วิธีทำธุรกิจแบบดีลเลอร์หรือตัวแทนจำหน่ายที่ยอดเยี่ยม

ธุรกิจแบบตัวแทนจำหน่ายหรือดีลเลอร์ นับว่าเป็นธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความน่าสนใจ มีผลตอบแทนที่ดี มีความง่ายในการก็ตั้งธุรกิจ ที่สำคัญคือหลายๆ ธุรกิจก็อยู่ในรูปแบบนี้ ขึ้นอยู่กับตัวสินค้าว่ามีความแตกต่างอย่างไรบ้าง 

เงินทุน คือสิ่งที่สำคัญในการเริ่มสร้างธุรกิจรูปแบบนี้ เนื่องจากหลายๆ ข้อตกลงระหว่างคุณกับบริษัทเจ้าของสินค้าจะต้องเป็นฝ่ายให้คุณเป็นผู้ “รับสินค้า” หรือแบกสต๊อกจำนวนหนึ่ง

เพื่อให้คุณได้รับสินค้าและนำไปเสนอขายกับลูกค้าผู้ใช้สินค้าแทนเจ้าของสินค้า ยิ่งคุณมีทุนและกล้าแบกสต๊อก (Volumn) มากขึ้นเท่าไหร่ คุณย่อมได้รับราคาทุนที่ถูกลงและเมื่อขายก็จะได้กำไรมากขึ้นเท่านั้นครับ

ที่สำคัญคือถ้าเจ้าของสินค้าของคุณนั้นมีชื่อเสียงพอสมควร สินค้ากำลังขายดี คุณก็ยิ่งได้ “อานิสงส์” ที่ทำให้คุณขายของได้ง่ายขึ้น พูดง่ายๆ คือ “ซื้อมาขายไป” แล้วก็รับกำไรแบบชิลๆ ของดังอยู่แล้วก็ยิ่งขายง่าย

แต่อย่างว่าแหละครับ ถ้าทุกอย่างบนโลกนี้มันง่ายขนาดนั้น ทุกๆ คนที่ทำธุรกิจตัวแทนหรือเป็นดีลเลอร์ก็คงรวยกันหมดแล้ว มีเกิดก็ต้องมีดับเป็นธรรมดา ผมจึงขอแชร์วิธีทำธุรกิจแบบดีลเลอร์ที่ยอดเยี่ยมกันเลยครับ

1. ประเมินกำลังของตัวเองก่อน

ความได้เปรียบเชิงธุรกิจเกี่ยวกับการเป็นดีลเลอรืก็คือคุณต้องประเมินกำลังของตัวเองก่อน โดยเฉพาะเงินทุนที่จะทำให้คุณ “สร้างอำนาจต่อรอง” กับเจ้าของแบรนด์ (Vendor) ได้ง่ายขึ้น วอลุ่มที่มากขึ้นก็จะทำให้คุณได้ผลประโยชน์ที่ดีกว่าอย่างแน่นอน แต่ถ้า “เบี้ยน้อยหอยน้อย” ก็ต้องเริ่มจากการแบกสต๊อกในปริมาณที่น้อย ซึ่งราคาคุณก็จะสูงตาม ทำให้คุณได้กำไรที่น้อยลง แต่ก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะถ้าคุณขายได้ดี คุณก็ยิ่งสะสมกำไรจนมีเงินมากขึ้นเพื่อไปซื้อของในจำนวน (Volumn) ที่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้คุณได้กำไรและราคาต้นทุนที่ดีขึ้นนั่นเองครับ

2. เครดิตของคุณต้องดี

เครดิตในที่นี้ หมายถึง “การเงิน” ของคุณที่ต้องมีสภาพคล่องและพร้อมชำระหนี้ได้ตรงตามเวลา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ของคุณ การจ่ายเงินของคุณที่ตรงต่อเวลาจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของคุณ บางทีก็มีข่าวดีจากพวกเขาที่ยอมปล่อย “เครดิต” ในการชำระเงินที่ให้ช่วงเวลาเพิ่มเติมในการรับชำระเงินของคุณ ทำให้คุณมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น จงอย่าทำให้เครดิตของคุณเสียด้วยการชำระเงินให้ตรงเวลาอย่างต่อเนื่อง ทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องนี้หมายถึงความสามารถในการจ่ายเงินของคุณ ทำให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ของคุณให้ความมั่นใจต่อคุณมากขึ้น และเผลอๆ อาจยอมให้ราคาต้นทุนที่ดีกว่ากับคุณอีกด้วย

3. พัฒนาทักษะการปิดการขายให้ยอดเยี่ยม

ในเมื่อสินค้าและบริการเป็นสิ่งที่คุณตัดสินใจแล้วว่าดี การขายก็ควรจะดำเนินไปได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้ามีจุดขายและมีชื่อเสียงพอสมควรอยู่แล้ว คุณก็ยิ่งขายง่ายขึ้นไปอีก การปิดการขายที่ได้ผล จึงเป็นทักษะที่คุณควรพัฒนาให้สูงขึ้น เพราะเจ้าของผลิตภัณฑ์คงทำการตลาดให้พวกคุณขายสินค้าคุณได้ง่ายอีกด้วย การแนะนำสินค้าและนำเสนอขายให้ดีจึงเป็นทักษะที่จำเป็น มีความเป็นมิตร มีความเป็นมืออาชีพ และมีการติดตามงานอยู่เสมอก็ยิ่งให้คุณขายสินค้าได้ง่ายขึ้น เพราะการตลาดของเจ้าของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณขายง่ายขึ้นอยู่แล้ว

4. คาดการณ์การสต๊อกสินค้าให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ

การสต๊อกสินค้า ถือว่าเป็นสิ่งที่คุณควรพิจารณาเพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีกำไรมากขึ้นหรือน้อยลง ขึ้นอยู่กับการอ่านตลาดให้ขาดด้วยตัวของคุณอง เช่น ธุรกิจบางอย่างมีปัจจัยการซื้อสินค้าเข้ามาตามสภาพฤดูกาลของการขาย เช่น คุณทำธุรกิจขายผลไม้เข้าห้างสรรพสินค้า การอ่านตลาดให้ขาดตามสภาพฤดูกาล เช่น ฤดูการขายตามเทศกาล คุณควรสั่งซื้อสินค้าในจำนวนที่มากขึนเพื่อให้มีสินค้าพอที่จะขาย ทำให้คุณได้ผลประโยชน์สูงสุดตามจำนวนสินค้าที่กักตุนเอาไว้ มีจำนวนสินค้าที่พอขาย การคาดการณ์ในส่วนนี้จะทำให้คุณได้ผลประโยชน์สูงสุด

5. สร้างจุดขายด้านการตลาดให้มีความแต่งต่าง

ดีลเลอร์ที่ขายดี จะต้องมี “การตลาด” ที่มีความแตกต่างกับดีลเลอร์คู่แข่ง มีจุดขายที่น่าสนใจ เช่น คุณเป็นร้านค้าที่ขายสินค้าเหมือนกับคู่แข่ง คุณอาจจะสร้างจุดขายด้านสถานที่ หรือ การโฆษณาที่มีจุดเด่น มีมาสคอตหรืออะไรบางอย่างที่จับใจลูกค้าและสร้างการจดจำให้ลูกค้าได้ หน้าตาและนิสัยของคุณสามารถทำให้ร้านค้าของคุณมีจุดเด่นเพิ่มขึ้น เช่นการใช้พื้นที่โซเชี่ยลมีเดียในการสร้างจุดเด่นของการขาย การทำไลฟ์ ทำเพจให้ดูดี ย่อมสร้างจุดเด่นให้เหนือกว่าคู่แข่งของคุณได้มากขึ้นครับ

การเป็นตัวแทนหรือดีลเลอร์ย่อมอยู่ในสภาวะ “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า” เพราะเจ้าของผลิตภัณฑ์จะช่วยให้คุณขายง่ายขึ้นในหลายๆ ด้าน เช่น การตลาดที่ดีขึ้น การลดราคาหรือทำให้คุณขายของได้กำไรมากขึ้น คุณควรจะรักษาสถานะทางการตลาดให้ดีเพื่อให้คุณทำยังไงก็ได้ให้ขายได้เร็วที่สุด เพื่อการกักตุนสินค้าในจำนวนที่มากขึ้น จนได้ผลกำไรที่ดีขึ้นกว่าเดิม 

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น