วิธีสร้างรายได้เดือนละหลักแสน ก่อนอายุ 30 จากงานประจำ

เซลล์ร้อยล้านไม่เคยเขียนบทความทำนองนี้มาก่อนเลย เพราะผมเชื่อว่า “อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข” ที่ต่อให้คุณอายุแค่ 25 หรือ 20 แต่สร้างรายได้เกินหลักแสนบาทก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะประสบความสำเร็จ “ในระยะยาว”

ความสำเร็จจึงไม่ได้ถูกชี้วัดด้วยอายุ เต็มที่คุณก็แค่ได้รับคำชมว่าประสบความสำเร็จ (ระดับหนึ่ง) เมื่ออายุยังน้อยเท่านั้น ของจริงต้องมองกันยาวๆ และในความเป็นจริงนั้น ผมยังไม่เห็นมหาเศรษฐีชื่อดังในเมืองไทยเลิกทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะพวกเขาเชื่อว่าความประมาทเป็นหนทางสู่หายนะ วันนี้รวย แต่วันหน้าอาจจะไม่รวยก็ได้

ช่วงนี้ผมเห็นบทความทำนองในนี้พันทิป (Pantip.com) อยู่บ่อยๆ จึงคิดว่าลองเขียนเป็นวิธีทำ (How-To) ในแบบฉบับของผมจากประสบการณ์จริงก็ดีเหมือนกัน คงเป็นประโยชน์กับคนทำงาน โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิศอย่างเราๆ ที่อยู่ในตลาดงานแบบองค์กร (Enterprise) ได้ไม่มากก็น้อย

มาดูวิธีการของผมกันครับว่าผมทำได้อย่างไรถึงสร้างรายได้ (เฉพาะเงินเดือนก็มากกว่า 200,000 บาท) ก่อนอายุ 31 ปี (เกิน 30 มา 1 ปีละกันเนอะ) ถ้าคนอย่างผมทำได้ คุณแค่ดำเนินตามวิธีการของผม คุณก็ทำได้เช่นกันครับ


1. เลือกทำงานบริษัทชื่อดังในสายงาน (ถ้าเป็นไปได้)

ไม่ผิดที่คนไม่ได้บ้านรวยหรือมีต้นทุนที่ดีมาก่อนอย่างคุณจะเลือกมองหางานเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและสร้างความมั่นคงในชีวิตขั้นแรก การเลือกทำงานกับบริษัทชื่อดังย่อมทำให้คุณได้เปรียบในตลอดอายุการทำงานเลยก็ว่าได้ นอกจากได้เงินเดือนในระดับหนึ่งแล้ว คุณยังได้ “ประสบการณ์” ชีวิตและธุรกิจที่มหาลัยไม่มีสอน ถือว่าเป็นโรงเรียนฝึกวิชาธุรกิจที่ได้เรียนแล้วยังได้เงินอีกด้วย ถ้าคุณเป็นแค่เด็กจบใหม่ วุฒิจากมหาลัยดังและเกรดทีดีอาจจะทำให้คุณได้เปรียบกว่าตัวเลือกอื่น แต่คนที่จบยูไม่ดัง เกรดน้อย ก็อย่าเสียใจไป (ผมเองก็เกรดน้อยครับ) การฝึกนำเสนอตัวเองและพัฒนาด้านบุคลิกภาพกับทักษะการสัมภาษณ์งานก็จะทำให้คุณมีแต้มของตัวเลือกมากขึ้น

หรือต่อให้ ณ ตอนนี้คุณทำงานอยู่กับบริษัทเล็กๆ ที่ไม่ดัง เงินเดือนหรือการเติบโตก็งั้นๆ การมองหาตัวเลือกที่เป็นบริษัทชื่อดังก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิดแต่อย่างใด จงทำรายชื่อบริษัทชั้นนำ ไล่ตั้งแต่บริษัทข้ามชาติระดับโลก บริษัทมหาชนจำกัด บริษัทที่มีชื่อเสียง บริษัทที่มีขนาดใหญ่ไปหาเล็ก เพื่อเตรียมเรซูเม่ให้พร้อมและร่อนใบสมัครผ่านเว็บไซท์ของบริษัท หรือใช้ลิงก์อิน (LinkedIn) ทักไปหาหัวหน้าฝ่ายบุคคล (HR Manager) เพื่อขอโอกาสสมัครงานได้เลย คุณควรส่งใบสมัครไปซัก 100 บริษัทที่จัดอันดับมาแล้วด้วยซ้ำ เชื่อเถอะว่าโอกาสเพียงแค่ 1% (สมัคร 100 บริษัท รับคุณแค่บริษัทเดียว) ย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

บริษัทชั้นนำจะมีข้อได้เปรียบคือมีทีมงานที่มีขนาดใหญ่กว่า มีพนักงานเงินเดือนสูงๆ ตำแหน่งใหญ่โตให้คุณได้เรียนรู้งานจากพวกเขา มี “ระบบ” การทำงานที่ดีพร้อม โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติจากอเมริกาหรือญี่ปุ่น (ผมเองได้เรียนรู้ระบบการขายแบบมืออาชีพจากบริษัทอเมริกัน) มีเป้าหมายที่คุณต้องทำร่วมกับบริษัท บางธุรกิจมีมูลค่าสูงมากกว่าร้อยล้าน พันล้าน หรือหมื่นล้าน ซึ่งข้อได้เปรียบเหล่านี้จะทำให้คุณเก่งขึ้นและไม่มีใครมองเห็นธุรกิจแบบนี้เท่ากับคุณมาก่อน ประวัติการทำงานของคุณจะสวยมาก จงทำงานให้ดีและชีวิตคุณจะย้ายงานไปที่ไหนก็ได้

2. เลือกทำงานในสายงานขาย

งานขาย (Sales) เป็นงานที่คนในตลาดงานแทบทุกคนในปัจจุบันมักบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นอาชีพที่ทำมากได้มาก” ซึ่งก็ถูกแล้วล่ะครับ ถ้าไม่นับอาชีพที่จบมาด้วยวุฒิปริญญาพิเศษ เช่น แพทย์ ผู้พิพากษา นักบิน ฯลฯ อาชีพนักขายถือว่าเป็นอาชีพที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเมื่อเทียบกับประสบการณ์การทำงานของอาชีพอื่นเลยก็ว่าได้ ยิ่งถ้าคุณเลือกบริษัทที่ต้องดำเนินธุรกิจการขายแบบองค์กร (B2B) เช่น ธุรกิจไอทีขนาดใหญ่ ธุรกิจด้านการตลาด ธุรกิจโครงการก่อสร้าง ฯลฯ ย่อมมีผลประโยชน์กับผลกำไรมหาศาลที่จะแปรเป็น “เงินค่าคอมมิชชั่น” ให้คุณได้เก็บเกี่ยว เรียกได้ว่าคุณจะได้รับผลประโยชน์ราวกับเป็น “ผู้ถือหุ้น” บริษัทคนนึงเลยก็ว่าได้

และถ้าบวกกับสมการที่คุณเลือกทำงานกับบริษัทชื่อดัง ถ้าพอร์ทตัวเลขของคุณนั้นยอดเยี่ยม มีลูกค้าอยู่เต็มมือ มีเรื่องเล่าความสำเร็จ (Success Story) ระดับสุดยอด คุณจะกลายเป็นนักขายที่บริษัทไหนก็ต้องการตัว เปย์ค่าเหนื่อยทะลุ 200,000-300,000 บาทได้ไม่ยาก (ไม่นับค่าคอมฯ) นอกจากนี้คุณยังเห็น “วงจรธุรกิจ” (Business Cycle) แทบจะครบทั้งวงจร ไล่ตั้งแต่ราคาทุน สินค้า ลูกค้า กระบวนการขาย การติดตั้ง การส่งมอบ การเก็บเงิน การดูแลหลังการขาย ฯลฯ ซึ่งวงจรเหล่านี้จะทำให้คุณเรียนรู้ทักษะการเป็นเจ้าของกิจการ (Entrepreneurship) ทำให้คุณออกไปตั้งตัวเปิดบริษัทได้ไม่ยากแถมไม่ต้องใช้ทุนเยอะด้วยซ้ำ

แต่การเลือกสินค้าหรือกลุ่มธุรกิจที่จะขายก็สำคัญไม่แพ้กัน งานขายที่ยอดเยี่ยมควรเป็นธุรกิจที่กำลังเป็นขาขึ้นในตลาด เช่นในยุคนี้ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มไอที การตลาดออนไลน์ สื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ สตาร์ทอัพ เป็นต้น ซึ่งสวนทางกับธุรกิจขาลงเช่นกลุ่มโฆษณาทีวี นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ที่นับวันมีแต่จะแย่ลง นักขายที่ดีจะต้องอ่านแนวโน้มธุรกิจให้ออก มิเช่นนั้นคุณก็จะรู้สึกว่าทำไมคุณเป็นท็อปเซลล์ของวงการนี้ แต่ค่าตอบแทนกลับแย่กว่าท็อปเซลล์ของอีกกลุ่มธุรกิจหนึ่ง เหตุผลก็เพราะคุณอยู่ผิดกลุ่มธุรกิจนั่นเองครับ

3. ย้ายงานทุกๆ 2-3 ปี

คุณทราบหรือไม่ว่าอาชีพนักขายเป็นอาชีพที่ต่อให้คุณย้ายงานซัก 10 ที่ แต่เป็นท็อปเซลล์ทุกที่ ค่าตัวของคุณก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตามบริษัทที่ยอมเปย์ค่าเหนื่อยให้คุณ คล้ายกับกองหน้าระดับโลกที่อยู่ทีมไหนก็ยิงกระจาย จงพัฒนาฝีมือการขายให้อยู่ในจุดนั้นให้ได้ แล้วเริ่มย้ายงานทุกๆ 2-3 ปี กำลังดี ในบริษัทชั้นนำระดับเดียวกันหรือสูงกว่า ผลงานที่ผ่านมาจะทำให้คุณ “เรียกค่าตัว” ได้สูงกว่า 50% ของเงินเดือนปัจจุบัน เผลอๆ เรียก 2 เท่าก็มีคนยอมจ่าย อาชีพนักขายเป็นอาชีพที่ CEO หลายๆ บริษัทยอมจ่ายค่าเหนื่อยหลักแสน เพราะพวกเขารู้ว่าคุณสามารถหาผลประโยชน์ให้พวกเขาได้เป็นสิบเท่าร้อยเท่า การเรียกเงินเดือนให้เกินแสนก่อนอายุ 30 จึงเป็นของกล้วยๆ (ถ้าคุณมีฝีมือมากพอ)

4. เลือกทำงานกับบริษัทสตาร์ทอัพที่สามารถระดมทุนได้หลายล้านเหรียญ

บริษัทสตาร์ทอัพ เป็นบริษัทที่ได้เงินทุนแบบก้าวกระโดดจากนายทุนโดยที่ไม่มีภาระผูกพันธ์กับธนาคาร บางธุรกิจมีเงินอัดฉีดทันทีมากกว่าร้อยล้านพันล้านบาท ภายในเวลาไม่กี่ปี ทำให้พวกเขาต้องใช้เงินในการจ้างพนักงานเพื่อให้บริษัทเติบโตถึงขีดสุดโดยเร็วที่สุด คุณจึงเห็นบริษัทอย่าง Grab, Uber, Shopee ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็ดังระดับประเทศได้แล้ว โตไวมาก พัฒนาตัวเองตลอด เหตุเพราะพวกเขามีเงินอัดฉีดนี่แหละครับ แถมยังมีพนักงานตัวเทพที่พวกเขาสู้ค่าเหนื่อยได้ทันที ไม่ต้องระวังเพดานค่าเหนื่อยของตนเองสะเทือนแบบบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงยาวนานในบ้านเราที่การจ้างเด็กจบใหม่ตัวเทพด้วยค่าเหนื่อย 50,000 อัพ คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก

แต่บริษัทสตาร์ทอัพจะไม่สนใจเรื่องแบบนั้น พวกเขาไม่แคร์เรื่องเพดานค่าเหนื่อยเพราะเป้าหมายคือการทำให้บริษัทเติบโตเร็วจนมีการลงทุนเพิ่มหรือผลักดันบริษัทเข้าตลาดหุ้นให้ได้ การใช้เงินจ้างพนักงานตัวเทพด้วยค่าเหนื่อยที่แพงระยับจึงเป็นโอกาสสำหรับคุณ ข้อแม้ก็เหมือนเดิมคือคุณต้องเทพมากพอ อายุแค่ไหนก็ไม่สำคัญ ขอให้เก่งและมีผลงานที่จับต้องได้จริง การทำงานกับบริษัทสตาร์ทอัพจากการผ่านงานบริษัทข้ามชาติ มีโปรไฟล์ที่ดี อายุไม่มาก จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้คุณกลายเป็นพนักงานค่าตัวหลักแสนทั้งๆ ที่อายุไม่ถึง 30 ได้


นี่คือประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองที่อยากจะแชร์และผมเชื่อว่าพวกคุณต้องทำได้อย่างแน่นอน การเลือกสายงานขาย ต่อให้ฐานเงินเดือนไม่ถึงแสนแต่ถ้าคุณขายของได้ดี ค่าคอมหลักแสนต่อเดือน หลักล้านต่อปีก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถอย่างแน่นอนครับ

Leave your vote

-1 points
Upvote Downvote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น