เป็นนักขาย จะรวยได้ต้องทำอย่างไร

ผมมักพูดเสมอว่าอาชีพชนชั้นกลางที่ไม่นับพวกอาชีพพิเศษรายได้สูงอย่าง หมอ นักบิน ผู้พิพากษา โปรแกรมเมอร์อัจฉริยะ ก็ต้องบอกว่ายากมากๆ ที่จะทำงานประจำและรับรายได้หลักแสนหลักล้านจนสามารถออกไปตั้งตัวเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้

แต่ผมก็มักจะพูดเสมอว่ามีอาชีพๆ นึงที่เงินเดือนเริ่มต้นอาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่อาชีพนี้มีความเจ๋งอยู่อย่างนึงก็คือ “ทุกคนสามารถแซงกันได้” ขอให้มีฝีมือที่เจ๋งจริง แถมยังเป็นใหญ่เป็นโตได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย อาชีพที่ว่านั่นก็คือ “อาชีพนักขาย” นี่แหละครับ

บอกได้เลยว่าอาชีพนี้นำพาคุณให้ประสบความสำเร็จและร่ำรวยได้เลย เป็นนักขายทั้งทีก็ควรทำงานอย่างถูกวิธีและตั้งเป้าหมายให้ไกลๆ มาดูกันว่าทำยังไงคุณถึงจะเข้าใกล้คำว่าร่ำรวยอย่างยั่งยืนจากผมกันเลยครับ เพราะผมเองก็เป็นคนจนมาก่อน มีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็เพราะการวางรากฐานที่ดีนี่แหละครับ

1. เป็นท็อปเซลล์ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก

เวลาไปทำงานที่ไหนต้องตั้งเป้าหมายเอาไว้เสมอว่าคุณจะเป็นสุดยอดดาวซัลโวประจำบริษัทให้ได้ และที่สำคัญคือต้องติดทำเนียบท็อปเซลล์ภายใน 1-2 ปีด้วย แค่เป็นท็อปยังไม่พอ คุณต้องรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้อย่างถูกวิธี และไม่ว่าจะย้ายไปทำงานที่ไหนก็จะต้องเป็นท็อปเซลล์ให้ได้ทุกบริษัทนะครับ เพียงแค่นี้ค่าตัวของคุณก็จะพุ่งกระฉูดแบบใครๆ ก็ต้องการตัว

2. ย้ายงานไปอยู่ในองค์กรที่จ่ายผลประโยชน์และมีสินค้ากับบริการที่ดีกว่า

นักขายก็เหมือนนักธุรกิจ จงอ่านตลาดให้ออกว่าเทรนด์ของธุรกิจนั้นพุ่งไปทางไหน หรือตลาดไหนมีแนวโน้มที่จะโตแบบไม่หยุด เช่น ชั่วโมงนี้สินค้าไอที ซอฟท์แวร์ มีแนวโน้มว่าจะมาแรงเพราะผลกระทบของโควิด คุณจึงควรไปทำงานฟิลด์นั้นเพื่อผลประโยชน์ที่ดีและขายง่ายกว่า แต่ถ้าเป็นเซลล์เอเย่นวงการท่องเที่ยวก็คงรู้ชะตากรรมเลยว่าขายยากแน่นอน เป็นต้น คงไม่มีนักธุรกิจที่ไหนไม่คว้าโอกาสเอาไว้ตอนที่ต้องคว้า นี่คือหนึ่งในการก้าวออกจาก Comfort Zone ของการเป็นนักขายอีกรูปแบบนึงครับ

3. อยู่กับองค์กรที่จ่ายค่าคอมมิชชั่นอย่างยุติธรรมและมีโอกาสทำเงินหลักแสนต่อเดือนได้

รู้หรือไม่ว่ามีหลายๆ วงการที่สามารถจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้นักขายที่ทำเป้าได้ถึงระดับเกิน 100,000 ต่อเดือน ขอเพียงแค่ให้คุณทำให้ได้ก็พอ ถ้าบริษัทไหนจ่ายผลประโยชน์เรื่องค่าคอมมิชชั่นน้อยหรือไม่จ่ายเลย จงอย่าเลือกที่จะไปทำงานกับพวกเขานะครับเพราะว่ามันเสียเวลามากและไม่ได้สร้างความมั่งคั่งให้คุณแต่อย่างใด

4. ติดตามลูกค้าทั้งเก่าและใหม่และเก็บข้อมูลเหล่านั้นเอาไว้ให้ดี

ลูกค้าคือสมบัติล้ำค่าของคุณที่จะช่วยต่อยอดเวลาออกไปทำธุรกิจได้ ไม่ว่าคุณจะย้ายไปที่ไหนแล้วก็ตาม จงอย่าลืมลูกค้า VIP ของคุณ ติดตามพวกเขาด้วยการเอานามบัตรมาโทรไปทักทาย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ หรืออัพเดทว่าตอนนี้คุณทำอะไรอยู่บ้าง คิดกับพวกเขาแบบผู้ใหญ่หรือเพื่อน โดยเฉพาะลูกค้าตำแหน่งสูงๆ คอนเนคชั่นเหล่านี้จะทำให้คุณง่ายในการกลับมาขายพวกเขาหรือออกไปตั้งบริษัทเอง พวกเขานี่แหละที่จะเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่จะทำเงินให้คุณแถมง่ายแบบปอกกล้วยเข้าปากซะด้วย

5. ต่อยอดองค์ความรู้ด้วยหลักสูตร MBA กับคอร์สหาคอนเนคชั่นระยะสั้น

การได้วุฒิ MBA จะช่วยให้คุณเป็นผู้บริหารกับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่ก็คือคอนเนคชั่นขั้นเทพของคนที่ทำธุรกิจ ระหว่างเรียนอยู่ก็จงทำตัวให้ดีๆ เพราะสกิลการขายของคุณสามารถช่วยธุรกิจเพื่อนได้เกือบทั้งรุ่นเลยล่ะครับ ถ้านำเสนอตัวเองดี มีผลงานที่จับต้องได้ เชื่อเถอะว่าคุณสามารถก่อตั้งธุรกิจร่วมกับเพื่อนในฐานะหุ้นลมลงแรงได้ง่ายๆ เพราะใครๆ ก็ต้องการตัวเนื่องจากนักขายขั้นเทพนั้นหายาก แถมนักขายที่มีทักษะการบริหารคนยิ่งยากกว่า ทำให้คุณได้รับโอกาสจากเพื่อนและรุ่นพี่จนกลายเป็นเจ้าของกิจการได้เลย

6. เริ่มต้นธุรกิจด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการทำธุรกิจที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ทำมา

ถ้าคุณเป็นนักขายสายไอที เยี่ยมครับ จงจับธุรกิจไอทีที่คุณเคยวิ่งตลาดมา
ถ้าคุณเป็นดีเทลยา ดีครับ จงจับธุรกิจขายยาเข้าโรงพยาบาลเหมือนที่เคยทำ
ถ้าคุณเป็นเซลล์เคมีเกษตร แจ๋วเลยครับ จงไปเปิดร้านขายเคมีเกษตรหรือนำเข้ายามาขายเข้าร้าน

นี่คือตัวอย่างจากการทำธุรกิจซึ่งไม่ต้องกลัวนะครับว่าคุณจะแตกหักกับเจ้าของบริษัท เพราะยังไงตอนนี้คุณก็เป็น CEO ของบริษัทตัวเองแล้ว จงมองบริษัทเจ้านายเก่าเป็นคู่ค้า และจากคอนเนคชั่นกับประสบการณ์ที่ผ่านมานี่แหละครับที่จะทำให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายขึ้น

จงเริ่มธุรกิจแบบเทรดดิ้งที่ไม่จำเป็นต้องจ้างคนมากหรือต้องซื้อสินค้ามาสต๊อกไปก่อน ใช้รูปแบบธุรกิจนายหน้าจะทำให้คุณแทบไม่ต้องใช้เงินและเสี่ยงน้อย จากนั้นก็วิ่งออกตลาดและปิดการขาย เอาส่วนต่างมาหมุนเวียนเพื่อสร้างบริษัทและเริ่มจ้างคนกับทีมขายมาทำทุกอย่างให้เหมือนคุณให้ได้ บอกได้เลยว่าหลักร้อยล้านแบบ B2B นี่ไม่เกิน 5-10 ปีแน่นอนครับ

Comments

0 comments