เคล็ดลับเด็ดๆ ในการเขียนอีเมล์ตามงานลูกค้า (และให้พวกเขาตอบกลับ)
อีเมล์เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญสำหรับการทำธุรกิจแบบ B2B เลยก็ว่าได้ หรือแม้แต่ B2C ก็จำเป็นจะต้องมีอีเมล์ส่งหาลูกค้าเพื่อให้มี “ลายลักษณ์อักษร” หรือหลักฐานสำหรับธุรกรรมทางธุรกิจ
สาเหตุที่ธุรกิจแบบ B2B ต้องใช้อีเมล์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสื่อสารก็เพราะว่ามันมีความเป็นทางการ สามารถแนบไฟล์สำคัญต่างๆ เช่น ใบเสนอราคา ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ฯลฯ และยังใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันธุรกรรมต่างๆ ที่มีความสำคัญได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ทุกครั้งที่คุณส่งอีเมล์หาลูกค้าก็ย่อมมีความคาดหวังว่าพวกเขาจะตอบกลับมาบ้างก็ยังดี ไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมล์ขอทำนัด การสอบถาม Feedback ต่างๆ หรือขอคอนเฟิร์มออเดอร์กับสเปคซึ่งมีความสำคัญ ไม่มีใครอยากให้การส่งเป็นแบบลมๆ แล้งๆ แน่
ผมจึงขอนำเสนอเคล็ดลับดีๆ ในการเขียนอีเมล์และหวังผลให้ลูกค้าตอบกลับมา เพื่อลดเวลาในการโทรติดตามงานลูกค้า ดังนี้ครับ
1. ถ้าต้องการให้ลูกค้าตอบรับนัด จงเสนอวันและเวลาเป็นตัวเลือกไปด้วย
นี่คือเทคนิคง่ายๆ ในการให้ลูกค้าตอบรับนัดคุณผ่านอีเมล์ ก็คือเวลาส่งเมล์ไปหาและแจ้งความจำนงว่าอยากเข้าพบด้วยอะไรก็ตามแต่ จงเขียนประโยคให้ลูกค้าพิจารณาวันนัดและจัดช่องไฟให้ดูอ่านและเลือกง่าย เช่น
ขอทำนัดเข้าพบลูกค้าด้วยเวลาดังต่อไปนี้ รบกวนพิจารณาด้วยครับ
– วันอังคาร 11 โมง
– วันศุกร์ บ่าย 2 โมง
– วันจันทร์หน้า 10 โมงเช้า
2. จงบอกข่าวดีเสมอเพื่อเพิ่มโอกาสในการตอบกลับมากยิ่งขึ้น
ข่าวดีที่เกี่ยวกับองค์กรและช่วยให้เกิดความน่าสนใจจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น
– มีสินค้าและบริการใหม่ล่าสุดและอยากจะเข้าไปนำเสนอ
– มีโปรโมชั่นใหม่ๆ สำหรับลูกค้าคนพิเศษ
– มีผลงานที่ประสบความสำเร็จและอยากพาลูกค้าไปเยี่ยมชมงานจริง
ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกค้ามากขึ้นเท่าไหร่ คุณยิ่งมีโอกาสได้รับอีเมล์ตอบกลับในทางที่ดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้นครับ
3. เขียนอีเมล์เพื่อถามความคิดเห็นลูกค้าไปตรงๆ หรือแทรกเข้าไปในประโยค
เป็นวิธีตั้งชื่ออีเมล์ให้มีความน่าสนใจ และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องปฎิบัติตาม (Call to Action) โดยไม่รู้ตัว เช่น
– ตั้งชื่ออีเมล์ว่าขอสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับโซลูชั่นใหม่ที่นำเสนอ
– ตั้งชื่ออีเมล์ว่าขอสอบถามผลการคัดเลือกผู้นำเสนอ
– ตั้งชื่ออีเมล์ว่าขอเข้าไปเคาะราคาสำหรับขั้นตอนการสั่งซื้อขั้นสุดท้าย
– ฯลฯ
Comments
0 comments
