รู้ตัวกันรึปล่าวว่ามีทักษะ Coachable มากแค่ไหน

หนึ่งในทักษะที่เป็นทางรอดของยุคปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์มากแค่ไหน เป็นแค่เด็กจบใหม่พึ่งได้งานทำหรือเป็นผู้บริหารระดับสูง ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่ดี เพราะการเป็นคนที่มั่นใจว่าตัวเองรู้แล้ว ฉลาดแล้ว ส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ตัวว่าคุณ “โง่ลงๆ” เพราะฉะนั้นความโง่มันจึงไม่เลือกว่าคุณจะเป็นคนไร้การศึกษาหรือว่าเป็นคนฉลาดจบด็อกเตอร์เมืองนอกมา ทุกคนสามารถโง่ได้ทั้งนั้น

ดังนั้นสกิลที่จะเป็นทางรอดเพื่อให้คุณเป็นคนที่ฉลาดขึ้น เลิกโง่ และประสบความสำเร็จในการทำงานก็คือทักษะ Coachable หมายถึงทักษะที่คุณสามารถเป็นผู้เรียนที่ดี เมื่อมีอาจารย์หรือผู้มีประสบการณ์มาถ่ายทอดสิ่งดีๆ ก็สามารถเรียนรู้และปรับใช้กับงานที่ทำได้ รวมไปถึงอุปนิสัยกับ Mindset ที่ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นมาดูวิธีฝึกทักษะ Coachable เพื่อเป็นคนทำงานที่ดีขึ้นกันดีกว่าครับ

1. เปิดใจ (Open-minded) สำหรับเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

คนที่อีโก้สูงและคนโง่มักจะตกม้าตายในเรื่องนี้เลย ทัศนคติที่ดีคือความเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่และไม่มีทางที่คุณจะรู้ไปหมดทุกเรื่อง ต่อให้เก่งแค่ไหนก็สามารถพลาดหรือหลงลืมกันได้ ดังนั้นการลดอัตตาลง กดอีโก้ในตัวให้มิด และเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ รอบตัวโดยเฉพาะการสอนจากคนที่เป็นหัวหน้า ท็อปเซลล์ พนักงานดีเด่น คนเก่ง ฯลฯ จึงเป็นสิ่งที่คุณควรฟังอย่างจับใจความ (Active Listening) จากนั้นก็คิดตามและตั้งคำถามกลับในเชิงสร้างสรรค์ เท่านี้คุณก็เป็นคนที่เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ และสอนได้แล้วครับ

2. ความกล้าหาญ (Brave)

มีหลายคนที่ไม่กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จึงทำให้ปิดใจ หรือมีทัศนคติแบบยึดติด (Fixed Mindset) โดยตัดสินตัวเองไปเรียบร้อยแล้วว่าคุณทำไม่ได้หรอก คุณไม่มีพรสวรรค์ คุณไม่เหมาะกับสิ่งนั้น คุณจะต้องกล้าพอที่จะปลดล็อกความกลัวและ Fixed Mindset ด้วยตัวคุณเองจากตัวอย่างรอบตัวว่ามีคนมากมายที่ไม่ได้มีคุณสมบัติเหมือนคุณด้วยซ้ำ แต่ก็สามารถฝึกฝนตนเอง พัฒนาตนเอง จนกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ เหตุผลเพราะพวกเขามีความกล้าหาญที่จะก้าวข้ามความกลัวของตนเองครับ

3. ตั้งเป้าหมาย (Goal Setting)

การเป็นคนที่สอนได้ สอนง่าย จำเป็นจะต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคุณต้องการอะไรก่อนได้รับการฝึกฝนนั้น ตัวอย่างง่ายๆ เหมือนการไปจ้างฟิตเนสเทรนเนอร์มาช่วยคุณออกกำลังกาย คุณจะต้องพูดให้ชัดว่าอยากลดกี่กิโล ภายในเวลากี่เดือน พวกเขาถึงจะจัดโปรแกรมที่เหมาะสมได้ การทำงานเองก็เช่นกัน คุณต้องตอบตัวเองให้ชัดว่าอยากประสบความสำเร็จแบบไหน ภายในเวลาเท่าไหร่ ผู้สอนหรือเจ้านายคุณจึงจะสามารถออกแบบโปรแกรมเพื่อสอนงานคุณได้ตามความเหมาะสม

4. เป็นลูกศิษย์ที่น่ารักน่าเอ็นดูและเปี่ยมไปด้วยแพชชั่น (Fostering Drive with Passion)

เวลาได้รับการสอนจากใครซักคนแล้ว จงทำตัวให้ดูน่าอุปถัมภ์ ผู้ใหญ่อยากสนับสนุน มีความจริงใจและนำคำสั่งสอนไปลงมือทำทันที คุณจะต้องแสดงให้เห็นถึงแพชชั่นซึ่งเปรียบได้กับการที่คุณลงมือทำตามคำสอนด้วยความมุ่งมั่น ทำมันด้วยใจจริง มีศรัทธา รับรองว่าใครก็ตามที่สอนคุณย่อมอยากที่จะถ่ายทอดความรู้ความสามารถให้คุณแบบหมดเปลือกครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts