เหตุผลที่หน้าร้านต้องมีนักขายและยังไง AI ก็แทนที่ไม่ได้

ยุคนี้เป็นยุคออนไลน์แบบ 100% และที่สำคัญคือการซื้อขายอะไรก็ตามมักทำได้แบบอัตโนมัติโดยคุณสามารถโอนเงินหรือรับเงินทั้งๆ ที่ไม่ต้องเห็นหน้าคนขายได้เลยด้วยซ้ำ

อย่างนี้สงสัยธุรกิจที่มีหน้าร้าน เช่น ร้านขายนาฬิกา ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายต่างๆ นานา ก็คงไม่ต้องมีนักขายประจำร้านแล้วล่ะมั้ง อีกหน่อยเวลาไปเดินห้างก็สามารถลองแล้วสแกนจ่ายเงินได้เลย

ซึ่งอนาคตที่หลายๆ คนคิดว่าเป็นแบบนั้น ส่วนตัวผมขอเถียงขาดใจเลยล่ะครับ เพราะถึงแม้ว่าผมจะเป็นสุดยอดนักขายมากแค่ไหน เวลาไปเดินห้างที่ไรก็ยังคงโดนนักขายทำให้หัวใจละลายจนอยากซื้อได้อยู่ดี

เชื่อผมเถอะว่าคุณมีเหตุการณ์คล้ายๆ กับผมแน่นอนเวลาเดินไปดูของเฉยๆ ไม่ได้มีอารมณ์อยากซื้อเลย แค่มองดูผ่านๆ แต่พอมีนักขายมาคุยด้วยปรากฎว่ามีความต้องการซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ บางอย่างถ้าตังมีรับรองว่ารูดปรื๊ดๆ แน่นอน ที่สำคัญคือ AI ทำแบบนี้ไม่ได้ด้วย เพราะ

1. ควรมีนักขายประจำร้านเพราะพวกเขาทำให้ลูกค้าอยากซื้อมากขึ้น

นักขายมีหน้าที่แนะนำสินค้า เป็นที่ปรึกษาและปิดการขาย และสามารถบริการลูกค้าได้ดีกว่า AI ที่ไร้ชีวิตชีวาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่านักขายจะต้องมีความน่าเชื่อถือ เป็นผู้ฟังที่ดี มีหน้าที่บริการลูกค้า ทำให้ลูกค้าประทับใจ เดี๋ยวสินค้าจะทำหน้าที่ของมันให้เอง แล้วอย่างนี้ยอดขายจะไม่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร ที่สำคัญคือคนย่อมอยากคุยกับคนมากกว่าอยู่แล้ว

2. ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบการเอาอกเอาใจและถูกทำให้มีความสำคัญ

เป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่าใครๆ ก็ชอบการให้เกียรติ เอาอกเอาใจด้วยความจริงใจ ไม่เชื่อลองแต่งตัวห่วยๆ ไปซื้อของแล้วมีนักขายมาบริการคุณอย่างมืออาชีพดูสิครับ เชื่อเถอะว่าคุณเปิดใจให้พวกเขานำเสนอและมีโอกาสปิดการขายได้แน่นอน ส่วนคนแต่งตัวดีก็ยิ่งง่าย เพราะพวกเขาแต่งมาเพื่อบ่งบอกสถานะของตนเอง คนกลุ่มนี้มักชอบการถูกเอาใจเป็นพิเศษจนเป็นเรื่องปกติในชีวิตอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นคนมีเงิน

3. นักขายมีหน้าที่ทำให้ลูกค้าเข้าใจประโยชน์ของสินค้ามากยิ่งขึ้น

การขายที่ไม่สำเร็จมักมีสาเหตุสำคัญก็คือความไม่เข้าใจ ซึ่งส่วนใหญ่มักมีสาเหตุจากสินค้าประเภทที่มีคุณสมบัติมากมาย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ รถยนต์ เป็นต้น เนื่องจากคุณสมบัติบางอย่างที่ฟังแล้วเข้าใจยากหรือไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร ทำให้ลูกค้ายังลังเลที่จะซื้อ นักขายจะเข้ามาช่วยลูกค้าในเรื่องการอธิบายจากเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่ายมากขึ้น เพราะคนย่อมถ่ายทอดเป็นภาษาคนได้ดีกว่า แถมยังเร่งปิดการขายตามจังหวะได้ด้วย

4. ลูกค้าส่วนใหญ่มักมีความเกรงใจอยู่แล้ว

มีงานวิจัยที่บ่งบอกว่าคนที่สนใจหรือแค่ดูสินค้าเฉยๆ เวลามีนักขายมาคุยด้วยก็มักจะเกิดความเกรงใจ ยิ่งนักขายคุยดี แนะนำดี หรือฟังข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มรู้สึกว่าปฎิเสธพนักงานขายยากขึ้นๆ ถ้านักขายไม่ได้กดดันจนเกินไป โอกาสที่ลูกค้าจะขอถอนตัวและเลิกดูสินค้านั้นมียากมาก เผลอๆ ถ้าจ่ายไหว ลูกค้าอาจจะตัดสินใจซื้อเพราะเกรงใจพนักงานขายเลยด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นธุรกิจรับบริจาคเงินตามห้างก็คงอยู่ไม่ได้หรอกครับ

5. สามารถสร้างความประทับใจให้กลับมาซื้อได้ถึงแม้ว่าจะยังไม่ซื้อตอนแรก

มีหลายเหตุการณ์ที่ลูกค้าไม่ได้ซื้อก็จริง แต่พนักงานขายนี่แหละครับที่ทำให้พวกเขารู้จักสินค้าและเกิดความประทับใจ ที่สำคัญคือจะนึกถึงสินค้าชิ้นนั้นกับพนักงานขายคนที่บริการพวกเขาดีไปตลอด เหตุการณ์นี้จะสร้างโอกาสในการทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อได้ในที่สุด เพียงแต่นักขายจะต้องไม่ลืมขอเบอร์โทรศัพท์เอาไว้เพื่อติดต่อลูกค้าเป็นระยะๆ เทคนิคนี้ใช้ได้ดีมากกับสินค้าราคาแพง เช่น รถยนต์ บ้าน คอนโด ไม้กอล์ฟ แบรนด์เนม ฯลฯ

Leave your vote

Comments

0 comments

Similar Posts