ทำอย่างไรเมื่อคุณย้ายไปอยู่กับคู่แข่งแล้วต้องมา 'แข่ง' กับบริษัทเก่า

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับเหล่านักขายที่มีประสบการณ์ในการย้ายบริษัทไปทำที่ใหม่ ซึ่งถ้าคุณย้ายไปอยู่ที่ที่เป็นสิ่งใหม่ สินค้าใหม่ ไม่เคยขายมาก่อน ผมคงไม่พูดอะไรมากนะครับเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นนักขายแบมืออาชีพ จะขายอะไรก็ต้องขายได้กันอยู่แล้ว

แต่ถ้าคุณย้ายไปอยู่กับบริษัทคู่แข่งเดียวกันกับต้นสังกัดเดิมนี่สิครับถึงจะฮาร์ดคอร์ คุณอาจจะโดนดึงตัว ซื้อตัว หรือแอบลาออกไปสมัครงานบริษัทคู่แข่งด้วยตัวเอง (ฮา) หรืออะไรก็ช่าง คุณย่อมรู้สึกว่าไม่มีทางหนีการเผชิญหน้ากับบริษัทเก่าที่มีบุญคุณกับคุณ (หรือไม่มีเพราะเจ้านายของคุณห่วย) อย่างแน่นอน ยังไงก็ต้องซัดกันตรงๆ แหงๆ

การย้ายไปอยู่บริษัทคู่แข่งแล้วมาแข่งกับบริษัทเก่าของตัวเองก็คงเป็นอารมณ์แบบเดียวกับนักฟุตบอลระดับโลกที่ดันอยากย้ายทีมแล้วไม่ได้ไปไหนไกล ดันไปอยู่กับคู่แข่งที่เป็น “หอกข้างแคร่” แล้วกลับมายิงประตูทีมเก่าด้วยซ้ำ ในเมื่อระดับโลกเขาก็มีกันมาแล้วกับกรณีแบบนี้ คุณเองเป็นพนักงานขายก็ย่อมไม่แปลกอยู่แล้ว

ผมจึงมีวิธีปฎิบัติเมื่อเวลานั้นของคุณมาถึง และทำยังไงถึงจะผ่านพ้นการเผชิญหน้าโดยเฉพาะกับต้นสังกัดเก่าหรือลูกค้าที่อาจจะรู้สึกเซอร์ไพรซ์ที่คุณย้ายไปอยู่บริษัทคู่แข่งกันเลยครับ

1. ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเพราะการเผชิญหน้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

คุณไม่จำเป็นต้องกลัวหรือกังวลอะไร ในเมื่อคุณตัดสินใจเลือกทำงานกับต้นสังกัดใหม่ที่เป็นคู่แข่งกันโดยตรงเรียบร้อยแล้ว ใครที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็อาจจะกลัวหรือคิดมากไปกับสิ่งที่เพื่อนร่วมงานเก่าหรือเจ้านายเก่าอาจจะโกรธหรือเกลียดคุณ ถามจริงเถอะว่าคุณจะแคร์คนที่ต่อให้คุณตาย พวกเขาบางคนอาจไม่มาร่วมงานศพคุณด้วยซ้ำไปทำไมครับ หรือถ้าคุณมีเรื่องกับเจ้านายเก่าที่ดูหมิ่นเหยียดหยามหรือสบประมาทคุณจนคุณรับไม่ได้แล้วทำให้คุณต้องตัดสินใจลาออก ก็ยิ่งเป็นเรื่องดีเลยล่ะครับเพราะจะได้กลับไปยิงประตูทีมเก่าหุบปากเจ้านายเก่าของคุณซะ (ฮา) แล้วจงไปพิสูจน์ตัวเองให้พวกเขารู้ว่าเขามองคุณผิดไป อย่างนี้สิสะใจกว่า

2. แจ้งลูกค้าเก่าให้เรียบร้อยว่าคุณได้ย้ายไปอยู่ต้นสังกัดใหม่แล้ว

เมื่อเริ่มงานวันแรกกับที่ใหม่ คุณอาจจะกังวลว่าเหล่าลูกค้าเก่าจะรับได้หรือไม่ หรือพวกเขาจะมองคุณว่าคุณทรยศต้นสังกัดเก่า เป็นซามูไรที่ไม่จงรักภักดีกับนาย อะไรทำนองนี้ ขอบอกเลยว่า “คุณคิดไปเอง” ทั้งนั้นครับ ถ้าลูกค้าไม่ได้พูดจากปาก คุณย่อมมีโอกาสขายของพวกเขาได้เสมอ วิธีที่ควรทำที่สุดคือการรีบแจ้งลูกค้าเกรดเอชั้นดี ซึ่งพวกเขาจะเป็นคอนเนคชั่นติดตัวไปกับคุณและทำให้การขายของบริษัทใหม่นั้นง่ายขึ้น บอกไปตรงๆ ว่าคุณได้ย้ายไปอยู่บริษัทใหม่แล้วจะให้คำปรึกษาอย่างสุดฝีมือเหมือนกับต้นสังกัดเดิม เพียงแค่นี้ลูกค้าย่อมเข้าใจและเปิดทางให้คุณเข้ามาขายแน่นอน ยังไงคำว่าลูกค้าซื้อเพราะนักขายที่มีความเป็นมืออาชีพก็ย่อมเป็นจริงวันยังค่ำ

3. ตรวจเช็คสัญญาที่มีลายลักษณ์อักษรของบริษัทเก่าเรื่องย้ายไปอยู่คู่แข่งก่อนทุกครั้ง

จริงๆ แล้วตอนเซ็นสัญญาเริ่มงาน โดยเฉพาะบริษัทระดับโลกหรือระดับชาติที่มีคู่แข่งทางธุรกิจกันโดยตรง เช่น แบรนด์คอมพิวเตอร์อย่าง Acer กับ Dell โค้ก กับ เป๊ปซี่ เป็นต้น ส่วนใหญ่จะมีสัญญาเซ็นห้ามย้ายไปอยู่กับต้นสังกัดใหม่ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงภายใน 1 ปี คุณจึงอาจจะกลัวถ้าเกิดได้โอกาสจากคู่แข่งแล้วจะโดนฟ้อง ผมพูดตรงนี้เลยนะครับว่าเรื่องนี้อาจจะต้องระวังไว้ถ้าต้นสังกัดเก่ามีการฟ้องร้องคุณจริง ก็คงสุดแท้แล้วแต่ศาลพิจารณาว่าจะเมตตาคุณหรือไม่ แต่ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมาในวงการไอทีระดับโลกที่มีการย้ายบริษัทไปอยู่กับคู่แข่งโดยตรง ผมก็ยังไม่เห็นว่ามีการฟ้องร้องกันแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลยซักครั้งนึงนะครับ อาจจะดูจากคนเก่าๆ ก่อนหน้านี้ก็ได้

4. เสนองานแข่งกับบริษัทต้นสังกัดเก่าไปได้เลย

ในเมื่อคุณทำงานกับที่ใหม่แล้ว เยื่อใยเก่าๆ ไม่ได้ทำให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นหรือได้เงินเพิ่มขึ้น ยังไงคุณก็ต้องโดนที่เก่าไล่ด่าหรือสาปแช่งอยู่แล้ว คุณไม่มีอะไรจะเสีย ดังนั้นการเข้าแข่งโครงงานที่ต้นสังกัดเก่ากำลังเข้างานอยู่ก็ถือว่าทำได้ครับ ไม่ได้ดูว่าเลวแต่อย่างใด เพราะยังไงเสียธุรกิจที่ขาวสะอาดย่อมขึ้นกับผลประโยชน์โดยมีลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจ คุณจึงเข้าแข่งขันงานกับที่เก่าได้เลย เพียงแต่ฟีลอาจจะรู้สึกอึดอัดอยู่หน่อยๆ เผลอๆ มองหน้ากันไม่ค่อยติดเท่าไหร่ ก็พยายามอดทนเข้านะครับ พวกเขาทำได้เพียงแค่นั้นแหละ

5. อดทนกับแรงเสียดทานที่มองไม่เห็นให้ได้

การตัดสินใจไปทำงานกับบริษัทคู่แข่งย่อมหลีกเลี่ยงการถูกมองจากคนในบริษัทเก่าว่าเป็นคนทรยศไม่ได้ หรือแม้แต่กับทีมงานของบริษัทใหม่ก็อาจจะมองว่าคุณมาจากคู่แข่ง คุณจะยอมรับสายตาที่พวกเขามองแบบนั้นได้ไหม ช่วงแรกๆ อาจจะมีบ้างกับบางคน แต่ถ้าคุณอดทนและผ่านมันไปได้ คุณก็จะกลายเป็นลูกรักของบริษัทใหม่อยู่ดีครับ ซึ่งเพื่อนร่วมงานเก่าที่จริงใจกับคุณเขาก็จะคุยกับคุณอยู่ดี ก็ดีเหมือนกันครับ จะได้วัดใจว่าใครมองคุณที่ตัวตนมากกว่าผลประโยชน์จริงๆ

นี่คือวิธีการปรับตัวในฐานะที่คุณย้ายไปเป็นนักขายของคู่แข่งนะครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น