที่มาจากการขายนั้น อยู่ในระดับที่สูงเลยทีเดียว ผมจึงมีคำแนะนำสำหรับนักขายเพื่อให้คุณหารายได้เพิ่มขึ้นในยุคนี้กันครับ 

1. งานขายประกัน ขายตรง

หลายคนอาจจะเบือนหน้าหนีเมื่อได้ยินงานขายแบบนี้ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เชิญชวนให้คุณทำนะครับ ถ้าคุณไม่ชอบก็ขอให้ผ่านไปได้เลย แต่ถ้ายังสงสัยว่าทำไมผมถึงพูดงานขายสองอย่างนี้ขึ้นมา นั่นเป็นเพราะผมอยากให้คุณมองข้อดีของงานขายประกันและขายตรงที่มีมากมาย แถมยังท้าทายความสามารถของคุณซะด้วย ที่สำคัญคือ “ค่าตอบแทน” ที่ได้รับคือผลประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะงานขายประกัน ถ้าคุณสามารถขายประกันที่มีเบี้ยประกันสูงๆ ได้ คุณยิ่งได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายเยอะ หรืองานขายตรงที่มีการจ่ายผลประโยชน์แบบลำดับชั้น (MLM) ซึ่งถ้าคุณชวนคนและสร้างทีมขึ้นมาได้ คุณยิ่งได้ส่วนแบ่งจากยอดขายทั้งทีม โดยที่ไม่ต้องทำอะไรมากก็ยังได้

งานขายประกันกับขายตรงแบบมืออาชีพจะมีระบบอบรมงานขายเพื่อให้คุณเชี่ยวชาญเรื่องสินค้าและการนำเสนอมากขึ้น อีกทั้งยังมีสัมมนาที่มุ่งเน้นไปในเรื่องการปลุกพลังและสร้างเสริมกำลังใจกันภายในทีมอย่างต่อเนื่อง และคุณยังจะได้เจอคนในสังคมใหม่ๆ โดยเฉพาะทีมงาน ซึ่งหลายๆ คนเป็นนักขายระดับมงกุฎเพชร ที่หมายความว่าพวกเขาน่าจะเป็นสุดยอดนักขายที่คุณสามารถศึกษาและรับการสอนจากพวกเขาได้ ลงทุนน้อย ใช้เวลาหลังเลิกงานในการทำได้ ยังไงทั้งสองงานก็ถือว่าเป็นสุดยอดงานขายที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลกว่าท้าทายและให้ค่าตอบแทนสูง ซึ่งถ้าคุณทำแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ คุณจะสามารถเลิกทำเมื่อไหร่ก็ได้ก็สุดแท้แต่คุณเลย 

2. งานนายหน้าต่างๆ 

คุณเป็นนักขายอยู่แล้ว คุณย่อมรู้ว่าจะขายยังไงลูกค้าถึงจะอยากซื้อและขายใคร งานนายหน้า (Broker) ที่ถูกกฎหมายต่างๆ เช่น นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ นายหน้าประกันภัยรถยนต์ นายหน้าขายรถสปอร์ตศูนย์เกรย์มาร์เก็ต ฯลฯ ถือว่าเป็นงานสไตล์ “จับเสือมือเปล่า” ที่คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อสินค้าเลย จะเสียก็แค่ค่าน้ำมันเวลาไปพบลูกค้าเท่านั้น (ฮา) ซึ่งงานนายหน้าอย่างกลุ่มอสังหาฯ จะมีหลายสำนักที่เปิดสอนคอร์สอบรมการขายที่คุณสามารถไปเรียนรู้และลองลงมือทำได้เลย เช่นนายหน้าค้า ที่ดิน คอนโดมิเนียม บ้าน เป็นต้น ที่สำคัญคือนึกจะทำก็ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ตามเวลาและความขยันของคุณ (ส่วนมากจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์)

3. งานไซด์ไลน์แบบ B2B

ได้ยินคำว่าไซด์ไลน์ก็อย่าคิดอะไรแบบหื่นๆ นะครับ เพราะไม่ใช่แบบที่คุณคิดเลย งานไซด์ไลน์ก็คืองานขายแบบนายหน้าที่สามารถขายให้กับลูกค้าที่อยู่ในรูปแบบองค์กรปัจจุบันของคุณนี่แหละครับ ปกติแล้วการที่คุณปิดการขายกับลูกค้าในแต่ละที่ได้ คุณจะได้รับทั้งเครดิตและคอนเน็กชั่น โดยเฉพาะลูกค้าผู้มีอำนาจตัดสินใจ คุณสามารถใช้ข้อได้เปรียบตรงนี้ในการมองหาธุรกิจที่สามารถเข้าไปขายในคอนเน็กชั่นของคุณได้ โดยที่ไม่มี “ผลประโยชน์ทับซ้อน” (Conflict of Interest) โดยตรงกับธุรกิจต้นสังกัดของคุณ เพราะคุณมีสิทธิ์โดนจับได้และโดนไล่ออกจากบริษัทปัจจุบันได้ด้วย ที่สำคัญคือมันน่าเกลียดมากในการทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น

วิธีการทำงานไซด์ไลน์แบบถูกวิธี คุณจะต้องมองหาสินค้าหรือบริการที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าของคุณโดยที่ไม่ได้เป็นสินค้าที่แข่งกันโดยตรงกับงานประจำของคุณ เช่น คุณขายสินค้าเป็นระบบไอที ฮาร์ดแวร์ ที่ลูกค้าคือฝ่ายไอทีของบริษัท คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ลูกค้าก็รักคุณ คุณจึงเริ่มมองหาสินค้าใหม่ที่ไม่ขัดแย้งกับธุรกิจหลักอย่างสินค้าซอฟท์แวร์ที่บริษัทคุณไม่ได้ขายแน่นอนจากคอนเน็กชั่นแวดวงของคุณที่กำลังขายสินค้าตัวนี้อยู่ โดยมีข้อตกลงเรื่องค่านายหน้าตามที่ตกลงกันไว้ คุณจึงเข้าไปทำนัดและขายสินค้าตัวใหม่กับลูกค้าที่คุณสนิท จะขายแบบแนะนำอย่างเดียวและให้พาร์ทเนอร์ของคุณไปปิดงานแล้วรอรับเงิน หรือเข้าไปขายเองจนปิดได้เองเลยก็ได้

4. งานขายของออนไลน์

ข้อนี้คงไม่พูดเยอะ ในเมื่อคุณเล่นเฟสบุ้คหรือไลน์ทุกวัน ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นกันอยู่แล้ว การลองขายสินค้าที่อยู่ในกระแสและมีกำไรดี หรือคุณมีความเชี่ยวชาญก็เป็นเรื่องที่ดี เรื่องการเปิดเพจเฟสบุ้ค ทำยูทูป ทำเว็บไซท์ ก็เป็นเรื่องง่ายๆ ที่คุณสามารถหาวิธีทำได้เองในอินเทอร์เน็ต ส่วนเรื่องสินค้านั้นก็มีหลากหลาย สามารถลงทุนได้ตามที่สะดวกเลยครับ เผลอๆ ขายดิบขายดีเทน้ำเทท่า ไม่ต้องมีหน้าร้าน กลายเป็นแม่ค้าออนไลน์โดยไม่รู้ตัว

5. งานเขียนบล็อก ทำเพจ เกี่ยวกับงานขาย

ถ้าคุณชอบและต้องการเขียนเรื่องราวที่เกี่ยวกับงานขายในสไตล์ของคุณ ผมขอแนะนำว่าให้คุณลองลงมือทำได้เลยครับ ผมเองก็เริ่มจากจุดนี้ จนทำให้พวกเราได้มาเจอกันบนโลกออนไลน์ รายได้ทางอ้อมที่กลับเข้ามาก็คือการได้เชิญไปอบรมงานขายแบบองค์กรให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ มีค่าตอบแทนตามสมควร ตัวอย่างนี้เป็นเรื่องที่ชัดเจนทีสุดในการเขียนสิ่งที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบในยุคโซเชี่ยลจนสามารถสร้างรายได้และมีผู้คนติดตาม ผมยินดีให้คุณทำตามแบบไม่ต้องกั้ก ลุยเลยครับ

นี่คืองานเสริมในยุค Gig Economy ซึ่งสามารถช่วยคุณสร้างรายได้เพิ่มจากงานประจำอย่างมหาศาล คุณจะกลายเป็นนักขายขั้นเทพที่เก่งขึ้นไปอีก แถมยังขายสินค้าได้หลากหลาย เรียกได้ว่าหยิบจับอะไรก็ขายได้ แถมยังมีรายได้แซงหน้าคนในรุ่นเดียวกัน รู้ตัวอีกทีคุณก็ได้ลงมือทำสิ่งต่างๆ มากกว่าคนอื่นหลายเท่าแล้วล่ะครับ 

ที่มาเพิ่มเติม: https://www.scbeic.com/th/detail/product/4070

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น