|

ใครว่าการปฎิเสธลูกค้า ไม่ใช่เรื่องดี

จริงอยู่ครับที่อาชีพนักขายมักถูกหล่อหลอมให้เป็น “Mr.Yes” อยู่เป็นประจำ อารมณ์ประมาณ “ได้ครับพี่ ดีครับนาย ใช่ครับผม” โดยเฉพาะการพูดแบบนี้กับลูกค้า การไปขัดหรือ “ปฎิเสธ” ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามมักจะไม่ส่งผลดีต่อการขายของคุณ แต่จำไว้นะครับว่าการปฎิเสธลูกค้าในบ้างเรื่องก็ทำให้สถานการณ์การขายบางอย่างของคุณดีขึ้น มาดูกันเลยว่ามีอะไรที่คุณควรปฎิเสธกันบ้าง

1. กฎ 3 ข้อของการปฎิเสธลูกค้า

ข้อแรก: ถ้าลูกค้าไม่พอใจ จงอธิบายให้เคลียร์ว่าทำไมคุณถึงต้องปฎิเสธอย่างนุ่มนวล
ข้อสอง: ปฎิเสธโดยใช้น้ำเสียงเชิงบวก เลือกภาษาพูดให้มีความเป็นมืออาชีพและสุภาพ
ข้อสาม: เสนอทางเลือก (ถ้าเป็นไปได้)

2. คำขอส่วนลดที่มากเกินไป

ปฎิเสธได้เลยครับถ้าคุณมองว่าถูกต่อราคาจนแทบไม่เหลือกำไร ไม่มีนักธุรกิจหน้าโง่ที่ไหนยอมขายขาดทุนอย่างแน่นอนครับ ที่สำคัญคือไม่จำเป็นด้วย ยอมถอยแล้วไปขายรายอื่นดีกว่า

3. ลูกค้าไม่เคารพสัญญา

มีปัญหาอยู่มากสำหรับการซื้อขายที่เป็นโครงการขนาดใหญ่และมีกรอบอายุสัญญาที่ชัดเจน ถ้ามีทรงว่าถูกเอาเปรียบเรื่องสัญญา ไม่เคารพตามสัญญาซื้อขาย เรื่องแบบนี้ต้องปฎิเสธลูกเดียวถ้ารู้สึกว่า “การหยวน” มันเริ่มใช้ไม่ได้แล้ว ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเพื่อเตรียมพร้อมเรื่องการว่าไปตามกฎด้วย

4. ลูกค้าไม่มีความจริงใจ ถูกเอาเปรียบ

พูดหยาบๆ กว่านั้นก็คือมีทรงว่าจะโดนโกงนั่นแหละครับ การถูกเอาเปรียบในภาษาธุรกิจหมายความว่าคู่ค้าของคุณเริ่มคิดไม่ซื้อแล้ว ต่อให้สนิทกันมากแค่ไหนแต่เรื่องการทำธุรกิจมันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ผลประโยชน์ต้องมาก่อนเสมอ มีทรงว่าจะถูกโกงต้องรีบปฎิเสธแล้วถอยทันที ไม่ต้องทำธุรกิจต่อไปนะครับ

5. ลูกค้าจับคุณเป็นแค่คู่เทียบ

ต่อให้พวกเขาบลัฟว่างานนี้เป็นคู่เทียบไปก่อน แต่งานหน้าซื้อคุณแน่ ส่วนใหญ่มักเกิดกับโครงการขายงานราชการ อย่างที่บอกครับ เขาไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอะไร อย่างนี้มีทรงเหนื่อยฟรีและคุณก็จะมีประโยชน์อยู่แค่นั้นจริงๆ ครับ ปฎิเสธแล้วถอยไม่ต้องเสนอจะรักษาอำนาจต่อรองได้มากกว่า

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts