คำแนะนำสำหรับเด็กจบใหม่ที่อยากเป็นนักธุรกิจ

ยุคนี้เป็นยุค ‘Gen-Z’ (อายุประมาณ 18-24) ที่กำลังมีอิทธิพลกับหน้าที่การงานของคนรุ่น ‘Gen-Y’ อย่างพวกผม (อายุประมาณ 25-40) ซึ่งสมัยที่ผมยังเป็นพนักงานจบใหม่นั้น กระแสของการอยากเป็นเจ้าของกิจการ ทำธุรกิจต่างๆ ด้วยตนเองนั้นสูงมาก มีเพื่อนๆ หลายคนกล้าที่จะออกไปทำธุรกิจส่วนตัวจนประสบความสำเร็จมากมาย

ตัวอย่างของคน Gen-Y รุ่นผมที่ประสบความสำเร็จก็คือ ‘คุณต๊อบ เถ้าแก่น้อย’ เป็นต้น แต่สิ่งที่ผมจะบอกคือในปัจจุบันนี้ เด็กรุ่นใหม่ Gen-Z มีความปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจและประสบความสำเร็จมากกว่ารุ่นพวกผมเสียอีก! ผมเก็บสถิติจากคำถาม inbox หลังไมค์ที่ขอมาปรึกษาผมในการเริ่มต้นอาชีพนักขายเป็นประจำแทบทุกวัน

ต้องขอขอบคุณทุกคำถามโดยเฉพาะ ‘เด็กจบใหม่’ ที่ให้ความสนใจและขอให้ผมเป็นที่ปรึกษาด้านการขายและการงาน ถึงแม้ว่าจะเป็นการแชตผ่านไลน์ เฟสบุ้ค และโทรคุยกันก็ตาม นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้ถ่ายทอดเจตนารมณ์และความตั้งใจของเซลล์ร้อยล้านฟรี โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นครับ

ผมจึงมีคำแนะนำสำหรับเด็กจบใหม่ที่มีหัวใจใฝ่รู้ด้านงานขายและอยากเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จครับ

1. ตั้งเป้าหมายให้แน่วแน่ตั้งแต่ก่อนเรียนจบ

โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่มีความฝันว่าอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ มีบริษัทเป็นของตนเอง อาจจะยังไม่ต้องชัดเจนเรื่องของสินค้าที่อยากจะขายมากนัก (เพราะคุณยังไม่มีประสบการณ์) แต่ขอให้กล้าที่จะฝัน ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจนมาก่อนก็ช่างมัน จงคิดเสมอว่าชีวิตคนเรานั้นสามารถ ‘ลิขิต’ ได้ และมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายท่านที่มีทั้งบ้านรวยหรือบ้านจนมาก่อน ผมขอให้คุณมี ‘ความเชื่อมั่น’ อย่างแรงกล้า เพราะในโลกนี้มีคนที่ทำได้มาแล้วทุกสถานการณ์ แล้วทำไมคุณถึงจะทำมันให้สำเร็จไม่ได้ล่ะ? 

2. ไม่จำเป็นต้องจบคณะบริหารธุรกิจหรือคณะเศรษฐศาสตร์เสมอไป ถึงจะเป็นนักธุรกิจได้

นี่เป็นคำถามที่ผมพบบ่อยมากๆ ว่าการเป็นนักธุรกิจต้องจบมาจากคณะบริหารธุรกิจหรือคณะเศรษฐศาสตร์อย่างเดียวหรือปล่าว? คำตอบของผมก็คือ ‘ไม่เสมอไป’ ครับ ข่าวดีชั้นที่ 1 ที่ผมจะบอกคือคุณเรียนจบสาขาอะไรมาก็ได้ แล้วเตรียมตัวสมัครงานอาชีพนักขาย แต่ข่าวดีชั้นที่ 2 ก็คือคนที่จบสาขาเฉพาะทาง เช่น วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ เภสัชศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร สัตวแพทยศาสตร์ ฯลฯ ล้วนมีงานขายที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเริ่มต้นสู่การทำธุรกิจที่เป็นแบบเฉพาะทางได้

มีเจ้าของบริษัทหลายแห่งที่จบมาจากสาขาเฉพาะทางอย่างที่กล่าวไป ดำเนินธุรกิจแบบ B2B หรือ B2C และเป็นธุรกิจเฉพาะด้าน ซึ่งจะตอบโจทย์ให้คุณเห็นภาพว่าอนาคตคุณอาจจะเป็นเจ้าของกิจการที่ใช้ความรู้และประสบการณ์จากที่เล่าเรียนมาได้อย่างเต็มที่ ทำให้คุณสามารถสร้างข้อได้เปรียบในการทำธุรกิจได้มากขึ้น

3. จงเลือกสมัครงานในตำแหน่งพนักงานขาย

ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าถ้าอยากเป็นนักธุรกิจ เป็นเจ้าของกิจการ และคุณไม่มีต้นทุนทางสังคมใดๆ ที่บ้านไม่มีธุรกิจ พ่อแม่ทำงานรับราชการ ทำงานทั่วไป คุณจำเป็นต้องเลือกสมัครงานในตำแหน่งพนักงานขายเดี๋ยวนี้เลย เพราะนี่คือ ‘ตำราธุรกิจ’ ที่ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย แถมยังเป็นการเรียนรู้จากของจริง คุณจะได้ทักษะที่เป็นเสาหลักในการค้ำจุนธุรกิจทุกๆ อย่างนั่นคือ ‘การขาย’ ที่สำคัญคือตำราเล่มนี้มีเงินเดือนให้ทุกเดือน มีค่าคอมมิชชั่นที่ทำมากได้มาก มีคอนเน็กชั่นทางธุรกิจมากมายให้คุณได้เก็บเกี่ยว เจ้าของกิจการหลายท่านที่ประสบความสำเร็จก็ล้วนผ่านอาชีพพนักงานขายมาก่อนนั่นเองครับ จงเดินตามรอยเท้าพวกเขาซะ

4. หมั่นฝึกฝนทักษะความเป็นผู้นำเดี๋ยวนี้ด้วยกิจกรรมต่างๆ ของมหาลัย

ถ้าคุณยังมีเวลาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ผมขอแนะนำให้คุณแสวงหาโอกาสที่จะทำให้คุณมีความเป็นผู้นำจากกิจกรรมต่างๆ ภายในรั้วมหาลัย เช่น กิจกรรมเชียร์ลีดเดอร์ กิจกรรมค่ายอาสา กิจกรรมเล่นดนตรี กิจกรรมการเล่นกีฬา ฯลฯ ซึ่งขึ้นอยู่กับความถนัดของคุณ เพื่อฝึกพื้นฐานทักษะนิ่ม (Soft Skill) โดยเฉพาะทักษะความเป็นผู้นำ จงเสนอตัวในการทำงานเป็นกลุ่ม ออกหน้านำเสนองาน รับผิดชอบแทนเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณเรียนรู้การทำงานเป็นทีม การสอนงาน การมองเห็นจิตใจคนที่มีทั้งดีและไม่ดี อย่ามัวแต่เสียเวลานั่งเล่นเกมข้ามคืนอย่างบ้าคลั่ง กินเหล้ากับเพื่อน จีบสาวไปวันๆ เพราะถ้าคุณเป็นนักธุรกิจ คุณจะมีเวลาให้กับเรื่องไร้สาระเหล่านี้น้อยมาก

5. จงเริ่มสมัครงานกับบริษัทชั้นนำให้มากที่สุด เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งาน

การสมัครงานและการสัมภาษณ์งานเป็นขั้นตอนการเริ่มต้นการขาย (ตัวเอง) ให้กับนายจ้างเพื่อรับคุณเข้าทำงาน นี่คือบันใดก้าวแรกสู่การเป็นนักธุรกิจของคุณ ถ้ามีโอกาส จงปักหมุดเลือกสมัครงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ไปหาเล็ก หรือบริษัทในฝันที่คุณอยากเข้าทำงาน เตรียมการเขียนเรซูเม่ให้ดูเป็นทางการและมีความเป็นมืออาชีพมากที่สุด ฝึกซ้อมสัมภาษณ์งานกับรุ่นพี่และหาโอกาสออกไปสัมภาษณ์งานเยอะๆ จะได้มีชั่วโมงบินที่สูงขึ้น ถ้าคุณจบมหาลัยชั้นนำก็อาจจะมีภาษีดีกว่ามหาลัยอื่นหน่อยๆ แต่อย่าประมาทเด็ดขาด ส่วนคนเกรดไม่สวย มหาลัยไม่ดัง ก็ไม่ต้องเสียใจ จงฝึกซ้อมและขายตัวเองให้นายจ้างเห็นให้ได้ว่าคุณเจ๋งและสามารถพัฒนาได้มากแค่ไหน

6. ให้ความสนใจกับธุรกิจแบบสตาร์ทอัพ (Startup) 

ธุรกิจแบบสตาร์ทอัพ เว้ากันซื่อๆ ก็คือธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเพราะมี ‘เงินอัดฉีด’ จากนายทุนที่เรียกว่า ‘VC’ (Venture Capitalist) ซึ่งจะให้ความสนใจกับธุรกิจที่มีไอเดียที่ดี สามารถเติบโตได้ มีความเป็นไปได้ นายทุนจะให้เงินในการทำธุรกิจกับคุณโดยที่ไม่ต้องกู้แบงค์เลยซักบาท ถ้าเจ๊งก็เจ๊งไปตามกัน แต่ถ้าโตก็รวยไปด้วยกัน ลองหาเพื่อนที่เป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์หรือแนวคิดเชิงธุรกิจ จากนั้นให้เริ่มเรียนรู้ขั้นตอนการนำเสนอธุรกิจ (Pitching) ซึ่งในไทยมีเวทีให้ได้ประลองมากมาย เผื่อว่ามันเวิร์ก คุณอาจจะได้เป็น CEO บริษัทสตาร์ทอัพชื่อดังเลยก็ยังได้ ถ้าคุณทำสำเร็จ แต่ถ้าเจ๊ง ก็ยังได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่คนอื่นไม่มี

สู้ๆ นะครับ เด็ก Gen-Z ทุกคน ผมเอาใจช่วยให้พวกคุณเป็นนักธุรกิจร้อยล้านให้จงได้ ความสำเร็จจากความเพียรพยายาม มุมานะ สุจริต เป็นสิ่งที่สร้างคุณค่าในชีวิตให้กับคุณได้มากเลยครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น