เทคนิคการขายให้ขายดี สำหรับแม่ค้าออนไลน์แบบมืออาชีพ

บทความนี้ถูกเขียนขึ้นจาก “เสียงเรียกร้อง” ของบรรดามิตรรักแฟนเพจเซลล์ร้อยล้านที่ทำมาค้าขายในรูปแบบ “แม่ค้าออนไลน์” ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเองจะเน้นวิธีการขายกับธุรกิจแบบองค์กร (B2B) เป็นหลัก ช่วงนี้ใกล้สิ้นปีแล้ว หลายบริษัทเริ่มนั่งอู้งานกันแล้ว (ฮา) ผมจึงขอพักเรื่องราวการขายแบบองค์กรเอาไว้ก่อนนะครับ

หลายๆ ท่านอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าเซลล์ร้อยล้านก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับคลินิกเสริมความงามเช่นกัน ซึ่งยอดขายมากกว่า 80% มาจากการทำโฆษณาและการตลาดบนโลกออนไลน์ พร้อมกับต้องนำเสนอและเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในไลน์แอด (Line@) และเฟซบุ้ค เป็นหลัก

ผมจึงได้เรียนรู้จากการขายแบบ “ถึงลูกถึงคน” หรือการขายแบบทั่วไป (B2C) และได้นำทักษะการขายแบบมืออาชีพจากการทำงานแบบองค์กรมาประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดี และได้สั่งสมประสบการณ์มานานถึง 3 ปีเต็ม

ถึงเวลานี้ก็พร้อมแล้วสำหรับพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ที่กำลังรอบทความนี้อย่างใจจดใจจ่อ ขอบอกเลยครับว่าเทคนิคที่ได้จากการทำธุรกิจแบบองค์กร สามารถทำให้คุณได้นำมาใช้แบบ “ปอกกล้วยเข้าปาก” แถมได้ยอดขายจริงเพิ่มขึ้นอย่างได้ผลเลยล่ะครับ

1. เน้นไปที่กิจกรรมทางด้านการตลาด (Marketing Activity)

ธุรกิจแม่ค้าออนไลน์ทุกชนิด จัดอยู่ในประเภทธุรกิจที่ตั้งใจขายให้กับผู้บริโภคทั่วไป (B2C) ซึ่งมีความแตกต่างกับ B2B กล่าวคือ B2C ต้องใช้ “กิจกรรมด้านการตลาด” (Marketing Activity) เช่น การทำโฆษณาบนเฟซบุ้คหรือไลน์ การยิงโฆษณา (Ads Sponsor) การสร้างเว็บไซต์ร้านค้า การซื้อบริการจากกูเกิ้ลแอดเวิร์ดและการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ร้านค้าของคุณขึ้นหน้าแรก (Google AdWord) เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะแตกต่างกับธุรกิจ B2B ที่บางธุรกิจแทบไม่ต้องการตลาดเลย ใช้เพียงแค่ “นักขาย” ที่เข้าไปหาลูกค้าอย่างเดียวก็สามารถหายอดขายได้ เพราะจำนวนลูกค้าที่ซื้อได้ (Prospect) มีจำนวนจำกัดกว่าธุรกิจ B2C มาก

เมื่อคุณทราบถึงสิ่งที่จะทำให้คุณมียอดขายและมีลูกค้าวิ่งเข้ามาหาคุณได้ด้วยการตลาด คุณจึงจำเป็นต้องเตรียม “งบประมาณ” ด้านการตลาดให้พร้อม และคุณจะต้องทำใจว่าจะต้องเสียเงินหรือไม่ก็ลงแรงก่อนที่จะได้เงินด้วยซ้ำ มองแบบหยาบๆ ก็คือยิ่งคุณมีต้นทุนหรือหน้าตักในการทำการตลาดมาก คุณก็ย่อมมีโอกาสได้ยอดขายเร็วขึ้น คืนทุนไวขึ้น ถ้าการตลาดที่คุณทำนั้นได้ผล ไม่เชื่อให้คุณดูการตลาดของแบรนด์สเนลไวท์ (Snail White) ดูก็ได้ครับ ที่ขายดีและขายไวส่วนหนึ่งก็เพราะการตลาดที่จ้างดาราดังและทุ่มเงินมหาศาล ถ้าไม่มีความรู้และไม่อยากเสียเงิน จงเรียนฟรีตามบทความในเว็บไซต์หรือในยูทูป และเริ่มลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเองก่อน

2. โต้ตอบลูกค้าให้ไวตามกฎเมจิก นัมเบอร์ (Magic Number) ภายใน 30 วินาที

เมจิกนัมเบอร์หรือ “ตัวเลขมหัศจรรย์” เป็นสิ่งที่ผมคิดขึ้นเองครับ ตัวเลขนี้หมายถึงคุณจะต้องตอบกลับลูกค้าที่พวกเขากำลังเอาเงินมาให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นการทักผ่านไลน์ เฟซบุ้ค กล่องข้อความ (Inbox) ไอจี (Instragram) ฯลฯ เพื่อแสดงความสนใจ คุณจะต้องตอบกลับพวกเขาภายใน “30 วินาที” ทุกกรณี เพราะผลวิจัยจากตัวผมเองพบว่าเมื่อคุณตอบช้ามากกว่านั้น

นอกจากลูกค้าจะเริ่มหมดความต้องการซื้อลงไปเรื่อยๆ พวกเขาอาจหันไปมองหาตัวเลือกอื่น ซึ่งก็คือคู่แข่งที่ขายสินค้าคล้ายกับคุณ กลายเป็นว่านอกจากจะเสียลูกค้าไปแล้ว คู่แข่งที่ตอบเร็วอาจได้เงินแบบงงๆ อีกด้วย ดังนั้น คุณต้องเฝ้ารอการติดต่อจากลูกค้าอย่าให้คลาดสายตาให้มากที่สุด (ถ้าเป็นไปได้) นะครับ ยังดีหน่อยที่มือถืออาจช่วยคุณพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น ถ้าลุกไปขี้เยี่ยวก็ยังมีเวลาคุยกับลูกค้าได้แน่นอนครับ (ฮา)

3. ดูตัวอย่างของแม่ค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จแล้วลองลงมือทำตาม

หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้อะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะการสร้างความร่ำรวย การศึกษาและลองลงมือทำตามแนวทางคนที่ประสบความสำเร็จคือสิ่งที่ง่ายที่สุดแล้ว ไล่ตั้งแต่การเข้าไปดูวิธีการดำเนินธุรกิจของแม่ค้าออนไลน์ตัวท็อป โดยเฉพาะสินค้าหรือบริการที่ใกล้เคียงกับคุณ เช่น แนวทางการโพสต์ข้อความขายของ การทำรูปต่างๆ โปรโมชั่นการขาย วิธีการสื่อสารของแม่ค้ากับลูกค้า เป็นต้น

แต่ไม่ใช่ “การก็อปปี้” เป็นอันขาดนะครับ นอกจากลูกค้าอาจจะ “จับโป๊ะ” คุณได้แล้ว คุณยังเสี่ยงต่อการโดนฟ้องร้องและขาดความน่าเชื่อถือจากลูกค้าขาประจำของแบรนด์นั้นๆ ได้ วิธีที่ดีกว่านั้นคือการประยุกต์ใช้และปรับปรุงให้เข้ากับ “แคแรคเตอร์” ของคุณนั่นเอง จงผสมผสานตัวตนของคุณเข้าไปด้วย และปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการให้ดีกว่า เพียงเท่านี้คุณก็สามารถสร้างความแตกต่างด้วยวิธีการที่รวดเร็วที่สุดแล้วล่ะครับ

4. ลองใช้วิธีการเขียนคอมเมนท์ที่สอดคล้องกับเรื่องราวดราม่าในโพสต์ดังๆ 

เนื่องจากยุคนี้การยิงโฆษณาถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น ใช้เงินมากกว่าเดิม เรียกได้ว่า “ยุคทอง” ของการขายของออนไลน์บนเฟซบุ้คเริ่มหมดลงเลยก็ว่าได้ แต่ไม่ต้องตกใจครับ มีวิธีที่ทำให้คุณไม่ต้องเสียโฆษณาซักบาท แถมยังได้ “การมีส่วนร่วม” (Engagement) ของผู้อ่านแบบง่ายๆ ด้วยวิธีการ “สอดแทรกมุกตลก” แบบขายของตามโพสต์ดราม่า โดยเฉพาะในเฟซบุ้คหรือไอจี (คล้ายกับวิธีฝากร้านไอจีดารา) ตัวอย่างเช่น

สินค้า: บริการรับจัดโต๊ะจีนนายบอลรับจัดนอกสถานที่

โพสต์ดราม่า: โต๊ะจีน600ล้าน! พรรค xxx ปิดอิมแพคฯ จัดคอนเสิร์ตนักร้องดัง ระดมทุนเข้าพรรคฯ ซึ่งมีคนกดไลค์กดแชร์เป็นพันเป็นหมื่นคอมเมนต์

การเขียนโฆษณาเชิงสอดคล้อง: “โต๊ะจีน 600 ล้านบาท อยากจัดดูบ้างแต่ชาตินี้คงไม่มีปัญญาจัด แพงเกินไปแถมยังไม่รู้เมนูด้วยว่ามีอะไรให้กินบ้าง แต่ไม่ต้องเสียใจ โต๊ะจีนนายบอลมีทางออกที่ราคาต่อโต๊ะเพียงแค่ 8,000 บาท จะช่วยให้คุณเอื้อมถึงและเซฟเงินได้ตั้งหลายร้อยล้านบาท 555+”

วิธีนี้เหนื่อยเพียงแค่คุณต้องซ้อมการคิดมุกที่สอดคล้องกับสถานการณ์ให้ออก หูไวตาไว ตามกระแสสังคมทั้งในเฟซบุ้คและไอจีหรือทวิตเตอร์ (Twitter) จากนั้นก็ออกแรงคอมเมนต์สไตล์นี้ให้ไว รับรองว่าคนที่แชร์ต่อหรือมาคอมเมนต์ทีหลังก็จะเห็นธุรกิจของคุณหลอกหลอนพวกเขาไปเรื่อยๆ แน่นอน

5. เลิกพึ่งพาช่องทางการขาย (Sales Channel) เพียงทางเดียว

ปกติแล้วแม่ค้ามือใหม่อาจรู้จักเครื่องมือช่วยทำมาหากินบนโลกออนไลน์ในยุคนี้แค่เฟซบุ้คหรือไลน์เพียงอย่างเดียว ขอบอกเลยว่ามันอาจจะไม่เพียงพอแล้วล่ะครับ จงศึกษาและลงมือสร้างร้านค้าออนไลน์ไม่ให้ถูกจำกัดอยู่แค่ไม่กี่ช่องทาง เช่น การสร้างไอจี สร้างทวิตเตอร์ สร้างเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ออกบูทหน้าร้านตามห้างหรือตลาดนัด ฯลฯ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายและเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าที่สิงอยู่ในโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ นอกจากเฟซบุ้คได้เห็นสินค้าของคุณด้วย ทำให้คุณได้ลูกค้ามากขึ้นและมียอดขายเพิ่มขึ้น อย่ามองข้ามและประมาทโลกออนไลน์เป็นอันขาด สมมติว่ากูเกิ้ลหรือเฟซบุ้คเจ๊ง ร้านค้าออนไลน์เกือบทั้งหมดก็แทบจะเจ๊ง ถูกไหมครับ?

6. อย่ามัวแต่ก้มหน้าก้มตาโพสต์ขายของเพียงอย่างเดียว 

ร้านค้าออนไลน์ที่ขายดี จะไม่สร้างร้านขึ้นมาเพื่อก้มหน้าก้มตาโพสต์ขายของเพียงอย่างเดียว เนื่องจากลูกค้าในยุคนี้ไม่ได้โง่ พวกเขาสามารถหาข้อมูลเปรียบเทียบสินค้าได้ด้วยตนเอง แถมยังง่ายแค่ปลายนิ้วเสียด้วย เพราะการโฆษณาหรือโพสต์แต่เรื่องหาเงินมากเกินไปอาจทำให้ลูกค้าที่ไม่ได้มีความต้องการเลยเบื่อหน่ายได้ แถมยังจะ “บล๊อก” เพจของคุณจนหมดโอกาสขายอีกต่อไปกับลูกค้ารายนั้นอีกด้วย

7. จงสร้างตัวตนด้วยการเป็นผู้เชี่ยวชาญสินค้าหรือบริการที่รู้จริงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือต่อลูกค้าด้วย

จงเป็นผู้ให้กับลูกค้าที่ไม่ใช่เรื่องโปรโมชั่นด้วยการ “แบ่งปันความรู้” จากสินค้าหรือบริการที่คุณเชี่ยวชาย เช่น คุณขายกระเป๋าออนไลน์ คุณต้องทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าคุณเป็นผู้ที่มีความรู้จริง ด้วยการแชร์เทคนิคการดูแลกระเป๋าหรือเลือกซื้อกระเป๋าสำหรับโอกาสต่างๆ เป็นต้น ลูกค้าจะยิ่งเชื่อถือคุณและมองว่าคุณเป็นที่ปรึกษาให้กับพวกเขาได้ ผลก็คือพวกเขาจะได้รับประสบการณ์ในการซื้อที่ดีตั้งแต่ก่อนซื้อด้วยซ้ำ เมื่อซื้อไปแล้วเมื่อใช้แล้วชอบ พวกเขาจะเป็นลูกค้า “ขาประจำ” กับคุณทันทีเลยล่ะครับ และนำเรื่องเหล่านี้ไปโพสต์ในเพจหรือเว็บไซต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ สัดส่วนก็คือ 6/4 หรือ 7/3 คือ ความรู้ 6 ส่วน โพสต์ขายของ 4 ส่วน เป็นต้นครับ

8. เข้าร่วมการอบรมสัมมนาเรื่องการตลาดออนไลน์จากกูรูระดับมืออาชีพอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อได้เงินแล้วก็จงอย่าหยุดที่จะ “ลงทุนกับตัวเอง” ด้วยการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะความรู้ด้านการตลาดออนไลน์และการขาย วิธีการที่ง่ายที่สุดคือเรียนจากกูรูที่เก่งจริง รู้จริง มีวิธีการสอนที่เข้าใจง่ายและพร้อมลงมือทำ ซึ่งคุณสามารถค้นหากูรูผู้มีชื่อเสียงหรือได้รับการการันตีง่ายอยู่แล้ว เพราะโลกออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว คุณจะค้นพบเทคนิคใหม่ๆ และมองเห็นโอกาสทางธุรกิจได้เหนือคู่แข่ง แถมยังเป็น “ทักษะติดตัว” ที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต

นี่คือเทคนิคการขายของอาชีพแม่ค้าออนไลน์ที่ผมได้กลั่นกรองออกมาให้คุณได้ลงมือทำ ขอบอกเลยว่าได้ผลและทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน สิ่งที่สำคัญคือวินัยกับความใฝ่รู้ ไล่ตามเทคโนโลยีให้ทัน คุณก็จะกลายเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จแล้วล่ะครับ 

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น