วิธีสร้างตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์สินค้าที่น่าซื้อ

ถ้าพูดถึงนักขายให้เปรียบเสมือนกับแบรนด์สินค้าชิ้นนึง คุณคิดว่าภาพลักษณ์ของอาชีพนักขายน่าจะมีแบรนด์ที่บ่งบอกถึงอาชีพนี้ว่าอย่างไรบ้างครับ

อาจจะโดนเปรียบเทียบกับแบรนด์ “น้ำยาเพิ่มประสิทธิภาพรถยนต์” ยี่ห้อนึงที่เป็นข่าวดัง (ในด้านลบ) ว่าประสิทธิภาพไม่เห็นทำได้อย่างที่โม้ไว้เลย แถมซื้อไปใช้แล้วทำให้รถพังอีกต่างหาก ดูไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่นิดเดียวก็เป็นได้

ลองคิดดูสิครับว่าถ้านักขายท่านนั้นกลายเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถืออย่าง “Apple” ซึ่งขึ้นชื่อว่าใช้งานง่าย “Mercedes-Benz” ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีภาพลักษณ์ที่ดี หรือ “สินมั่นคงประกันภัย” ที่มีสโลแกนว่า “มาเร็ว เคลมเร็ว ซ่อมเร็ว”

ถ้าคุณกลายเป็นสินค้าที่มีแบรนด์ โดยที่ลูกค้านึกถึงคุณแล้วก็พบว่าเจอแต่ข้อดีทั้งหมด ผมเชื่อว่ายอดขายจะไหลเข้ากระเป๋าคุณแบบไม่หยุดเลยล่ะครับ

มาดูวิธีสร้างแบรนด์ที่ดีสำหรับนักขายเช่นคุณกันดีกว่า

1. มีทัศนคติที่เป็นบวกกับการรักษาบุคลิกภาพให้ดูดีและมีความเป็นมืออาชีพเสมอ

ทัศนคติที่ดีจะส่งผลไปถึงการกระทำ ผมอยากให้คุณลองนึกถึงบุคลิกภาพของผู้บริหารที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว CP คุณทักษิณ ชินวัตร คุณนวลพรรณ ล่ำซำ ฯลฯ ซึ่งหลายๆ ท่านจะมีการวางตัวที่ดี ไม่ว่าจะเป็นทั้งคำพูดและการกระทำ ถึงขนาดต้องมีโค้ชที่คอยดูแลภาพลักษณ์ให้มีความเป็นมืออาชีพอยู่ตลอดเวลา เพราะพวกเขารู้ดีว่าคำพูดและการกระทำจะส่งผลไปถึงธุรกิจอย่างมาก เพราะสิ่งนั้นหมายถึงความน่าเชื่อถือที่ประเมินค่าไม่ได้ คุณจำเป็นจะต้องคิดและทำเรื่องนี้แบบเดียวกับคนที่ประสบความสำเร็จ แล้วสิ่งนั้นจะค่อยๆ ฉายแววออกมาเป็นแบรนด์

2. แต่งตัว จัดแต่งทรงผมให้ดูดี ทุกที่ ทุกวัน ทุกเวลา 

เรื่องนี้ต้องขอย้ำให้เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับทุกคนเลยนะครับ ไม่เว้นแม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือแม้แต่ออกไปซื้อกับข้าวหน้าปากซอย อาจจะฟังดูเวอร์ แต่ใครจะรู้ว่าคุณอาจจะพบลูกค้านอกสถานที่โดยบังเอิญ หรือแม้แต่สาวๆ ที่คุณชื่นชอบ ซึ่งถ้าคุณแต่งตัวไม่พร้อมในช่วงเวลานั้นพอดีก็คงจะดูไม่ดีแน่ (ฮา)

การแต่งตัวและดูแลทรงผมให้ดูดี ไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะเวลางานเท่านั้น นอกเวลางานก็ยังไม่ควรเอาเสื้อออกนอกกางเกง พับแขนเสื้อ (อนุโลมให้ถอดไทด์ได้) คุณผู้หญิงจงหลีกเลี่ยงการ “ใส่รองเท้าแตะ” ทั้งในและนอกเวลางานเป็นอันขาด แม้แต่การเดินลงจากออฟฟิศไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนๆ ก็ห้ามทำ เพราะ “เล็บเท้า” ดำๆ ของคุณนั้นจะโผล่มาก เสียบุคลิกความเป็นนักขายมืออาชีพเป็นอย่างมาก

เวลาเสาร์ อาทิตย์ ก็เช่นเดียวกัน แม้แต่การออกไปเดินตลาดนัด ควรใส่กางเกงขายาวและรองเท้าผ้าใบ พยายามหลีกเลี่ยงรองเท้าแตะ กางเกงขาสั้น ไม่ใช่ว่าดูไม่ดีนะครับ แต่ผมอยากให้คุณฝึกเป็นวินัย ถ้าอยากดูดีและกลายเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือตลอดเวลา ยังไงก็ต้องลงมือทำนะครับ รองเท้าผ้าใบเก๋ๆ จะทำให้คุณดูดีมากขึ้นเลยล่ะ

คุณสามารถลงมือทำเรื่องนี้ได้เลย แล้วคุณจะพบกับผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ หลายๆ คนจะชื่นชมคุณในใจ ทั้งลูกค้า เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน จนถึงขนาดเดินเข้ามาชมคุณต่อหน้าเลยก็ว่าได้ ถ้าถึงจุดนั้นให้เตรียมรับความยินดีได้เลยครับ เพราะว่าคุณกลายเป็นแบรนด์สินค้าที่ “แต่งตัวดีมีคลาส” นึกถึงนักขายคนนี้ก็จะเห็นภาพแห่งความดูดีขึ้นมาเลยล่ะครับ

3. ฝึกเรื่องการพูดให้มีความเป็นสุภาพบุรุษตลอดเวลา

คงไม่ต้องพูดให้มากความในเรื่องนี้ เพราะการพูดจาห่วยๆ กับลูกค้า เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน จะทำให้อนาคตการทำงานคุณดับวูบแน่นอน ดังนั้นจงรักษาการพูด โทนน้ำเสียง หางเสียง ให้มีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งคุยกับวินมอเตอร์ไซค์ นั่งแท็กซี่ สั่งกับข้าวกับป้าข้างทาง สั่งอาหารกับเด็กเสริฟ ฯลฯ คุณต้องหลีกเลี่ยงคำพูดที่ฟังดูลบๆ เช่นคำทักทายห่วยๆ บางประโยคอย่าง “ทำไมเธออ้วนจัง” “โสดนานแบบนี้เดี๋ยวก็ขึ้นคานหรอก” ฯลฯ จงพูดแบบมีหางเสียงทุกครั้ง ค่ะ ครับ ให้ชินปาก เวลามีใครทำอะไรดีๆ ให้ ให้พูดคำว่า “ขอบคุณ” ห้ามพูดคำว่า “ขอบใจนะ” เป็นอันขาด

ทำอะไรผิดพลาดให้ขอโทษทันที ไม่ต้องรอ ไม่ต้องกลัวเสียหน้าแต่อย่างใด จงพูดกับทุกคนในระดับเดียวกัน ให้ความสุภาพเท่าๆ กัน ไม่ว่าคนคนนั้นจะอยู่ต่ำชั้นกว่าคุณแค่ไหนก็ตาม เรื่องพวกนี้จะทำให้คุณฉายแววเป็นแบรนด์ที่พูดจาสุภาพ น่าเชื่อถือ น่าให้ความช่วยเหลือ ใครๆ ก็รัก เรียกได้ว่าได้ดีเพราะปากก็มิปาน

4. ฝึกเลียนแบบการกระทำและคำพูดจากไอดอลที่คุณชื่นชอบ

แนะนำให้เลียนแบบไปเลย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการพูด ความคิด การกระทำ การแต่งตัว จากคนที่คุณมองว่าพวกเขาเป็นไอดอล แนะนำให้เป็นคนใกล้ตัวในที่ทำงาน เช่น เจ้าของบริษัท เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน (ที่เป็นไอดอลคุณ) เพราะคุณจะมีโอกาสเห็นคำพูดและการกระทำของพวกเขาในทุกๆ วัน โดยเฉพาะกับบุคคลระดับเจ้าของบริษัทหรือผู้บริหาร ผมเชื่อว่ากว่าพวกเขาจะมาถึงจุดนี้ พวกเขาต้องผ่านการฝึกฝนให้ตนเองเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือมาอย่างหนักหน่วงและยาวนาน เรื่องนี้จะเป็นผลดีให้คุณสามารถลอกเลียนแบบคนที่สำเร็จ แล้วกลายเป็นแบรนด์ที่ใกล้เคียงกับไอดอลของคุณได้รวดเร็วขึ้นแน่นอน

5. จงทำงานและตอบสนองลูกค้าให้รวดเร็วราวสายฟ้าฟาด

ยึดมั่นเรื่องนี้เป็นสรณะเลยนะครับ หลังจากเข้าพบลูกค้าเรียบร้อยแล้ว จงปฎิบัติขั้นตอนต่อไปเพื่อให้ดีลมันคืบด้วยความรวดเร็ว เช่น ทำใบเสนอราคา ส่งข้อมูลต่างๆ ให้กับลูกค้า ให้รวดเร็วภายใน 1 วันเลยยิ่งดี เชื่อผมมั้ยครับว่าลูกค้าจะรู้สึกว่าคุณแตกต่าง จดจำคุณได้ในฐานะนักขายที่มีความรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ คุณจะกลายเป็นแบรนด์สินค้าที่ขับเคลื่อนด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมราวกับมอเตอร์ไซค์ “BMW S1000RR” ก็มิปาน จำไว้นะครับ ทุกเรื่องที่ลูกค้าร้องขอ จงลงมือทำให้เสร็จอย่างแม่นยำให้เร็วที่สุดเสมอ

6. จงเปลี่ยนจากการนำเสนอลูกค้าอยู่ฝ่ายเดียว มาเป็นการเลือกนำเสนอสิ่งที่ตรงกับลูกค้าที่สุดด้วยการถามคำถามที่ดี เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้า

เรื่องนี้จะทำให้คุณเปลี่ยนตัวเองจากแบรนด์นักพูด นักโม้ นักนำเสนอ มาเป็น “ที่ปรึกษา” ที่ลูกค้าไว้วางใจ เพียงแค่ลองเปลี่ยนจากการเริ่มพูดกับลูกค้าก่อน มาเป็นฝ่ายถามคำถามเพื่อหาความต้องการและสร้างความต้องการให้เกิดขึ้น จากนั้นให้นำเสนอสิ่งที่ตรงกับพวกเขามากที่สุด เพียงเท่านี้คุณก็พลิกเกมมาเป็นฝ่ายให้คำปรึกษากับลูกค้าได้แล้วครับ คุณจะกลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าไว้วางใจมากขึ้นทันที

7. ฝึกการบริหารเสน่ห์ โดยเฉพาะกับเพศตรงข้ามเพื่อให้คนอื่นชื่นชอบคุณ

เสน่ห์ง่ายๆ ที่ดูดีก็คือการพูดจาดี วางตัวดี ไม่นินทาว่าร้ายคนอื่น เมื่อเห็นผู้อื่นมีปัญหาแล้วไม่เหนือบ่ากว่าแรงของคุณ จงยื่นความช่วยเหลือโดยไม่ลังเล เช่น เปิดประตูให้ ถือของให้ พาไปส่งเวลากลับบ้าน (ถ้าคุณไม่มีเมียนะ ฮา) ดูแลเพื่อน ลูกค้า หัวหน้า เวลาเมา โดยที่คุณไม่เมา ฯลฯ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ของคุณเป็นอย่างมาก จงให้เกียรติผู้อื่นเสมอ อย่าคิดดูถูกคนอื่นแม้แต่ในใจเด็ดขาด เวลาทีมมีปัญหา จงออกหน้ารับผิดชอบแล้วรีบแก้ปัญหาเพื่อให้งานนั้นเดินหน้าไปได้ คุณจะกลายเป็นแบรนด์แห่งความมีเสน่ห์และเป็นผู้นำด้วยครับ

8. จงรักษาคำพูด อย่ารับปากสั่วๆ และระวังเรื่องการรับปากให้มากที่สุด

กับลูกค้านี่ต้องทำอยู่แล้ว แต่ขอเตือนแม้แต่เรื่องทั่วๆ ไปด้วยนะครับ บางทีเรื่องง่ายๆ เช่น คุณรับปากเพื่อนว่าจะไปเจอกัน แต่ดันเบี้ยว เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนเลยไม่รักษาคำพูด อย่างนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ คุณจะกลายเป็นแบรนด์ที่ไม่ดี ดังนั้น ก่อนตบปากรับคำใครก็ตาม จงคิดก่อนเสมอว่าทำได้จริงหรือไม่ ถ้าทำไมไ่ด้ให้ปฎิเสธไปเลย ไม่มีใครว่าคุณหรอก ยิ่งถ้าเป็นใหญ่เป็นโต คำพูดนั้นสำคัญมาก รับปากอะไรแล้วต้องทำให้ได้ ไม่งั้นคุณจะกลายเป็นแบรนด์จอมตอแหลทันที แต่ถ้าทำได้ทั้งหมด คุณจะกลายเป็นสุดยอดแบรนด์ที่ทุกคนอยากเข้าหาครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ชีวิตของคุณก้าวกระโดดไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะครับ จะทำอะไรก็มีแต่คนชื่นชอบ อยากทำการค้า อยากเอาผลประโยชน์มาให้ด้วยความจริงใจ คุณสามารถลงมือทำได้ง่ายๆ นิดเดียวครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น