ทบทวนการขายของ 2020 ที่ผ่านมา

บทความนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการก้าวไปสู่ปี 2021 ไปพร้อมๆ กันกับกูนี่แหละเซลล์ร้อยล้านนะครับ เชื่อว่าปีนี้หลายๆ คนคงผ่านเหตุการณ์ต่างๆ นานา ซึ่งก็ต้องใช้คำว่า “สะบักสะบอม” กันแทบจะทุกคนและทุกธุรกิจเลยก็ว่าได้ คงมีธุรกิจไม่กี่ตัวที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากเรื่องของโควิดเส็งเคร็งอย่างที่รู้กัน

มาร่วมผ่านเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆ กันกับผมเลยครับว่าปี 2020 ที่ผ่านมานั้น พวกเขามีวิวัฒนาการด้านการขายอะไรกันบ้าง

1. ต้นปีก่อน Lockdown คือช่วงที่หอมหวานมากๆ สำหรับหลายๆ ธุรกิจ

นับตั้งแต่มกราคม 2020 ที่ผ่านมา เมืองไทยของเรายังมีบรรยากาศที่สดใสสำหรับการขายอยู่เลยครับ เพราะแทบไม่มีเรื่องโควิด แถมการเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศก็ยังลื่นไหล จนกระทั่งถึงตอนเดือนมีนาคม 2020 ที่เมืองไทยเริ่มมี Super Spreader แล้วก็ต้องมองหามาตรการ Lockdown เท่านั้นแหละ โลกของการขายที่ต้องเจอหน้าลูกค้านั้นแทบจะหยุดหมุนเลยทีเดียว

2. บรรยากาศการ Work from home และการติดต่อลูกค้าแบบออนไลน์ 100%

พอมาถึงช่วง Lockdown ที่ทุกคนต้องอยู่บ้านและแทบไม่มีใครเข้าออฟฟิศแล้วนั้น การขายแบบเจอหน้าโดยเฉพาะ B2B และ B2C นั้นต้องปรับตัวแบบว่าจำเป็นต้องทำให้ได้ทุกคนนั่นคือการนัดประชุมลูกค้าผ่านโปรแกรมออนไลน์ เช่น Zoom, Google Hangout, Microsoft Team, etc. ทุกคนเริ่มปรับตัวได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ยังเปิดกล้องคุยกัน พอผ่านไปซักพักก็เริ่มปิดกล้องและนำเสนอผ่านการแชร์หน้าจอแทน ประชุมภายในเองก็เหมือนกัน แรกๆ เจ้านายสั่งให้เปิดกล้อง หลังๆ ปิดกล้องแล้วนอนกลิ้งบนโซฟาพร้อมกับประชุมไปด้วย (ฮา) แถมทุกคนก็สั่งข้าวออนไลน์กันแทบทั้งหมด นับว่าเป็นสิ่งใหม่ในชีวิตมากๆ

3. การขายที่ต้องพลิกจากออฟไลน์เป็นออนไลน์แบบหน้ามือเป็นหลังมือ

คือว่าเมื่อก่อนการขายออนไลน์ก็โตได้เรื่อยๆ แต่คนก็ยังนิยมไปซื้อจากหน้าร้านมากกว่าเพราะว่าได้จับและได้ลอง มีความมั่นใจมากกว่า แต่พอโควิดมาและต้องอยู่บ้าน ทุกคนพฤติกรรมเปลี่ยนแบบจำเป็นโดยสิ้นเชิงด้วยพฤติกรรมการซื้อจากออนไลน์หรือรูปแบบ Subscription ธุรกิจไหนที่มีระบบออนไลน์รองรับดีอยู่แล้วเช่น E-Commerce ของ Shopee, Lazada, JIB, etc. หรือมีระบบสั่งซื้อออนไลน์ก็จะสามารถปรับตัวได้ แต่ถ้าใครไม่ได้ทำเรื่องนี้และเน้นหน้าร้านอย่างเดียวก็แทบทรุด เช่น ธุรกิจความงาม ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจร้านอาหาร ฯลฯ

4. การโยกย้ายและลดจำนานพนักงาน

ผลกำไร ยอดขาย และต้นทุนคือเส้นเลือดสำคัญของธุรกิจ ยามที่ธุรกิจมีปัญหานั้น คุณคงหลีกเลี่ยงสัจธรรมไม่ได้ว่าองค์กรก็จะต้องลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าจ้างพนักงานซึ่งตัดออกได้ง่ายที่สุดเพื่อลดขนาดองค์กรให้เล็กลง สำหรับบางคนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีข่าวร้ายเรื่องการถูกเลิกจ้าง ไม่งั้นธุรกิจก็อยู่ไม่รอด พนักงานขายที่ยังอยู่กับระบบออฟไลน์ ต่อให้เจ๋งแค่ไหนแต่ค่าตัวสูงก็มีแนวโน้มว่าจะโดนลดเงินเดือนหรือโดนปลดอยู่ดี มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าปีที่แล้วคุณยังเจ๋งอยู่ดีๆ แต่ก็สามารถโดนปลดกลางอากาศได้แบบไม่รู้ตัว

5. ได้รับรู้สัจธรรมของชีวิตและอยู่กับสิ่งรอบตัวมากยิ่งขึ้น

ข่าวดีของปีนี้คือคุณน่าจะมีโอกาสใกล้ชิดครอบครัวหรือคนที่คุณรักมากที่สุด การทำงานที่บ้านเอื้อให้คุณได้รู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดในชีวิตก็คือบ้านของคุณเอง และคนที่คุณรักก็ได้อยู่กับคุณด้วยเวลาที่มากขึ้น บางทีคุณอาจจะเห็นด้วยว่าการใช้ชีวิตไม่ใช่แค่เรื่องหาเงินแต่อย่างเดียว แต่การอยู่รอดปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีกับมีงานทำต่างหากที่เป็นสิ่งที่อาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้ครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts