เคล็ดลับการฝึกบุคลิกภาพที่ดีสำหรับนักขายและนักธุรกิจ

เคยได้ยินคำว่า ‘ไม่หล่อ..แต่เร้าใจ’ ไหมครับ? ผู้ชายบางคนไม่ได้หล่อระดับณเดช แต่มีการแต่งตัวที่ดี บุคลิกภาพที่ดูดี แต่งตัวได้ถูกกาละเทศะ พูดจาน่าฟัง น่าเชื่อถือ พวกเขาเหล่านี้มักมีสาวๆ เข้าหาและชื่นชอบอยู่เสมอ

บุคลิกภาพและความประทับใจแรกพบ (First Impression) ที่ยอดเยี่ยม นับว่าเป็น ‘ประตูบานแรก’ ที่จะเปิดใจลูกค้าให้เกิดความสนใจและมอบความไว้วางใจในตัวคุณ

บุคลิกภาพที่ดีคือเสาหลักที่สำคัญที่สุดของนักขายและนักธุรกิจที่จำเป็นต้องมีความน่าเชื่อถือ ได้รับความเชื่อมั่นจากคู่ค้า ถ้าคุณมีบุคลิกภาพที่ไม่ดี เช่น คุยไปแคะขี้มูกไป หรือมัวแต่สไลด์มือถือระหว่างคุยกับลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณ ‘ถูกตัดสิน’ ว่าเป็นคนที่ไม่น่าทำธุรกิจด้วย ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ซื้อคุณในที่สุด

มาดูวิธีง่ายๆ ในการฝึกตัวเองให้มีบุคลิกภาพที่ดีกันดีกว่า

1. แต่งตัวให้ดูดีและมีกาละเทศะอยู่เสมอ

คนส่วนใหญ่จะ ‘ตัดสิน’ คนอื่นจากภายนอกเสมอ เพราะไม่มีเวลาที่จะทำความเข้าใจตัวตนของคนคนนั้น ภายใต้เงื่อนไขเวลาอันน้อยนิด ดังนั้นคุณต้องแต่งตัวให้ดีที่สุดและพร้อมอยู่ตลอดเวลา

สำหรับผู้ชาย ถ้าคิดอะไรไม่ออกให้แต่งตัวด้วยเสื้อเชิตแขนยาวสีขาว กางเกงสแล็กสีดำ รองเท้าหนังสีดำ และผูกเน็กไทสีสุภาพ เคล็ดลับเพิ่มเติมก็คือเวลาเข้าพบลูกค้า คุณไม่ควรพับแขนเสื้อถึงข้อศอกเพราะร้อนเป็นอันขาด

สำหรับผู้หญิง คุณควรแต่งตัวให้สุภาพ อย่าพยายามแต่งตัวโป๊เกินไป เช่น กระโปรงสั้นหรือเน้นในส่วนของหน้าอกจนเกินไป เพราะคุณมีแนวโน้มว่าจะถูกแทะโลมด้วยสายตาและโดนลูกค้าลดคุณค่าคุณลงมาอย่างมาก ที่สำคัญคือห้ามใส่รองเท้าที่ ‘นิ้วตีน’ โผล่ออกมาอย่างรองเท้าแตะเวลาไปพบลูกค้าเป็นอันขาด มันดูไม่สุภาพอย่างแรง

นอกจากนี้ ควรระวังเรื่องกลิ่นปาก อมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ก่อนเข้าพบลูกค้าเสมอ ดูแลเรื่องเล็บมือไม่ให้ยาวและดำ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด

2. แนะนำตัวพร้อมกับเตรียมมอบนามบัตรไว้ให้พร้อม (สำคัญ)

เรื่องนี้ถือว่าเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คุณมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นทันที นั่นคือวิธีการมอบนามบัตรให้ลูกค้า อย่ามองข้ามขั้นตอนนี้โดยเด็ดขาดนะครับ

ปกติถ้าใครคิดไม่ถึงมักจะมอบนามบัตรโดยใช้มือจับแค่มือเดียว แล้วยื่นออกไปให้กับลูกค้า พร้อมกับรับนามบัตรจากลูกค้ามือเดียวเช่นกัน ซึ่งผมไม่เถียงว่าผิดนะครับ วัฒนธรรมฝรั่งถือว่าเป็นที่นิยมทีเดียว

แต่ผมมีเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มความสุภาพและน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก นั่นคือการมอบนามบัตรแบบญี่ปุ่น ซึ่งวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นจะเน้นความสุภาพและความเคารพนับถือ ให้เกียรติ เป็นอย่างมาก ซึ่งเข้ากับวัฒนธรรมไทยพอดี

คุณควรเปลี่ยนจากการมอบนามบัตรมือเดียว เป็นการจับนามบัตรทั้งสองมือด้วยนิ้วโป้งให้มั่นคง ระหว่างที่ถือ คุณควรแนะนำตัวด้วยชื่อและตำแหน่งให้ชัดเจน เมื่อรับนามบัตรจากลูกค้าก็ควรรับด้วยสองมือเช่นกัน จากนั้นให้อ่านชื่อจริงของลูกค้าให้ชัดเจน พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ

ใครไม่เห็นภาพ รบกวนดูตัวอย่างจากคลิปด้านล่างได้เลยครับ

3. การทานข้าวกับลูกค้า ควรให้ลูกค้านั่งในตำแหน่งที่ดีที่สุด ควรให้ลูกค้าเป็นผู้สั่งอาหารก่อนเสมอ และอย่าสั่งอาหารแพงกว่าลูกค้าเด็ดขาด

คุณควรวางแผนเรื่องการทานอาหารตั้งแต่ตำแหน่งการนั่งของลูกค้า ควรให้นั่งในตำแหน่งที่ดีที่สุดเสมอ เช่น คุณชวนไปร้านอาหารที่มีเวทีดนตรีสด คุณควรให้ลูกค้านั่งหันไปทางเวทีเพื่อดูนักร้อง ส่วนตัวคุณเองถ้าได้นั่งในมุมที่ไม่เห็นนักร้องก็ช่างมันครับ ให้เกียรติลูกค้าเป็นอันดับหนึ่งไว้ก่อน ถ้าอยากนั่งดูนักร้อง เอาไว้ค่อยมาคนเดียวก็ได้ (ฮา)

เมื่อได้เมนูและเริ่มสั่งอาหาร ควรให้ลูกค้าเป็นผู้สั่งก่อนเสมอ อย่าพึ่งรีบสั่งเป็นชุดๆ ก่อนที่ลูกค้าเอ่ยปาก ถ้าลูกค้าให้เราสั่งก่อนได้เลย คุณควรสั่งอาหารพื้นฐานที่มีส่วนประกอบของ ต้ม ทอด ผัด ยำ ให้หลากหลาย ถ้าลูกค้าสั่งอาหาร คุณไม่ควรสั่งเมนูที่แพงกว่าเป็นอันขาด เช่น ลูกค้าสั่งสเต๊กหมู แต่คุณสั่งสเต๊กเนื้อสันซึ่งแพงกว่า อย่างนี้จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะมันดูเหมือนคุณชวนลูกค้ามากินข้าวกับคุณมากกว่า

ที่สำคัญคืออย่ากินมูมมามเหมือนตายอดตายอยากเด็ดขาด ค่อยๆ กิน เอาแบบผู้ดี ไม่ต้องรีบ ถ้าอยากกินมูมมาม แนะนำให้กลับไปกินที่บ้านครับ หรือจะมากินกับเพื่อนก็ได้ ไม่ว่ากัน

เวลากับข้าวมาให้รอทานพร้อมกันเสมอ ให้ลูกค้าเปิดก่อน แล้วคุณค่อยกินตามนะครับ

4. ปรับมือถือเป็นระบบสั่นแล้วคว่ำมือถือไว้ที่โต๊ะเสมอ ไม่ต้องควักออกมาเลยยิ่งดี

เวลาเข้าพบลูกค้า คุณควรปิดเสียงและเปิดระบบสั่นให้เรียบร้อย ถ้ามีคนโทรมาให้กดวางเพื่อโทรกลับหลังจากเข้าพบลูกค้า ระวังเรื่องริงโทนลั่นเพราะถือว่าเป็นการรบกวนสมาธิของลูกค้าอย่างแรง ที่สำคัญคือ ‘ห้ามรับโทรศัพท์’ ทุกกรณีโดยเด็ดขาด ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ แม้แต่ตอนรับสายแล้วพูดว่า ‘เดี๋ยวโทรกลับ’ ก็ห้ามทำ

แม้แต่การหยิบมือถือขึ้นมาดู ถ้าคุณเริ่มสไลด์มือถือเมื่อไหร่ ลูกค้าจะรู้สึกว่าคุณไม่ให้เกียรติพวกเขาทันที

5. ให้เกียรติพนักงานที่ฟรอนต์ แม่บ้านเสริฟกาแฟเมื่อเข้าพบลูกค้าเสมอ

เมื่อเข้าพบลูกค้า คุณจะเจอพนักงานต้อนรับ (Receptionist) อยู่เสมอ จงกล่าวคำสุภาพว่าคุณมาเข้าพบลูกค้าและกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพเสมอ อย่าวางท่าเป็นอันขาด เพราะมันจะดูกากเหมือนกับคุณไปเบ่งใส่ลูกน้องลูกค้า

แม่บ้านเสริฟกาแฟก็เช่นกัน เมื่อพวกเขาเสริฟน้ำ กาแฟ ให้คุณ คุณควรกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจทุกครั้ง แค่คำพูดง่ายๆ ก็ทำให้หัวใจแม่บ้านชุ่มชื้นแล้วครับ เพราะพวกเขาได้รับเกียรติจากคุณ แถมยังทำให้คุณดูเป็นคนที่ให้เกียรติผู้อื่น ไม่ว่าคนคนนั้นจะอยู่ในระดับไหน ลูกค้าจะเป็นคนรับรู้เรื่องพวกนี้ได้ครับ ต่อให้เป็นยามโบกรถก็ควรกล่าวขอบคุณทุกครั้งนะครับ

6. เน้นการถามคำถามที่ฉลาด จากนั้นจงตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกค้าพูดอย่างตั้งใจ ห้ามแทรกหรือขัดจังหวะลูกค้าเด็ดขาด

เรื่องการถามคำถาม เป็นสิ่งที่ผมย้ำมากๆ เกือบทุกบทความอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนคงรู้ดีว่าการถามคำถามที่ฉลาด มีประโยชน์นั้นเป็นอย่างไร เช่น ถามเกี่ยวกับธุรกิจของลูกค้า การใช้งาน ปัญหา ฯลฯ

แต่เรื่องการฟังที่ดี ถ้าคุณเป็นคนพูดน้อยก็อาจจะเก่งการฟังได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นคนพูดมากก็อาจจะใช้เวลาน้อย จงข่มความรู้สึก ‘คันปาก’ อยากถาม อยากแชร์เอาไว้ให้ได้นะครับ ฟังลูกค้าพูดให้จบอย่างตั้งใจ พร้อมกับจดสิ่งที่มีประโยชน์อยู่เสมอ คำถามควรสอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าพูดเสมอ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ไม่จำเป็น เช่น ดินฟ้าอากาศ การบ้านการเมือง เป็นต้น

จงอย่าแทรกลูกค้าระหว่างที่พวกเขาพูดเป็นอันขาด เพราะมันจะทำให้การพูดของลูกค้าสะดุดและเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อคุณได้

7. มาก่อนเวลาเพื่อสร้างความเป็นมืออาชีพและทำให้ลูกค้าเกรงใจ

มาก่อนเวลายิ่งดี เพราะเมื่อไหร่ที่ลูกค้ามาสาย คุณจะเป็นต่อลูกค้าทันที เพราะลูกค้ารู้สึกผิดและเกรงใจ เวลานำเสนอจะมีแนวโน้มสูงว่าลูกค้าจะคายข้อมูลที่มีประโยชน์กับคุณ

8. ฝึกเรื่องมารยาททางสังคมให้ดีทุกอย่าง

เวลาอยู่นอกบ้าน คุณต้องมีมารยาททางสังคมที่ดีอยู่ตลอดเวลา เช่น ขับรถสุภาพ ไม่ปาดหน้า บีบแตรด่าชาวบ้านไปทั่ว สูบบุหรี่ในจุดที่ไม่ให้สูบ เดินไปสูบไปจนควันเข้าหน้าคนอื่น ขากถุยตามพื้นอย่างน่าทุเรศ ทิ้งขยะไม่เป็นที่ ยืนแคะขี้มูก ฯลฯ

เพราะบางทีคุณอาจจะเจอ ‘แจ๊คพอต’ นั่นคือลูกค้าเห็นคุณในสภาพนั้น ความน่าเชื่อถือของคุณจะไม่เหลือทันที ระวังตัวด้วยนะครับ

9. แนะนำทีมงานที่มากับคุณด้วยให้ครบและลงมือทำแบบโปรๆ

ทีมงานที่ติดตามคุณมาด้วยในการเข้าพบลูกค้า พวกเขาก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน คุณจึงควรแนะนำตัวพวกเขาให้ครบทุกคนด้วย ซึ่งผมมีเทคนิคดีๆ ที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นทีมงานของคุณ ดังนี้

คุณควรแนะนำตัวทีละคน โดยบอกตำแหน่งที่เขาทำด้วยว่าทำอะไร ที่สำคัญคือ ‘ประโยชน์’ ที่จะส่งมอบให้ลูกค้า เช่น “..ผมขอแนะนำคุณเม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและจะช่วยดูเรื่องการตลาดเพื่อทำให้ลูกค้าทำงานได้ง่ายขึ้นครับ..” เป็นต้น อย่าปล่อยให้ทีมงานนั่งเป็น ‘พระอันดับ’ โดยที่ลูกค้าไม่รู้จักเด็ดขาด

10. ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ

หน้ายิ้มกับหน้าบึ้ง คุณว่าลูกค้าอยากคุยกับคนแบบไหนมากกว่ากัน คุณควรพูดคุย ถามคำถาม นำเสนอโดยแฝงรอยยิ้มอยู่เสมอ แต่ถ้าโดนลูกค้าด่า การยิ้มอาจจะดูเฟคเกินไป คุณก็ควรแสดงอาการเศร้าๆ พร้อมกับรับฟังอย่างจริงใจ เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเห็นใจและเริ่มสงสารคุณ (ฮา..) จนผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

11. ยกมือไหว้ทุกครั้งเมื่อพบหน้าและลาจาก

ไม่ว่าคุณจะเจอใครเวลาไปพบลูกค้า ควรยกมือไหว้ตั้งแต่พนักงานต้อนรับ ไหว้ขอบคุณแม้บ้านเสริฟกาแฟ ไหว้ลูกค้าทั้งตอนเจอหน้าและลาจาก คุณควรไหว้สวยๆ สุภาพ อย่าไหว้แบบกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพียงแค่นี้ก็ทำให้คุณดูดีโดยที่ไม่โดนด่าในใจว่า ‘ไอ้นี่มันมือแข็ง ไม่มีมารยาท’ ได้แล้วครับ

12. รับโทรศัพท์ให้เร็วที่สุด ถ้าลูกค้ามิสคอลมาแล้วรับไม่ทัน ควรโทรกลับให้เร็วที่สุด

เรื่องนี้ชี้วัดความไวในการตอบสนองของตัวคุณต่อลูกค้าได้เลย คุณเป็นนักขายและนักธุรกิจ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องรับโทรศัพท์ช้าๆ หรือไม่ได้รับ เพราะสิ่งนี้มันสร้างความน่ารำคาญและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณไม่ใส่ใจพวกเขาเท่าที่ควร คะแนนคุณจะถูกลดในทันที คุณควรรับโทรศัพท์ให้เร็วที่สุด ถ้ารับไม่ทันให้รีบโทรกลับทันที

13. รักษาคำพูดเสมอ

อย่ารับปากสั่วๆ เพราะจะทำให้สิ่งที่ทำดีมาตลอดนั้นพังทลาย เวลาลูกค้าให้ตกลงในเรื่องอะไร ถ้าไม่แน่ใจให้บอกลูกค้าว่าขอเช็คให้ละเอียดเพราะเกรงว่าจะตอบผิดก่อนเสมอ ไม่ผิดที่คุณจะขอใช้เวลาตรวจสอบ ดีกว่าทำไม่ได้แล้วไปรับปาก ที่สำคัญคือเวลาตกลงอะไรก็ตาม คุณควรลงลายลักษณ์อักษรให้ตรงกันระหว่างข้อตกลงของคุณกับลูกค้าเสมอ เท่านี้ก็ดูเป็นมืออาชีพได้เยอะมากเลย

ยังมีเคล็ดลับอีกมากมายที่คุณสามารถฝึกฝนกันได้ง่ายๆ เลยครับ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการขายตัวเอง โดยที่คุณยังไม่ได้ขายสินค้าเลยด้วยซ้ำ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น