ขายไม่ได้แล้วควรทำไงต่อดี

ขายไม่ได้แล้วควรทำไงต่อดี

เป็นธรรมดาที่จะโดนปฎิเสธ ต่อให้คุณมีสินค้าที่เจ๋งสุดขีดก็ไม่มีทางปิดการขายได้ตลอด ไม่เชื่อคุณดูเซลล์ขายของเทพๆ อย่างไอโฟน รถเบนซ์ แมคบุ๊ค หรือว่าเสื้อสูทที่มีงานตัดเย็บสุดเนี้ยบ ยังไงก็ต้องมีแน่ที่ลูกค้าไม่ซื้อแถมยังไปซื้อกับคู่แข่งเสียอีก

นักขายหลายๆ คนคงคิดว่ามันจบลงแล้ว แต่เปล่าเลยครับ จริงๆ การโดนปฎิเสธหรือขายไม่ได้กลับกลายเป็น “ขุมทรัพย์” ที่จะทำเงินให้คุณในอนาคต งงล่ะสิว่าทำไมลูกค้าไม่ซื้อแล้วถึงกลับมาเอาเงินให้คุณได้

สิ่งที่ผมจะบอกคุณต่อจากนี้จงจำเอาไว้ให้ดีและนำไปใช้ทุกครั้งเวลาขายไม่ได้หรือโดนปฎิเสธนะครับ

1. กระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าให้มากขึ้น

วิธีนี้เหมาะมากกับการขายแบบ B2B หรือขายสินค้าที่มีราคาสูง เช่น บ้าน รถ ที่ดิน ฯลฯ จงจำไว้ว่าอย่าหายหัวและคิดเสมอว่าคุณอุตส่าห์รู้จักพวกเขาแล้ว ทำไมไม่ขยับความสัมพันธ์จากแค่เซลล์แมนมาเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกับลูกค้า การสร้างความสัมพันธ์ซึ่งลูกค้าชอบเสมอถ้าคุณเอาอะไรดีๆ หรือเอาข่าวดีไปบอกพวกเขาบ่อยๆ มุกคลาสสิกที่นักขาย B2B ทำกันก็คือการขอเข้าเยี่ยมลูกค้าที่ถึงแม้จะไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร มุกเข้าเยี่ยมที่เพิ่มความสัมพันธ์มีดังนี้

– ซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ ไปฝากแล้วบอกว่าพอดีแวะมา

– เชิญลูกค้าไปทานข้าวเย็นพร้อมบอกว่ามีโซลูชั่นใหม่ๆ จะนำเสนอ

– นำกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จหลังจากที่ลูกค้ารายนี้ปฎิเสธไปแล้วและคุณได้ลูกค้าใหม่มาเล่าให้ฟัง

– เชิญลูกค้าไปทำกิจกรรมสันทนาการ เช่น ตีกอล์ฟ สังสรรค์ ฯลฯ

– เชิญลูกค้าร่วมงานสำคัญของบริษัท เช่น สัมมนาทางธุรกิจ งานเปิดตัวสินค้าใหม่ ฯลฯ ณ โรงแรมหรู

เชื่อเถอะว่าความรู้สึกของลูกค้าจะออกมาดีและเพิ่มโอกาสในการซื้อกับคุณใหม่อีกครั้งสำหรับโปรเจคถัดไปแน่นอน

2. ขอ Contact ลูกค้าที่สำคัญและใส่ไว้ในระบบ CRM หรือรายงานการขายเพื่อวางแผนติดตามงาน

วิธีง่ายๆ ก็คือการขอ Contact ติดต่อที่สำคัญอย่าง ชื่อ เบอร์โทร อีเมล์ ไลน์ เป็นต้น วิธีนี้ใช้ได้กับทุกธุรกิจทั้ง B2C และ B2C ตัวอย่างที่นักขายรถมืออาชีพทำกันก็คือการไม่ลืมขอชื่อ เบอร์โทร แม้ว่าลูกค้าจะแค่แวะมาลูบๆ คลำๆ รถตามห้าง จากนั้นก็เอามันไปใส่ใน CRM หรือรายงานการขายโดยบันทึกช่วงเวลาหรือ Action Plan ว่าจะโทรติดตามลูกค้าอีกทีเมื่อไหร่ เช่น เดือนหน้าจะโทรไปบอกโปรโมชั่นพิเศษเรื่องดอกเบี้ย อัพเดทสินค้าใหม่ เป็นต้น การติดตามงานแบบนี้จะทำให้ลูกค้าไม่ลืมหน้าคุณและเป็นการทำงานแบบมืออาชีพ ติดตามบ่อยๆ พร้อมข่าวดีแบบไม่ถี่และมีการวางแผนจะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าหันมาสนใจซื้อคุณหรือแนะนำคนอื่นมาซื้อและบอกว่าคุณติดตามงานดี

3. บอกลูกค้าเสมอว่าจะขอติดต่อกลับและถ้ามีโอกาสนำเสนอใหม่ก็ขอโอกาสอีกครั้ง

เป็นวิธีที่ซื่อตรงและมีความตรงไปตรงมาที่สุด นักขายคนจริงจะต้องกล้าขอโอกาสถ้ามั่นใจว่าสินค้าและบริการของคุณนั้นดีจริงๆ การบอกกล่าวลูกค้าเพื่อให้เขารับรู้จะทำให้เวลาโทรไปติดตามงานมีความลื่นไหล ลูกค้าไม่รู้สึกว่าคุณเป็นจอมตื๊อ ถ้าเป็นการขายแบบ B2B อีเมลจะมีความสำคัญมากเพราะสามารถใช้ส่งข้อความหรือแนบไฟล์ที่น่าสนใจเข้าไปให้ลูกค้าเห็นบ่อยๆ เดี๋ยวพอถึงเวลาลูกค้าก็นึกถึงคุณและเปิดโอกาสให้คุณกลับมาขายใหม่เองครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts