เรื่องที่คุณต้องรู้..เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย

ก่อนที่จะเขียนบทความนี้ ผมคำนึงเสมอว่าอาจจะมีผลกระทบกับนักธุรกิจเครือข่าย ผมขอออกตัวว่ามีเจตนาเขียนขึ้นเพื่อให้ความรู้ในฐานะนักขายคนหนึ่งกับผู้ที่กำลังทำธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing) กับธุรกิจขายตรงแบบลำดับขั้น (Multi-Level Marketing:MLM) เพื่อให้พวกคุณนั้นประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นและถูกวิธีมากขึ้น

อาชีพ ‘ขายตรง’ สำหรับผม นับว่าเป็นอีกงานขายที่น่านับถือเพราะว่าเป็นอาชีพที่ขายยากมากๆ ต้องใช้ระบบการอบรมทีมแบบเข้มข้น ต้องสร้างแรงจูงใจอยู่ตลอดเวลา งานขายอื่นๆ ถ้าคุณทำและอยากโทรไปเล่าให้เพื่อนคุณฟัง หรือขายเพื่อนคุณ อย่างน้อยที่สุดเพื่อนคุณก็ยังฟังคุณ แต่งานขายตรงนั้นยากกว่าเพราะเป็นงานขายที่คนฟังมีโอกาสปฎิเสธคุณมากที่สุดโดยที่คุณยังไม่ทันพูดเกี่ยวกับข้อดีเลยซักแอะ (ถ้าคุณทำอย่างผิดวิธี) ยิ่งถ้าคุณบอกว่าคุณขายตรงยี่ห้อ xxx เพื่อนคุณมีโอกาสปฎิเสธเจอหน้าคุณสูงมาก

ผมเขียนขึ้นจากความเห็นในฐานะที่เคยทำธุรกิจเครือข่ายตอนเรียนมหาลัยและตอนทำงานใหม่ๆ ซึ่งแน่นอน… ล้มเหลวไม่เป็นท่าเลยล่ะครับ (ฮาๆๆ..) ตอนนี้ผมเป็นนักธุรกิจที่ขายสินค้าแบบ B2B (Business-to-Business) เป็นหลัก จึงขอแชร์มุมมองของนักขายคนหนึ่งและจากประสบการณ์ของเพื่อนแอดมินที่มีทั้งนักขายตรงระดับเพชร ระดับแม่ทีม ระดับเริ่มต้น หรือระดับที่ทำมาสิบปียังไม่ถึงไหนก็มีครับ

1) จงขายแบบไม่ขาย

เมื่อคุณทำธุรกิจเครือข่าย สิ่งที่คุณควรทำคือเป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อนหรือคนรู้จักที่คุณต้องการขายสินค้าให้กับพวกเค้า เช่นถ้าสินค้าของคุณเป็นพวกอาหารเสริม สิ่งที่คุณควรทำตั้งแต่เริ่มต้นก่อนคือการมีสุขภาพและบุคลิกที่ดีเพื่อ ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสุขภาพโดยละเอียดเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

จากนั้นจงเริ่มเปิดการขายด้วยบทสนทนาที่เกี่ยวกับสุขภาพ ถามคำถามที่ดีเพื่อเก็บข้อมูลหรือรอให้ลูกค้าคายความลับที่ซ่อนอยู่ เช่นถามจนลูกค้าบอกว่ามีความกังวลเรื่องการนอนที่ไม่เพียงพอ สิ่งที่คุณต้องทำคือนำเสนอประโยชน์ของสิ่งที่คุณขายที่แก้ปัญหาเรื่องการนอนหลับของลูกค้าแค่นั้นเอง เนื้อๆ เน้นๆ คุณจะถูกยกระดับตัวเองจากเซลล์ขายของมาเป็นที่ปรึกษาทันที สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าเปิดใจกับคุณในขั้นตอนถัดไปง่ายขึ้น

2) จงอย่ามัวแต่หลับหูหลับตาโม้แต่เรื่องของสินค้ากับธุรกิจจนเกินงาม

ง่ายๆ เลยก็คืออย่ามัวแต่หลับหูหลับตานำเสนอสรรพคุณสินค้าอันสุดยอดของคุณ เพราะถ้าสรรพคุณเหล่านั้นไม่มีประโยชน์กับลูกค้าของคุณคุณก็หมดสิทธิ์ขายได้แถมยังทำให้ภาพลักษณ์คุณดูแย่จนกลายเป็นนักขายขี้โม้ ยิ่งถ้าคุณไม่เคยถามลูกค้าเลย มาถึงก็เปิดสไลด์เกี่ยวกับสินค้าและวิธีการสร้างรายได้มากเกินไป ลูกค้าก็ยิ่งจะวิ่งหนีคุณ

สิ่งที่คุณควรทำคือการตั้งคำถามและเข้าใจลูกค้าเสมอว่าไม่มีใครอยากถูกขาย ยิ่งในยุคนี้ลูกค้าชอบศึกษาสินค้าด้วยตนเองผ่านอินเทอร์เน็ต มันหมดยุคเปิดโฆษณากรอกหูหรือโม้สรรพคุณอันสุดยอดของสินค้าอย่างเดียวแล้วลูกค้าจะซื้อเลยครับ อาจจะมีบ้างแต่ผลลัพธ์มักจะไม่ดีเท่าที่ควร

3) จงอย่าหลอกผู้อื่นเรื่องจุดประสงค์ในการทำนัด

สิ่งนี้เป็นปัญหาและสร้างความผิดหวังโดยเฉพาะถ้าคุณชวนคนรู้จัก ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงที่ต้องการทำนัดแบบเจอหน้าเพื่อทำการเชิญชวนหรือเข้าไปขายสินค้า เนื่องจากการที่คุณซ่อนความจริงเอาไว้ เช่น คุณขอนัดเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้วบอกว่ามีเรื่องดีๆ จะมาเล่าให้ฟัง มากินกาแฟกันไหม พอมาเจอหน้ากันปรากฎว่าคุณเปิดไพ่และเชิญคนรู้จักคุณมาขายตรง หรือนัดกันแต่จริงๆ แล้วคุณลากเพื่อนคุณมางานสัมมนาซะงั้น สิ่งเหล่านี้มักสร้างความผิดหวังอย่างรุนแรงโดยที่คุณไม่รู้ตัว

มืออาชีพที่ดีควรนัดคนรู้จักเพื่อการสร้างความสัมพันธ์จริงๆ และควรตัดเรื่องสิ่งที่คุณทำออกไปก่อน ถึงแม้ว่ามันกำลังสร้างรายได้ให้คุณมากแค่ไหน หรือสินค้าเทพอย่างไรก็อย่าพึ่งพูด สิ่งที่คุณควรทำคือการสนทนาที่ดีที่มีคำถามง่ายๆ เพื่อรอให้เพื่อนคุณคายสิ่งที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณนำเสนอและตอบโจทย์เพื่อนคุณได้ ค่อยๆ พูด ไม่ต้องยัดเยียดทั้งหมด เพื่อนคุณจะเปิดใจฟังคุณมากขึ้น

4) จงอย่าหน้าเงินเกินเหตุ (สำคัญ)

ข้อนี้ผมขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ พวกคุณรู้ดีว่าธุรกิจเครือข่ายสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณ ยิ่งถ้าคุณสร้างทีมที่หาคนมาทำงานร่วมในสายงานของคุณได้เยอะๆ มีตัวเลขหมุนเวียนมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งรวยมากขึ้นเท่านั้น สิ่งนี้แหละครับที่เป็นจุดตาย เป็นหลุมพรางที่ทำใหตัวตนของคุณเปลี่ยนไป คุณต้องข่มความรู้สึกดีใจและอยากรวยจนเกินเหตุให้ดี อย่าอินกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป บอกตรงๆ เลยว่ามันไม่ง่ายเหมือนที่ปากพูดแน่นอนครับ (เพชรแอมเวย์ท่านหนึ่งบอกผมมา)

เพราะเมื่อเวลาที่คุณต้องไปชวนคนทำธุรกิจ หรือไปช่วยลูกทีมของคุณ แววตาคุณจะเป็นประกาย ดวงตาคุณจะมีรูปเงินขึ้นมาทั้งสองข้าง น้ำเสียงจะดูตื่นเต้น การพูดคุยของคุณจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการโน้มน้าวผู้มุ่งหวัง (Prospect) และโอ้อวดเกี่ยวกับความร่ำรวยจนเกินพอดี ทำให้เกิดความอึดอัด เริ่มปิดใจ ยิ่งถ้าคุณตื๊อหนักๆ คุณจะเสียลูกค้าคนนี้ไปตลอดกาล (แถมยังเอาคุณไปด่าให้คนอื่นอีก)

ถ้าปัจจุบันคุณยังไม่รวย ดูไม่ต่างกับสังคมของกลุ่มเพื่อนคุณมากนัก การพูดเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่เวอร์เกินไปจะลดความน่าเชื่อถือของคุณ (เพราะตัวคุณยังทำไม่ได้) และคุณต้องยอมรับความจริงที่่ว่าคนที่สำเร็จมีสัดส่วนที่น้อยกว่าคนที่ยังไม่สำเร็จ (ถึงระดับเพชร) มากครับ จงระวังเรื่องนี้ให้มากๆ นะครับ ละเอียดอ่อนมาก

5) จงอย่าพูดถึงอาชีพอื่นในเชิงลบ

ข้อนี้ควรระวังและจงอย่าทำทุกกรณี จงอย่าพูดถึงอาชีพอื่นในเชิงลบหรือข่มว่าธุรกิจของตัวเองนั้นคือที่สุด สร้างรายได้อย่างไม่มีขีดจำกัด หรืออะไรที่มันมากเกินพอดี 

เพราะคำพูดของคุณเหล่านี้มีโอกาสที่ทำให้คู่สนทนารู้สึกไม่ดีมากที่สุด เรียกได้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ พยายามอย่าโน้มน้าว ชักจูงเพื่อนหรือคนรู้จักของคุณด้วยการบลัฟอาชีพอื่นโดยเด็ดขาด ถ้ามีสัญญาณว่าลูกค้าเริ่มปิดใจ ให้รีบตัดบทและวางแผนตามในโอกาสต่อไปดีกว่าครับ

อาชีพนักขาย ถ้าสุจริต ผมคิดว่าแต่ละอาชีพนั้นดีหมดครับ อยู่ที่ความชอบไม่ชอบ ไม่มีใครสามารถบังคับใครให้มาชอบได้ อยู่ที่ตัวบุคคลครับว่าจะอินกับสิ่งที่คุณทำมากแค่ไหน ถ้าคุณทำธุรกิจเครือข่ายอยู่ จงเปิดใจรับสิ่งที่ผมแนะนำนะครับ ผมเขียนในฐานะบุคคลวงนอกที่พอจะแนะนำสิ่งที่ควรทำให้กับคุณได้ครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts

ใส่ความเห็น