วิธีสร้างสไลด์นำเสนอ Company Profile แบบมืออาชีพ

ใครที่ทำงานบริษัทและอยู่ฝ่ายขาย คุณคงคุ้นชินกับการใช้สไลด์นำเสนอเมื่อเจอลูกค้าครั้งแรกซึ่งคุณก็ต้องพกเอาไว้ประจำกายทุกครั้ง สไลด์ที่ว่านั้นก็คือ Company Profile ที่เอาไว้แนะนำลูกค้าว่าคุณทำอะไรและมีประโยชน์อย่างไร เพื่อให้ลูกค้ารู้จักคุณในภาพรวมภายในเวลาเฉลี่ย 1 ชั่วโมง

ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทมักจะมีสไลด์นำเสนอมายัดใส่มือคุณอยู่แล้ว โดยเฉพาะเหล่าบริษัทใหญ่และบริษัทระดับโลกที่จะไปแตะหรือปรับสไลด์นั้นต้องขออนุญาตหัวหน้ากันวุ่นวายเลยทีเดียว (ฮา) แต่ถ้าคุณดันไม่ได้อยู่บริษัทระดับนั้นและเป็นบริษัทเล็กๆ ที่เจ้าของทำสไลด์ (แบบกากๆ) เอาไว้ให้คุณใช้เรียบร้อยแล้ว

เจ้าของบริษัทก็คงจนปัญญาเหมือนกันเรื่องทำสไลด์ให้สวยงาม เข้าใจง่าย ลูกค้าดูแล้วรู้เรื่อง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคุณแล้วล่ะครับที่จะลุกขึ้นมาช่วยองค์กรให้มีสไลด์นำเสนอของบริษัทที่ได้มาตรฐานระดับโลก รับรองว่าคุณไม่ต้องไปทำกราฟฟิกอะไรให้มันยุ่งยากเลยล่ะครับ

1. คิดก่อนว่าจะนำเสนออะไรให้ลูกค้าดูและเข้าใจภายใน “5 นาที”

กฎสิบนาทีคือกฎที่ผมคิดขึ้นมาเอง คุณอาจจะคิดว่าอะไรวะ ตรูต้องนำเสนอโดยใช้เวลามากกว่านั้น สิ่งที่ผมจะบอกคือถ้าลูกค้าหรือคนอื่นลองมานั่งดูสไลด์ของคุณ พวกเขาสามารถเปิดอ่านผ่านๆ ไวๆ ภายใน 5 นาทีและพอรู้ว่าบริษัทคุณทำอะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อพวกเขา และมีผลงานที่น่าเชื่อถืออะไรบ้าง ดังนั้นไอเดียในการนำเสนอของคุณจะต้องมีเรื่องราวของบริษัท สิ่งที่คุณขายเช่นสินค้าและบริการ ประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ ผลงานที่ผ่านมา และที่เหลือก็ใส่น้ำกับผักชีโรยหน้าอีกนิดหน่อย (ฮา) เป็นต้น

2. ส่วนแรกที่ต้องมีคือ “Company Introduction”

คือการแนะนำว่าบริษัทของคุณมีความเป็นมาอย่างไร ทำอะไร ยิ่งใหญ่อลังการแค่ไหน ถือว่าเป็นสไลด์ที่คุณโชว์ได้เลยว่าบริษัทคุณเจ๋งแค่ไหน แต่อะไรๆ ที่มันมากไปก็ไม่ดี ผมแนะนำว่าสไลด์ที่เกี่ยวกับบริษัทก็ขอแค่ยัดข้อมูลไม่เกิน 3-5 หน้าก็พอครับ โดยต้องมีองค์ประกอบสำคัญที่ต้องใส่ไป ดังนี้

– ความเป็นมาของบริษัท 1 หน้า
– โครงสร้างของบริษัท เช่น จำนวนพนักงาน พร้อมกับรูปทีมงานแบบจัดเต็ม 1 หน้า
– รางวัลอันทรงเกียรติที่บริษัทเคยได้รับ 1 หน้า เช่น อยู่ในตลาดหุ้น รางวัลยอดเยี่ยมต่างๆ ฯลฯ

ส่วนพวกรูปคณะผู้บริหารอะไรงี้ไม่ต้องเอาลงนะครับ ขนาดสไลด์ของ Microsoft ยังไม่ต้องเอารูปบิลล์ เกตต์ ลงเลย 555

3. ส่วนต่อมาคือ “สินค้าและบริการ” รวมทั้งประโยชน์เจ๋งๆ ของสินค้า

เป็นเรื่องหลักๆ เลยว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ต่อหน้าลูกค้า คุณจึงเตรียมเนื้อหาเด็ดๆ ที่จะบอกว่าคุณทำอะไรและเจ๋งแค่ไหน วิธีการจัดเนื้อหาก็ไม่ยาก ซึ่งควรมีลำดับดังนี้

– สินค้าและบริการ ควรเอามาโชว์ทีเด็ดไม่เกิน 5 อย่าง แต่ถ้าสินค้าคุณมีเยอะมากและอยากเอามายัดใส่สไลด์ทั้งหมดก็ไม่ว่ากัน ซึ่งคุณควรคัดทีเด็ด Top 3 ที่เป็นสินค้าขายดี มีประโยชน์ เอามาไว้หน้าแรกๆ ก่อนแค่นั้นเอง
– รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าจะต้องมีคุณสมบัติ (Features) และที่สำคัญคือประโยชน์ (Benefits) ที่ต้องอธิบายด้วยประโยคเดียวจบแล้วเข้าใจง่าย

4. ผลงานเจ๋งๆ ที่ผ่านมา

หลังจากใส่ข้อมูลสินค้า บริการและประโยชน์เรียบร้อยแล้ว คุณต้องเอาเคสตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเคสที่ว่านั้นก็ไม่ยากด้วยการเอาเนื้อหาที่สอดคล้องกับสินค้าและบริการที่เป็นฮีโร่ของคุณ เนื้อหาสำคัญคือข้อมูลเชิงตัวเลข เช่น คุณทำให้ลูกค้าได้ผลกำไร ลดต้นทุน เป็นเปอร์เซ็นเท่าไหร่อะไรแบบนี้ หรือว่ามีรูปภาพประกอบคู่กับลูกค้าและเป็นผลงานของคุณ จากนั้นก็เอาโลโก้ลูกค้าที่เรียงลำดับตั้งแต่บริษัทระดับเทพไปเรื่อยๆ ครับ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts